บทที่ 649 ภูเขาทองนี่ขุดไม่ง่ายเลย!
เยี่ยหวันหวั่นเห็นสถานการณ์ก็กลืนน้ำลาย พูดด้วยความระมัดระวังว่า “เอ่อ…แต่ว่าตอนแรกคุณตกลงสัญญากับฉันแล้ว หนึ่งในข้อนั้นคือฉันมีอิสระได้ ไม่อนุญาตให้ขอความช่วยเหลือจากคุณไม่ใช่เหรอคะ?”
ตอนนั้นซือเยี่ยหานมั่นใจว่าเธอจะต้องหัวร้างข้างแตกอยู่ข้างนอกแน่ จากนั้นจะกลับมาขอร้องเขาอย่างว่านอนสอนง่าย…
แต่ผลลัพธ์ล่ะ…
จอมมารที่ขุดหลุมฝังตัวเองเงียบงัน
ริมฝีปากบางของซือเยี่ยหานเม้มจนเป็นเส้นตรง ผ่านไปนาน เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย “เธอลองพูดโน้มน้าวฉันดูได้”
พูดจบ ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาช้างๆ เหลือบมองเธอแล้วพูดต่อ “บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจ”
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไป
ซือเยี่ยหานอาจจะเปลี่ยนคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้?
ไม่ว่ายังไง เอาซือเยี่ยหานมาลองเป็นผู้ร่วมลงทุนดูก็ไม่แย่อะไร ถ้าแม้แต่ซือเยี่ยหานเธอยังโน้มน้าวได้ แบบนั้นอยากจะหานายทุนก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วนี่?
ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเสียงเบา “ได้ค่ะๆ งั้น…งั้นตอนนี้ฉันเริ่มแล้วนะ?”
ซือเยี่ยหานตอบ “ได้”
แผนการลงทุนนี้เยี่ยหวันหวั่นเตรียมไว้นานมากแล้ว ดังนั้นเลยพูดได้อย่างคล่องแคล่ว “ข้อแรก แบ็กกราวน์ กวงเย่ามีเดียเป็นบริษัทลูกของโกลบอลเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีความแข็งแกร่ง ทรัพยากร และเครือข่ายกว้างขวาง ฉันสามารถจัดการให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังแนวหน้าได้…”
ซือเยี่ยหานเอียงหน้าเล็กน้อย เหมือนว่ายังไม่โดนใจ
เยี่ยหวันหวั่นไม่ท้อ ลองพูดต่อ “ข้อสอง นักแสดงมีฝีมือ นักแสดงนำชายตอนนี้คือกงซวี่ที่ฮอตฮิตที่สุดในปัจจุบัน ถึงแม้ฝีมือการแสดงของกงซวี่จะถูกวิจารณ์เป็นอย่างมาก แต่พักหลังนี้ฉันใช้เวลาฝึกฝนกับเขาโดยเฉพาะ ที่สำคัญที่สุดคือบทหนังเรื่องนี้เหมาะกับเขามาก ฉันมั่นใจว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ของกงซวี่ต่อหน้าสาธารณชนได้ ถึงตอนนั้นต้องเป็นที่กล่าวถึงมากพอแน่นอน…”
สีหน้าซือเยี่ยหานยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ถึงขั้นตอนที่ได้ยินชื่อกงซวี่ คิ้วเขาขมวดเล็กน้อย
ก็ได้ เธอพูดมาตั้งนาน ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคะแนน ซ้ำยังจะถูกหักคะแนนด้วย
เยี่ยหวันหวั่นไม่กล้าพูดถึงกงซวี่อีก ได้แต่รีบพูดเสริมว่า “ข้อสาม บทของหนัง นักลงทุนตอนนี้มองแต่ทีมงานผู้ผลิตและฝีมือของนักแสดง มีน้อยคนที่จะดูบทด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว บทของหนังถือเป็นหัวใจสำคัญของหนังเลย การผลิตหนังและละครของประเทศ H และประเทศ M ถือเอาบทเป็นที่ตั้ง คนเขียนบทมีอำนาจในการออกเสียงมากที่สุดในกอง ดังนั้นเลยมีหนังคุณภาพสูงออกมามาก นำหน้าแวดวงบันเทิงในประเทศไปมาก…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดจนปากแห้ง ปรากฏว่าซือเยี่ยหานดูไม่สนใจเลย
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก วางแผนธุรกิจลง แล้วดื่มน้ำครึ่งแก้วใหญ่อึกๆๆ
หรือว่าแผนที่เธอเตรียมมานานขนาดนี้จะแย่มาก
แล้วเธอจะหาคนลงทุนยังไงดี!
สายตาซือเยี่ยหานมองตามไปที่เธอ ทำสีหน้าเร่งเร้า “ทำไมไม่พูดต่อ”
มุมปากเยี่ยหวันหวั่นกระตุกเล็กน้อย ให้ต่ออะไรล่ะคุณชาย! คุณไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรเลยสักนิด!
เยี่ยหวันหวั่นสูดลมหายใจลึก พูดต่อว่า “ยังไงก็แล้วแต่ ฉันมั่นใจและสามารถรับประกันได้ด้วย สุดท้ายแล้วรายได้แต่ละด้านและความโด่งดังของหนัง จะเป็นหลายเท่าของที่คุณลงทุนเลย!”
ชาติที่แล้วบริษัทที่ลงทุนหนังเรื่องนี้ได้รายได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว
ซือเยี่ยหานเอ่ย “ดังนั้น?”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นซือเยี่ยหานทำท่าทีเป็นคุณชายใหญ่มีเงินเยอะ สีหน้าไม่ยี่หระราวกับว่าถึงแม้จะได้เงินเพิ่มเป็นร้อยเท่าแล้วยังไง เธอเลยเงียบพูดไม่ออก
ก็คุณเห็นเงินทองไร้มูลค่าไปแล้ว แล้วจะให้ฉันเรียกมาร่วมทุนยังไง
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นหมดหนทางแล้วจริงๆ จึงพูดตรงๆ ขึ้นมา “แล้ว…แล้วถ้าไม่ให้น้ำปุ๋ยตัวเองไหลไปที่นาของคนอื่นล่ะ!”
ได้ยินประโยคว่า ‘แล้วถ้าไม่ให้น้ำปุ๋ยตัวเองไหลไปที่นาของคนอื่นล่ะ’ ในที่สุดใบหน้าอัมพาตของซือเยี่ยหานก็เปลี่ยนไป
“เธอโน้มน้าวฉันได้แล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งไป หา?
นี่เธอโน้มน้าวได้แล้ว? เธอพูดอะไรไป?
………………………………………………………………
บทที่ 650 ทำไมคุณน่ารักอย่างนี้
เมื่อได้ยินประโยคว่า ‘เธอโน้มน้าวฉันได้แล้ว’ ของซือเยี่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นแสดงสีหน้างงงวย
เธอพูดอะไรไป?
เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อกี้ยังเห็นเงินทองไร้ค่าอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ก็โน้มน้าวได้เฉย
หรือเพราะประโยคนั้น…ไม่ให้น้ำปุ๋ยตัวเองไหลไปที่นาของคนอื่น?
เดิมที วันนี้เธอคิดจะให้ซือเยี่ยหานเป็นคู่ฝึกซ้อมเวลาพูดกับผู้ร่วมทุนดู กลายเป็นว่าแม้แต่ซือเยี่ยหานที่เป็นบอสใหญ่เธอยังสามารถจัดการได้สำเร็จ อย่างนั้นจะยังมีผู้ลงทุนคนไหนที่เธอคุยไม่ได้อีก?
ส่วนผลลัพธ์น่ะเหรอ นายนี่ไม่เล่นตามวิธีปกติเลย เธอยุ่งมาตั้งนานขนาดนั้น แต่กลับไม่สนใจสาระสำคัญเลย
เยี่ยหวันหวั่นก้มหน้าลงถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ปัญหาของแผนลงทุนเธอแน่นอน ไปลองถามคนที่หาเงินได้วันละร้อยล้านเห็นเงินสิบสตางค์หล่นคิดว่าจะเก็บไหม?
ซือเยี่ยหานใช้ปากกาหมึกโลหะสีทองเคลือบดำจรดลงไปบนเอกสารแผนการลงทุน “เธอต้องการเท่าไร?”
น้ำเสียงเหมือนไม่แยแสว่าต้องการเท่าไรนี่มันยังไงกัน
เยี่ยหวันหวั่นกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง จ้องมองภูเขาทองตรงหน้า “คุณจะลงทุนจริงเหรอ?”
นี่ไม่ใช่ว่าตบหน้าตัวเองหรอกเหรอ
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าซือเยี่ยหานดูอึดอัด แต่ยังแสดงสีหน้า ‘กฎที่ข้าตั้ง ข้าอยากจะแก้ก็แก้’ “ทำไม?”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นรูปการณ์ก็อดหลุดขำออกมาไม่ได้ มือหนึ่งเท้าคาง ยิ้มตาหยีมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูเหมือนเย็นชา แต่กลับจองหองและนิ่งขรึม “ที่รัก ทำไมคุณน่ารักอย่างนี้”
สีหน้าซือเยี่ยหานอึ้งไปในทันที นิ่งมองดูสีหน้าหญิงสาวที่หยอกล้อและเกียจคร้าน
เยี่ยหวันหวั่นวางแผนธุรกิจในมือลง ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าจะสอนฉัน ไม่อยากให้ฉันมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง ให้ฉันเผชิญหน้าตัวคนเดียว เผื่อมีวันหนึ่งตัวเองจะได้ตอบโต้ทุกอย่างได้ไม่ใช่เหรอ?”
ได้ยินสองคำว่า ‘คนเดียว’ จากปากของหญิงสาว ริมฝีปากซือเยี่ยหานยิ่งเม้มตึง
ถ้าเป็นไปได้…เขาจะยอม…ให้เธอเผชิญหน้าคนเดียวได้ยังไง…
กระทั่งยังหวังว่าเธอจะทำอะไรไม่เป็น… ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง…
พอเห็นสีหน้าซือเยี่ยหาน ในใจเยี่ยหวันหวั่นเจ็บปวดเหมือนโดนแมลงกัดแทะ สายตามองไปทางเขาด้วยความจริงจังพูดว่า “ซือเยี่ยหาน อีกหน่อยถ้าคุณไม่อยู่ข้างฉัน ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี พยายามทำให้ได้ดั่งที่คุณหวัง ถ้าหากว่าคุณอยู่…”
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไป แล้วเอ่ยต่อว่า “ฉันก็หวังว่าจะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่คุณได้”
วินาทีที่คำพูดของหญิงสาวสิ้นสุดลง นัยน์ตาซือเยี่ยหานราวกับมีไฟลุกโชน ฝ่ามือกว้างโอบศีรษะหญิงสาวไว้ทันที ก่อนออกแรงจูบลงไปบนริมฝีปากของเธอ…
เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมของชายหนุ่มจึงยังชื้นอยู่ ลมหายใจสดชื่นผสมกับความชื้นของไอน้ำโอบล้อมเธอไว้ ร่างกายที่โดนสัมผัสมีไฟลุกโชนขึ้นมาแต่ละจุดแต่ละจุด…
ลมหายใจในหน้าอกยิ่งน้อยลง จนในที่สุดช่วงที่สามารถหายใจได้ เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นมาสบตากับนัยน์ตาของชายหนุ่มที่เหมือนจะดูดวิญญาณเข้าไปได้…
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นโดนกดอยู่บนโซฟาอ่อนนุ่ม ผมของซือเยี่ยหานชื้นและยุ่งเหยิง ชุดนอนคลายออกตอนขยับตัวเมื่อครู่ เผยให้เห็นแผ่นหน้าอกที่ขาวเกินไปเพราะป่วยแต่ก็ไม่ได้ดูบอบบาง ด้านล่างเป็นหน้าท้องลายเส้นสวยงามและกล้ามเนื้อที่เปี่ยมพลัง…
เยี่ยหวันหวั่นรีบส่ายหน้า ทำให้ตัวเองสงบจากภาพที่งดงามนี้ “เฮ้อ คุณหมอซุนบอกแล้ว ก่อนร่างกายคุณจะกลับมาฟื้นฟูเต็มร้อย จะอะไรนั่นไม่ได้…ออกกำลังกายอย่างหนักไปก่อน…”
ซือเยี่ยหานได้ยิน สีหน้าแข็งทื่อไปทันที ก้นบึ้งนัยน์ตามืดดำและหงุดหงิด
เยี่ยหวันหวั่นเห็นแล้วก็หลุดขำออกมา นิ้วมือสอดเข้าไปในผมสั้นดำขลับของชายหนุ่มแล้วนวดเป็นการปลอบโยน “วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล! มีประโยคหนึ่งพูดว่ายังไงนะ อนาคตยังอีกยาวไกลใช่ไหม!”
……………………………………………………..