“ฮ่าๆ หนุ่มน้อยเย่หยวนนี้เป็นมังกรในหมู่คนจริงๆ เมื่อสักครู่ข้าได้ล่วงเกินเจ้าไป ถือว่าเห็นแก่หน้าชิวหลิงหวังว่าหนุ่มน้อยเย่หยวนจะไม่ว่ากล่าวโทษข้านะ”
เล้งหงซิ่วนั้นเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้แม้แต่เล้งซู่ก็ต้องตกตะลึงไป
ก่อนหน้านี้ในงานประลองเพื่อตำแหน่งนายน้อยเล้งหงซิ่วนั้นแทบจะกัดฉีกร่างเย่หยวนเป็นชิ้นๆ
แต่ในเวลาแค่พริบตาเขากลับมาทำท่าทางอ่อนน้อม
ต่อให้เย่หยวนจะแสดงความสามารถใดๆ ออกมา แต่การที่จะทำให้เทพถ่องแท้มาขอโทษต่อหน้านักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันก็ยังคงทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่มากจนเกินไป
เย่หยวนย่อมเข้าใจได้และรู้ทันทีว่าตอนนี้ในหัวของเล้งหงซิ่วกำลังคิดเรื่องแบบไหนอยู่
แต่เมื่อคนหน้าด้านเข้ามาขอโทษ จะตอกสวนกลับไปมันก็คงไม่ดีนัก “ผู้นำเล้งจะถ่อมตัวเกินไปแล้ว เรื่องนี้เย่หยวนคนนี้เองก็มีส่วนที่ทำผิดพลาดไป หวังว่าผู้นำตระกูลเล้งท่านจะให้อภัยข้าในส่วนนั้น”
เล้งหงซิ่วนั้นรีบยกมือขึ้นมาโบกปัดทันที “ไม่เลยๆ หนุ่มน้อยเย่นั้นคงไม่รู้แต่ห่าวเอ๋อนั้นข้านับเขาเป็นลูกชายคนหนึ่ง ข้าจึงมองเขาแตกต่างจากคนอื่นไม่น้อย มันจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดนี้ขึ้นมา”
เย่หยวนยิ้ม “ผู้นำตระกูลเล้งท่านเองก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญแก่ความสัมพันธ์ เย่หยวนย่อมเข้าใจจุดนี้ดี ในเมื่อเล้งซู่เขาเองก็ไม่ได้สนใจตำแหน่งนายน้อยนัก ทำไมท่านผู้นำตระกูลเล้งไม่ยกตำแหน่งนายน้อยให้เล้งห่าวไปเสียล่ะ?”
เล้งหงซิ่วหน้าเสียทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ได้แต่คิดว่าเด็กคนนี้ช่างเฉียบคม
การพูดเช่นนี้มันทำขึ้นเพื่อชิงความได้เปรียบ ทำให้เขาต้องยืนยันสถานะของตัว!
“หึๆ หนุ่มน้อยคงพูดเล่นแล้ว เล้งห่าวนั้นทำเรื่องผิดพลาดมหันต์ ข้ากำลังคิดจะสั่งคนไปจับเขาเข้าขังคุกเสียหน่อยเพื่อเป็นตัวอย่างแก่คนอื่น มีหรือที่ข้าจะยังปล่อยให้เขากลับมารับตำแหน่งนายน้อยได้?” เล้งหงซิ่วยิ้มตอบ
เล้งซู่นั้นได้แต่ยืนนิ่งดูภาพตรงหน้านี้ เพราะท่าทางของเล้งหงซิ่วมันเปลี่ยนไปจนเหลือเชื่อ
มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังหลอน เหมือนได้เห็นภาพของเล้งหงซิ่วกำลังก้มหัวลงน้อยๆ
แท้จริงแล้วแม้เล้งหงซิ่วจะเป็นถึงเทพถ่องแท้แต่เขาก็มิใช่คนที่คิดการใหญ่หรือจิตใจโหดเหี้ยมพอจะสังหารใครลงในทันที
กลับกัน เขานั้นเป็นคนจิตใจอ่อนแอ ไม่เช่นนั้นคนไม่โดนเด็กน้อยอย่างเล้งห่าวมาจูงจมูกได้ง่ายๆ เช่นนั้น
เหตุผลเดียวที่เขาได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลมาก็เพราะว่าเล้งชิวหลิงเพียงเท่านั้น
ด้วยลูกสาวที่กลายเป็นยอดอัจฉริยะของคฤหาสน์พันทะยาน แน่นอนว่าคนตระกูลเล้งย่อมต้องไว้หน้าเขาอย่างมาก
แต่ในด้านนิสัยแล้วเขาเป็นคนที่ขาดตกบกพร่องไม่สมควรขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลอย่างถึงที่สุด
เมื่อคิดได้ว่าเย่หยวนอาจจะมีเบื้องหลังอย่างไร เล้งหงซิ่วจึงรีบโยนท่าทางหยิ่งผยองของเทพถ่องแท้ไปในทันที
แต่เรื่องนี้จะไปโทษเขาทั้งหมดมันก็คงไม่ได้เพราะเขาแห่งถงเทียนนั้นคือใจกลางของมหาพิภพถงเทียน
กลุ่มคนใดๆ ที่ดูแลทางขึ้นเขาแห่งถงเทียนนั้นย่อมเป็นยอดกองกำลังของมหาพิภพถงเทียนนี้ทั้งสิ้น
อย่าว่าแต่ตระกูลเล้ง แม้จะเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิทั้งหมดก็ไม่อาจไปลบหลู่พวกเขาเหล่านั้นได้
และความสามารถที่เย่หยวนแสดงออกมามันยิ่งทำให้เขามั่นใจในความคิดนี้
ตอนนี้มิใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น แม้แต่เล้งชิวหลิงเองก็เชื่อไปอย่างไม่ต่างจากพ่อมากนัก
แต่เรื่องราวนี้เมื่อมันไปอยู่ในสายตาของเล้งซู่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“หึๆ หนุ่มน้อยเย่อย่างได้กังวลไป ตอนนี้อยู่ที่บ้านตระกูลเล้งข้าไปก่อนเถอะ เจ้าและเล้งซู่นั้นเป็นสหายกัน ข้าว่าเจ้าน่าจะอยู่ได้อย่างสุขสบายใจ ตอนนี้ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการอีกมาก คงอยู่คุยด้วยต่อไม่ได้แล้ว” เล้งหงซิ่วยิ้มบอก
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เชิญท่านผู้นำตระกูล”
…
ในเวลานั้นหานดงจุนก็ได้กลับไปคุกเข่าต่อหน้าผู้นำตระกูลหานด้วยน้ำตานองหน้า
“ท่านผู้นำ ท่านต้องช่วยดงจุนนะ! ข้านั้นมีลูกชายแค่คนเดียวนี้ ตอนนี้เขากลับถูกฆ่าสังหารลงและเจ้าเล้งหงซิ่วนั้นมันก็ช่างหยาบคายไม่มีท่าทางเคารพใดๆ ต่อท่านเลย!”
หานเทียนหยู่ขมวดคิ้วแน่น เขานั้นไม่เป็นคนจิตใจอ่อนแอเหมือนเล้งหงซิ่ว จะได้ถูกคำของหานดงจุนชี้นำได้ง่ายๆ
กำลังของตระกูลหานที่เหนือล้ำกว่าตระกูลเล้งนั้นมันย่อมมีที่มาจากตัวเขา ผู้นำตระกูลคนนี้
หลังกลั้นขำไปได้สักพัก หานเทียนหยู่ก็กล่าวขึ้น “ไป เราไปรับตัวคนกัน!”
หานดงจุนนั้นไม่ได้มีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะมากมายนัก การที่จะขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้มันคงเป็นเรื่องยากเกินตัวสำหรับเขา
แต่ความสามารถในการจัดการของเขานั้นสูงส่ง เรื่องราวธุรกิจต่างๆ ของตระกูลหานนั้นล้วนแล้วแต่มีหานดงจุนคอยกำกับดูแล
ตอนนี้เมื่อหานดงจุนถูกผู้คนทำร้าย มันก็ย่อมเท่ากับว่าคนผู้นั้นคิดหาเรื่องตระกูลหาน
ทายาทตระกูลหานถูกสังหาร ส่วนคนพ่อก็ยังถูกทำร้าย หากเขาผู้นำตระกูลคนนี้ไม่ขยับเคลื่อนไหวบ้างมันก็คงทำให้ผู้คนเสื่อมความศรัทธาเป็นแน่
ในสายตาของหานเทียนหยู่ การที่ตระกูลเล้งบอกให้ตัวเขาออกไปเองนั้นมันก็เป็นเพียงแค่เพื่อรักษาหน้า
แค่นภาสวรรค์สองดาวคนหนึ่ง มีหรือที่มันจะคุ้มค่าให้ตระกูลใหญ่สองตระกูลอย่างตระกูลเล้งและตระกูลหานต่อสู้กันจนฉิบหาย
เมื่อตัวเขาออกมาแก้ไขเอง เรื่องราวทั้งหมดมันก็น่าจะคลี่คลายได้ทันที
แต่ว่าเขานั้นคิดผิด!
เมื่อได้ยินคำของหานเทียนหยู่ว่าอยากได้ตัวคน เล้งหงซิ่วกลับแสร้งยิ้มขึ้น “หึๆ พี่เทียนหยู่ เย่หยวนนั้นเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลเล้งข้า แต่ท่านกลับมาพูดขอตัวเขาไปเช่นนี้มันคงจะไม่เหมาะไม่ควรเกินไปล่ะมั้ง?”
หานดงจุนนั้นมึนงงในทันทีที่ได้ยิน ก่อนเขาจะจากไปมิใช่ว่าเล้งหงซิ่วยังตะโกนด่าจะไล่ฆ่าสังหารเย่หยวนคนนั้นอยู่เลยมิใช่หรือ?
แต่ทำไมพริบตาเดียวเย่หยวนถึงได้กลายเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลเล้งไป?
ได้ยินคำของเล้งหงซิ่ว หานเทียนหยู่ก็ทำหน้าเครียดขึ้น “ผู้นำตระกูลเล้ง ท่านทำเช่นนี้มันคงไม่เหมาะล่ะมั้ง? เย่หยวนคนนั้นสังหารทายาทตระกูลหานข้า หากข้าไม่จัดการมันลงวันหน้าตระกูลหานข้าจะยังเอาหน้าที่ไหนไปสู้ผู้คนในเมืองหลวงจักรพรรดินี้?”
เล้งหงซิ่วแค่ตอบกลับไป “นั่นมันเรื่องของตระกูลหานท่าน ไม่เกี่ยวกับข้า ไม่ว่าอย่างไรเย่หยวนคนนี้พวกท่านก็ห้ามแตะต้อง!”
หานเทียนหยู่หัวเราะขึ้น “แล้วหากข้ายังคิดจะแตะต้องเล่า? หรือว่าตระกูลเล้งท่านคิดจะทำสงครามกับตระกูลหานข้า?”
เล้งหงซิ่วหัวเราะขึ้นบ้าง “เช่นนั้นก็ประกาศสงครามมาเลย ตระกูลเล้งข้าเคยกลัวพวกเจ้าหรือ? แม้ว่าพี่ชายของข้าจะจากไปแล้วแต่เจ้าก็อย่าได้ลืมว่าตระกูลเล้งข้ามีเล้งชิวหลิงอยู่!”
นั่นทำให้หานเทียนหยู่ได้แต่ทำหน้าเหยเก
เดิมทีตระกูลเล้งนั้นกำลังมุ่งหน้าลงเหว ไม่มีใครนึกใครฝันว่าในเวลาไม่ถึงพันปีพวกเขากลับจะให้กำเนิดยอดอัจฉริยะอย่างเล้งชิวหลิงขึ้นมาจนกดดันตระกูลใหญ่อื่นๆ ในเมืองหลวงจักรพรรดินี้จนสิ้น
ตอนนี้เล้งชิวหลิงนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าของคฤหาสน์พันทะยาน เรียกว่าพวกเขานั้นได้มอบทุกสิ่งอย่างที่มีให้แก่นาง
ลูกชายของหานเทียนหยู่นั้นแก่กว่าตัวเล้งชิวหลิงมาก แต่กลับมีพลังอยู่ในระดับไม่แตกต่างจากเล้งชิวหลิงมากมายนัก
หากตระกูลเล้งและตระกูลห่านแตกหักกันจนถึงขั้นนั้น แน่นอนว่าทางคฤหาสน์พันทะยานต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยแน่
เล้งหงซิ่วพุ่งแค่เรื่องนี้เพียงลำพังก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย
หานเทียนหยู่หายใจเข้าลึกก่อนจะลดน้ำเสียงลง “น้องหงซิ่ว แค่กับเด็กนภาสวรรค์สองดาว มันต้องทำถึงขั้นนี้เลย?”
เล้งหงซิ่วยังคงมองกลับมาด้วยท่าทางไม่คิดยอม “แค่เด็กนภาสวรรค์สองดาว? หึ หานเทียนหยู่ ท่านฉลาดมาทั้งชีวิตกลับมาโง่เสียเรื่องนี้!”
นั่นทำให้หานเทียนหยู่ผงะไปไม่น้อย “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
เล้งหงซิ่วบอก “แม้ว่าหานดงจุนคนนี้มันจะเป็นแค่ขยะ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นถึงเทพถ่องแท้ครึ่งก้าว! ข้าได้ให้โอกาสมันไปแล้ว แต่มันกลับไม่อาจจับตัวนภาสวรรค์สองดาวคนนั้นได้ แล้วท่านคิดว่าเด็กนภาสวรรค์สองดาวคนนี้จะธรรมดามากหรือ?”
ที่ด้านข้างหานดงจุนแทบเสียสติ
เพราะเล้งหงซิ่วด่าว่าเขาเป็นขยะต่อหน้าผู้คนไม่น้อย
แต่ทว่าหานเทียนหยู่กลับมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทำให้ใบหน้าของหานดงจุนซีดเผือด
ตัวเขานั้นย่อมไม่คิดจะพูดเรื่องราวสุดน่าอายเช่นนั้นให้แก่หานเทียนหยู่ฟัง
เทพถ่องแท้ครึ่งก้าวกลับไม่อาจจับตัวนภาสวรรค์สองดาวไว้ได้
เรียกว่าขยะยังนับว่าเป็นคำชม
“ผู้นำตระกูล ข้า… ข้า…” หานดงจุนพยายามพูดแต่ก็ไม่ทราบต้องพูดอะไร
ผัวะ!
ฝ่ามือของหานเทียนหยู่ตบหานดงจุนจนปลิวไปไกล
ข้อมูลสำคัญเช่นนี้ แต่เจ้าหมอนี่มันกลับไม่คิดรายงานและปิดบังไว้ ทำให้เขาต้องเดินทางมาเสียหน้าไปด้วย!
หานดงจุนเป็นขยะหรือ?
ต้องไม่ใช่แน่!
อย่างน้อยๆ ก็ต่อหน้านภาสวรรค์สองดาว หานดงจุนนั้นต้องไม่ใช่ขยะแน่ๆ
คำพูดนี้ของเล้งหงซิ่วมันแฝงความหมายไว้!
“ขอบคุณน้องหงซิ่วที่เตือน วันนี้เป็นหานผู้นี้เองที่ใจร้อนไป” หานเทียนหยู่ยกมือขึ้นคารวะและเดินทางกลับไป
…………………………