ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 576 ยั่วยุ! ต้องเป็นการยั่วยุแน่ ๆ!

สีหน้าของเฉินเสียนเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ใครเป็นคนเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้ เธอมองไปที่สุดปลายพรมสีแดง และครู่หนึ่ง เธอเห็นร่างที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหวขยับเข้ามาในตอนกลางคืน และสบตาเข้ากับเหล่าขุนนางที่มารวมตัวกัน

ภายใต้แสงนั้น เขาดูชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ชุดเครื่องแบบขุนนางที่เรียบร้อยของเขา และสายลมที่พลิ้วไหว ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อย และหน้าผากของเขายังคงถูกพันแผลเอาไว้ ในดวงตาเรียวคู่นั้น ลึกราวกับแม่น้ำที่เต็มไปด้วยดวงดาว

เฉินเสียนได้ยินเสียงของตัวเธอกำลังถามเขาว่า “ท่านมาที่นี่ทำไม?”

ซูเจ๋อยืนอยู่บนพรมแดงและลมในตอนกลางคืนก็พัดปลายชุดเครื่องแบบขุนนางของเขาขึ้น เขาตอบว่า “องค์จักรพรรดิมีเรื่องน่ายินดี หม่อมฉันจึงเข้ามาแสดงความยินดีพ่ะย่ะค่ะ”

หัวใจของเฉินเสียนเต้นแรง เธอไม่ชอบให้เขาเรียกตัวเองว่าหม่อมฉันต่อหน้าของเธอ และไม่ต้องการความยินดีของเขา แต่เหล่าขุนนางที่อยู่ตรงหน้านั้น เขาจึงไม่สามารถก้าวข้ามกฎนี้ได้

เธอยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีกว่าลมแรงในตอนกลางคืนจะทำให้เขาเป็นหวัด เธอยิ่งกังวลว่าแผลที่ศีรษะของเขาจะไม่หาย

เฉินเสียนพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ใต้เท้าซูยังอยู่ในระยะพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อันที่จริงไม่ต้องมาก็ได้”

ซูเจ๋อกล่าว “หม่อมฉันมาถึงที่นี่แล้ว องค์จักรพรรดิจะไล่หม่อมฉันกลับงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ในที่สุด เฉินเสียนก็จ้องมาที่เขาและกล่าวว่า “เชิญใต้เท้าซูนั่งลงก่อน”

หลังจากนั้นงานเลี้ยงพระราชวัง อาจจะเป็นเพราะการปรากฏตัวของซูเจ๋อ ขุนนางทั้งหลายต่างก็รู้สึกว่าบรรยากาศแปลก ๆ ชอบกล

ใบหน้าของเฉินเสียนเคร่งขรึม และความสนใจของเธอทั้งหมดอยู่ที่ซูเจ๋อ และเธอแทบจะไม่ละสายตาจากเขาเลย ทุกกิริยาบถและทุกท่วงท่าของเขา อยู่ในสายตาของเธอทั้งหมด

เธอกลัวว่าร่างกายเขาจะไม่สบายและกลัวว่าเขาจะปรับตัวไม่ได้

ขุนนางทั้งหลายต่างก็คอยสังเกตเช่นกัน และกระซิบเตือนว่า “ฝ่าบาทผิดจริยาอย่าทอดพระเนตร”

ในเวลานี้ องค์ชายหกเทเหล้า หยิบแก้วแล้วลุกขึ้น ดวงตาที่เย็นชาและเฉียบคมของเฉินเสียนเพ่งตรงมาที่เขา แต่เขาเพิกเฉย และเดินไปทางซูเจ๋อโดยเฉพาะ

องค์ชายหกยืนอยู่ที่โต๊ะของซูเจ๋อและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใต้เท้าซู ไม่เจอกันตั้งนาน คราวก่อนองค์จักรพรรดิโชคดีที่ได้ใต้เท้าซูมาช่วยไว้ได้ทันเวลา จึงรอดพ้นจากอันตราย สุขภาพร่างกายของใต้เท้าซูเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้?”

ซูเจ๋อกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ขอบพระทัยองค์ชายหกที่ทรงเป็นห่วง”

รอยยิ้มที่โผล่ออกมาจากมุมปากขององค์ชายหกนั้นค่อนข้างเย็นชาเล็กน้อย และกล่าวว่า “ข้าก็ดีใจมากที่ใต้เท้าซูมาร่วมงานพิธีอภิเษกสมรสของข้ากับองค์จักรพรรดินี ข้าขอดื่มให้กับใต้เท้าซูหนึ่งแก้ว เหล้าในงานพิธีอภิเษกสมรสนี้ ใต้เท้าซูจะต้องดื่มให้ได้”

ร่างกายของเขายังไม่ค่อยจะดีนัก จะดื่มเหล้าได้อย่างไร อีกทั้งปกติเขาก็ไม่ดื่มเหล้า

เฉินเสียนระงับความโกรธของเธอ และเมื่อซูเจ๋อกำลังจะแตะแก้วเหล้า เธอก็พูดขึ้นมาทันที “ใต้เท้าซู ข้ามีคำสั่งห้ามท่านดื่มเหล้า วันนี้ดื่มไม่ได้ วันต่อไปก็ดื่มไม่ได้ ใครหน้าไหนกล้าเชิญชวนให้เขาดื่ม คนนั้นคือผู้ขัดคำสั่งของข้า!”

องค์ชายหกเผชิญหน้ากับซูเจ๋อ แสงไฟส่องเพียงเงาของเขา และสีหน้าของเขาค่อนข้างมืดมน

ซูเจ๋อยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

ยั่วยุ! ต้องยั่วยุแน่ ๆ!

บรรยากาศภายในงานเสียบสงัด และทุกคนต่างก็นิ่งสงบ

ต่อมาเฉินเสียนสั่งให้อวี้เยี่ยนออกคำสั่งให้พาซูเจ๋อกลับไปที่พักผ่อนที่พระตำหนักไท่เหอก่อน และสั่งให้หมอหลวงไปตรวจดูอาการที่พระตำหรักไท่เหอ

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เพิ่งจะลุกขึ้นและชักชวน เฉินเสียนดื่มเหล้าไปหนึ่งแก้ว จึงทำให้คำพูดที่เขาจะพูดออกมานั้นเก็บกลับเข้าไป และกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “วันนี้เป็นงานอภิเษกสมรสของข้ากับองค์ชายหก จะไม่มีการพูดคุยเรื่องในราชสำนัก ไม่เช่นนั้นมันจะดูโหดร้ายกับข้าเกินไป และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของข้ากับองค์ชายหกได้ อ้อ อ้ายชิงต้องการจะพูดอะไรหรือ?”

“หม่อมฉัน…หม่อมฉันจะบอกว่า…” ขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนนั้นถอนหายใจและกล่าวว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ประทานเหล้าให้หม่อมฉัน!”

หลังจากงานเลี้ยงพระราชวังสิ้นสุดลง ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างดูไม่รีบร้อนที่จะกลับออกไป หัวหน้าขันทีฝ่ายในเข้ามาเชิญเฉินเสียนและองค์ชายหกกลับพระตำหนักเพื่อเสด็จไปพักผ่อน

พระตำหนักฉีเล่อขององค์ชายหกนั้นถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี และตามความน่าจะเป็นแล้วคืนนี้เฉินเสียนจะต้องอยู่ร่วมหอกับองค์ชายหก

หากขุนนางเหล่านั้นไม่ได้เห็นเฉินเสียนและองค์ชายหกเสด็จไปที่พระตำหนักฉีเล่อด้วยตาของตัวเอง เกรงว่าคงไม่หยุดความคิดพวกเขาไว้ได้

ในที่สุดเฉินเสียนก็ถูกล้อมต้อนเข้าไปยังพระตำหนักฉีเล่อ

ทั้งวังหลวงต่างก็พูดถึงการเข้าห้องหอในคืนนี้

เฉินเสียนก้าวเข้าไปในห้องหอ มองเห็นเห็นเตียงไหมปักสีแดงในห้องนอน ซึ่งเป็นเหมือนเทียนไขและผลไม้หอม ๆ เหมือนกับฉากที่สามีภรรยาแต่งงานกัน

จากนั้นองค์ชายหกก็เข้ามายืนอยู่ข้างหลังเฉินเสียน ลมหายใจที่เขาหายใจออกมามีกลิ่นหอมของเหล้าจาง ๆ และมันก็ไหลรดต้นคอของเธอ เขาจ้องไปที่คอและหูด้านข้างของเฉินเสียนและกล่าวว่า “ในอาณาจักรเย่เหลียงของเรานั้น เมื่อองค์จักรพรรดิไปที่วังหลัง ไม่เพียงแค่องค์จักรพรรดินีเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสในการเคารพรักซึ่งกันและกัน เหล่าพระสนมนางกำนัลชั้นสูงก็สามารถจัดงานแต่งงานแบบนี้ในห้องเจ้าสาวได้”

“ท่านต้องการจะพูดอะไร?”

องค์ชายหกตรัสว่า “ข้ารู้ว่าท่านรักใคร่กับซูเจ๋อ แต่ในเมื่อเขายอมที่จะยกท่านให้กับข้า ท่านเป็นจักรพรรดินี ในชีวิตนี้ไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียว แล้วทำไมจะมีอะไรกับข้าด้วยไม่ได้?”

เฉินเสียนยิ้มเยาะเย้ยและหันไปมองชายชุดแดงที่อยู่ข้างหน้าเธอ และกล่าวว่า “ข้าก็กำลังร่วมแสดงกับท่านอยู่นี่ไง ท่านคิดว่าข้าควรจะทำให้สมจริงสมจังงั้นหรือ? องค์ชายหก ท่านเดินทางไกลเพื่อมาถึงต้าฉู่ คิดว่าข้าไม่รู้ว่าท่านวางแผนอะไรไว้งั้นหรือ? ข้าและเจ้าต่างก็รู้ธาตุแท้ของกันและกันหมด”

องค์ชายหกยิ้ม ก้มมองเธอ และตรัสว่า “‘งั้นการเข้าร่วมเรือนหอคืนนี้ก็ต้องดำเนินต่อไปน่ะสิ คืนนี้ท่านก็ควรต้องอยู่ในนี้ทั้งคืนสิ อืม? ข้าไม่สนใจหรอกว่าในใจของท่านจะมีแต่ซูเจ๋อ ข้าจะทำเครื่องหมายไว้บนเรือนร่างของท่านก่อน”

นางกำนัลเข้ามารายงานว่าได้เตรียมอ่างอาบน้ำไว้พร้อมแล้ว

เฉินเสียนกล่าวอย่างเฉยเมย “ไหนบอกว่าจะรอเข้าห้องหอไง ไปอาบน้ำให้สะอาดสิ”

นางกำนัลเดินเข้ามาและถอดชุดเสื้อผ้าให้กับองค์ชายหก แล้วติดตามเขาไปที่อ่างอาบน้ำหลังม่านกั้น เขามอง เห็นร่างของเฉินเสียนผ่านม่านกั้นนั้นที่ยืนอยู่ในห้องนอน ปรากฏเป็นภาพที่พราวไปด้วยเสน่ห์อย่างสุดจะพรรณนา

องค์ชายหกสัมผัสได้ เมื่อสองปีก่อน เขารู้ว่าในที่สุดเขาก็จะได้ผู้หญิงคนนี้มา ตั้งตารอทุกวี่ทุกวัน และค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่พิเศษ

เขามีจุดประสงค์ของเขา แต่เขาก็มีความตั้งใจส่วนตัวเช่นกัน

องค์ชายหกตรัสผ่านม่านกั้น “เฉินเสียน ประเดี๋ยวข้ามีของขวัญหนึ่งชิ้นจะมอบให้กับท่าน”

เฉินเสียนมองไปที่นางกำนัลที่วิ่งวุ่นมาจากประตูข้างนอก และตรัสอย่างเฉยเมย “ของขวัญอะไรหรือ”

“ประเดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง”

เฉินเสียนเกี่ยวริมฝีปากของเธอและกล่าวว่า “ข้าอาจจะรอไม่ถึงประเดี๋ยวแล้วล่ะ”

ทันทีที่พูดจบ นางกำนัลก็มาตรงหน้าและกราบทูลรายงาน “กราบทูลจักรพรรดิ เกิดเรื่องแล้วเพคะ องค์ชายใหญ่ทรงมีพระอาการประชวรและมีไข้สูงในตอนกลางคืนเพคะ”

ซูเจ๋อมาที่วังหลวงในคืนนี้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะทิ้งซูเซี่ยนไว้อยู่คนเดียวที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ซูเซี่ยนจึงกลับเข้ามาที่พระตำหนักไท่เหอด้วยในเวลานี้

เฉินเสียนก้าวออกจากห้องโดยไม่หันกลับไปมอง และกล่าวอย่างสบายใจ “ขอโทษด้วยนะองค์ชายหก ลูกชายของข้าป่วย ข้าไม่สามารถอยู่ร่วมหอกับท่านได้ในคืนนี้”

เมื่อองค์ชายหกได้ยินก็รีบลุกออกจากอ่างอาบน้ำ และสวมเสื้อคลุมพร้อมตะโกนด้วยความโกรธว่า “เรียกคนมาขัดขวางจักรพรรดินีไว้!”

คนที่กล้าออกมายืนขัดขวางไว้คือคนขององค์ชายหกที่มาจากเย่เหลียง คนเหล่านั้นมายืนขวางเฉินเสียนไว้โดยไม่อ่อนน้อมหรือขยับแม้แต่น้อย และกล่าวว่า “กราบบังคมทูลให้จักรพรรดินีกลับเข้าไปร่วมห้องหอกับองค์ชายหกพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนหรี่ตามองและกล่าวว่า “พวกเจ้ากล้ามาขวางทางเดินของข้า คิดว่าที่นี่เป็นเย่เหลียงของพวกเจ้างั้นหรือ ไปตามคนมา! นำตัวคนพวกนี้ออกไปโบยให้หนักคนละสามสิบไม้”

ทันทีที่คำนี้ออกไป ทหารองครักษ์จากนอกพระตำหนักฉีเล่อก็เข้า และกักกุมตัวคนของเย่เหลียงไว้ออกไปโบย

เฉินเสียนปัดเสื้อคลุมจักรพรรดิ และออกคำสั่งต่อนางกำนัลในพระตำหนักฉีเล่อ “ดูองค์ชายหกไว้ให้ดี”

องค์ชายหกใบหน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธ

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset