บทที่ 579 ไม่มีทางรังเกียจที่หน้าตาอัปลักษณ์
หายนะ…
ก่อนหน้านี้เธออ้างยุ่งเรื่องเรียนและทำงานมาตลอด ครั้งนี้จะทำยังไงดี!
สายมือถือดังสิบกว่าครั้ง เยี่ยหวันหวั่นรับสายอย่างปวดหัว “ฮัลโหล แม่คะ…”
“หวันหวั่น วันนี้ยุ่งหรือเปล่า”
เยี่ยหวันหวั่นไม่กล้าตอบกลับทันที แต่ถามอย่างระมัดระวัง “แม่คะ มีอะไรหรือเปล่า”
เหลียงหวั่นจวินพูด “แม่ถักเสื้อไหมพรมให้ลูกตัวหนึ่ง เมื่อไรลูกจะว่างเข้ามาเอาล่ะ?”
“เอ่อ อีกสองวันนะคะ รอวันเสาร์อาทิตย์ได้ไหม” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
“ได้สิ งั้นเดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้เรียกแฟนลูกมากินข้าวที่บ้านด้วยกันนะ?” เหลียงหวั่นจวินลองหยั่งเชิงถาม
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไป
สุดท้ายก็ยังหลงกลอยู่ดี…
เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเสียงเบา “เสาร์อาทิตย์เหรอคะ ช่วงนี้เขาทำโอทีตลอดเลย อาจจะไม่มีเวลา…”
“งั้นเหรอ…” น้ำเสียงเหลียงหวั่นจวินฟังดูค่อนข้างเสียดาย
จากนั้น น่าจะเป็นเพราะเยี่ยหวันหวั่นปฏิเสธมาหลายรอบมาก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงเงียบไปสักพัก เลยถามอย่างระวัง “หวันหวั่น ลูกไม่มีเรื่องอะไรปิดบังแม่อยู่ใช่ไหม”
ลูกสาวเอาแต่พูดว่าความสัมพันธ์กับแฟนดีมาก แต่อีกด้านก็บอกว่ารอให้ความสัมพันธ์มั่นคงก่อนค่อยพาไปที่บ้าน เธอลองหยั่งเชิงไปตั้งหลายครั้งก็ยังโดนปฏิเสธมาหลายรอบ เหลียงหวั่นจวินจึงเริ่มรู้สึกผิดปกติ
ไม่มีใครรู้จักลูกสาวตัวเองดีไปกว่าแม่จริงๆ เธอระมัดระวังขนาดนี้แล้วยังมองออกอีก?
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกร้อนตัวทันที รีบตอบ “ไม่มีค่ะ หนูจะมีเรื่องอะไรปิดบังแม่คะ!”
น้ำเสียงเหลียงหวั่นจวินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา “งั้นบอกแม่มาตามตรง ลูกกับแฟนลูกคบกันเป็นยังไง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ที่แท้ก็ห่วงเรื่องนี้…
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ รีบตอบว่า “ไม่มีเรื่องอะไรค่ะ เราสองคนคบกันดี จะมีปัญหาอะไรได้คะ เขาไม่ใช่คนประเภทคุณชายใหญ่อย่างกู้เยว่เจ๋อนั่น ไม่ได้เจ้าชู้แบบนั้น รักเดียวใจเดียวกับหนูค่ะ”
“เฮ้อ ถ้าเป็นแบบนี้ พ่อแม่ค่อยวางใจหน่อย พวกเราก็ได้แต่หวังว่าลูกจะมีความสุข ตอนนี้พี่ชายลูกก็เป็นแบบนั้น…” เหลียงหวั่นจวินถอนหายใจ
“แม่ วางใจได้ค่ะ หนูจะต้องมีความสุขแน่!”
ได้ยินพ่อแม่พูดถึงเยี่ยมู่ฝาน สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นนิ่งไปเล็กน้อย
ถึงแม้ช่วงนี้ความขัดแย้งระหว่างเธอกับเยี่ยมู่ฝานจะไม่เกิดขึ้นถี่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ดีถึงขั้นนั้น
ตอนนี้เพราะว่าสถานภาพทางครอบครัวเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อีกทั้งคำพูดกรอกหูของเฉินเมิ่งฉี พี่ชายเลยไม่ยอมฟังคำพูดของคนรอบข้างเลย เธอพูดมากเท่าไรก็เปล่าประโยชน์
ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เฉินเมิ่งฉีก่อความวุ่นวายได้ก็ให้เขาเป็นคนจัดการ เขายังคิดว่าตัวเองได้รับความไว้วางใจ ถูกเห็นเป็นคนสำคัญ…
ตอนนี้ ได้แต่ให้เฉินเมิงฉีสร้างความลำบากให้เขาถึงค่อยรู้สึกตัว…
ชาติที่แล้วเขาถูกหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว แล้วยังโง่ไปออกเงินให้เฉินเมิ่งฉีอีก ตัวเองโดนเองไม่เท่าไร แต่ยังสร้างภาระให้พ่อแม่อีก…
ชาตินี้ เธอจำเป็นต้องให้บทเรียนกับเขา
เหลียงหวั่นจวินค่อยสบายใจได้ “งั้นก็ดีแล้ว หวันหวั่นคิดได้แบบนี้ถูกต้องแล้ว พ่อแม่เห็นตอนนี้ลูกเดินไปเองได้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะดีใจมากแค่ไหน หาแฟนต้องหาคนที่ดีกับลูกและมั่นคงด้วย หน้าตาผู้ชายไม่สำคัญอะไร พ่อของลูกก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พวกเราไม่ถือสาเรื่องรูปร่างหน้าตาของเขาเลย!”
เหลียงหวั่นจวินย้ำอีกครั้งว่าไม่รังเกียจหน้าตาของว่าที่ลูกเขย
ยีนของคนตระกูลเยี่ยดีมาก ทำให้เยี่ยหวันหวั่นสเปคไว้สูงตั้งแต่เด็ก แล้วยังหลงใหลคนที่รูปร่างหน้าตาอีก ดังนั้นเหลียงหวั่นจวินเลยเป็นห่วงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะทะเลาะกับแฟนเพราะเรื่องนี้
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ได้แต่พูดเออออตามไป “แม่ หนูรู้ค่ะ หนูเกลียดพวกผู้ชายหน้าตาดีมีฐานะที่ใครๆ ก็มาหลงเสน่ห์ที่สุด…”
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะนั้น ไม่ได้สังเกตทางด้านหลังเลย…
………………………………………………………………
บทที่ 580 ตัวเองหล่อขนาดไหนคุณไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอ
“แม่คะ หนูรู้ค่ะ หนูเกลียดพวกผู้ชายหน้าตาดีมีฐานะที่หว่านเสน่ห์ใส่ผู้หญิงอื่นไปทั่วที่สุด…”
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะอยู่นั้น ไม่ได้สังเกตทางด้านหลังเลย…
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียง ‘เอี๊ยด’ ดังขึ้นมา ประตูระเบียงถูกเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็หันกลับไป จากนั้นเห็นร่างสูงเพรียวของซือเยี่ยหานยืนอยู่ตรงนั้น มือหนึ่งถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้
เธอกำชับไว้เป็นพิเศษว่าวันนี้จะออกไปเดทข้างนอก ไม่อยากใส่ชุดทางการมาก ตอนนี้ซือเยี่ยหานเลยสวมเสื้อสีขาวธรรมดา ใส่เสื้อโค้ตขนแกะสีน้ำเงินอมเทา ผมสีดำขลับไม่ได้ผ่านการจัดทรงใดๆ มองไปแล้วดูอ่อนโยนผิดปกติ
ชายหนุ่มจมูกโด่ง เส้นริมฝีปากชัดเจน ริมฝีปากบางดูไปแล้วเย็นชาและไร้ความรู้สึก นัยน์ตาที่เย็นเยือกราวทะเลสาบใสแจ๋วไร้สิ่งปลอมปน ลุคแบบนี้เทียบกับแต่งตัวทางการตามปกติแล้วเขาดูเด็กลงหลายปี บวกกับรัศมีสูงส่งเกินเอื้อมที่ไม่ให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้ ดาเมจแรงสุดๆ…
เวลานี้ ดูเหมือนซือเยี่ยหานบังเอิญได้ยินประโยคสุดท้ายที่เธอพูด ดวงตาคู่ลึกซึ้งนั้นจึงหรี่ลงโดยที่ไม่อาจสังเกตเห็น…
ส่วนเยี่ยหวันหวั่นยังค้างอยู่ในท่าถือโทรศัพท์มือถือ จ้องมองหนุ่มรูปหล่อที่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าอึ้งงัน!
แย่แล้ว!
ทำไมซือเยี่ยหานถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!
“แม่คะช่วงนี้หนูยุ่งมากขอวางก่อนนะคะ กลับไปค่อยคุยกันนะคะบายๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นวางสายลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นกลืนน้ำลายดังเอื้อก อ้ำๆ อึ้งๆ มองไปทางซือเยี่ยหาน “คุณ… คุณๆๆ… คุณมาห้องฉันทำไมคะเนี่ย?”
ซือเยี่ยหานเดินเข้าไป จากนั้นพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยสองคำ “แสงดี”
ใช่สิ แสงจากระเบียงห้องเธอดีมากที่สุดจริง ซือเยี่ยหานชอบมาอ่านหนังสือหรือไม่ก็มาพักผ่อนบ่อยๆ ที่ระเบียงนี้
จะบังเอิญเกินไปแล้ว!
ไม่รู้ว่าซือเยี่ยหานได้ยินอะไรไปบ้าง!
เยี่ยหวันหวั่นมองเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นถามหยั่งเชิง “คือว่า… เมื่อกี้ฉันคุยโทรศัพท์กับแม่อยู่… คุณได้ยินอะไรบ้าง…”
ซือเยี่ยหานตอบ “ไม่ได้ยินอะไรเท่าไร”
เยี่ยหวันหวั่นถามต่ออย่างไม่วางใจ “ไม่เท่าไรนี่คือเท่าไร”
ซือเยี่ยหานมองเธอเงียบๆ เงียบไปวินาทีหนึ่ง จากนั้นพูดซ้ำ “หนูเกลียดพวกผู้ชายหน้าตาดีมีฐานะที่ใครๆ ก็มาหลงเสน่ห์ที่สุด…”
เยี่ยหวันหวั่นกุมหน้าพูดไม่ออก…
บ้าจริง…
ได้ยินประโยคนี้จริงด้วย…
เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงรีบวิ่งเข้าไปอธิบาย “นั่นน่ะ เข้าใจผิดแล้ว! เป็นการเข้าใจผิดค่ะ คุณก็รู้ ฉันแค่พูดให้พ่อแม่ฟังเท่านั้นเอง…ฉันชอบผู้ชายที่ทั้งหล่อรวยทั้งชวนให้ทุกคนหลง! ไม่อย่างนั้นคงไม่หลงคุณจนโงหัวไม่ขึ้นหรอก!”
แววตาซือเยี่ยหานเป็นประกาย “ชวนให้ทุกคนหลง?”
“ใช่แล้ว! ฉันพูดผิดหรือ หรือว่าหน้าตาของคุณยังชวนให้หลงไม่พออีก ตัวเองหล่อขนาดไหนคุณไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอคะ” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เริ่มประจบประแจง
ซือเยี่ยหานได้ยิน มุมปากคล้ายกระตุกเล็กน้อยโดยไม่ทันสังเกต แต่ดูจากสีหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่มีแววไม่สบอารมณ์แล้ว
ผ่านมานาน เยี่ยหวันหวั่นเรียนรู้ที่จะอ่านสีหน้าท่าทางแล้ว ถึงแม้ว่าซือเยี่ยหานจะเป็นคนที่ไม่แสดงความรู้สึกทางสีหน้า แต่ก็พอมองอารมณ์เขาออก รู้ว่านาทีวิกฤตผ่านไปแล้ว จึงค่อยโล่งใจ พูดคล้อยตามต่อว่า “ไม่ใช่ๆ! ไม่ว่าจะรวยหรือเปล่า หล่อหรือเปล่า ก็ไม่เกี่ยวกับฉันทั้งนั้น ฉันชอบแค่เบบี๋เท่านั้น!”
………………………………………………………………