บทที่ 435 ยังรักษากลับมาได้หรือไม่?
คุณหญิงย่าเดินไปด้านหน้าซุนไป๋เฉ่าด้วยความร้อนใจ “ครึ่งปี!ทำไมถึงเหลือแค่ครึ่งปีแล้วล่ะ! หมอซุน ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ เหรอ? คุณช่วยคิดหาทางอีกทีได้ไหม ฉันขอร้อง! ไม่ว่าคุณต้องการเงินเท่าไร ต้องการสิ่งใด ฉันจะใช้กำลังทั้งหมดของตระกูลทำให้คุณให้ได้!”
ซุนไป๋เฉ่าส่ายศีรษะ “คุณหญิงใหญ่ ขอโทษด้วยครับ ถึงแม้ผมจะมีความรู้วิชาการแพทย์ แต่สำหรับคุณชายเก้ากลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย สิ่งที่คุณชายเก้าต้องการที่สุดคือการบำรุงรักษาแบบดั้งเดิม แต่การรักษาแบบดั้งเดิม ขับพิษห้าธาตุก็ล้วนดำเนินการตอนนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมหรือยาบำรุงชนิดไหน การซ่อมแซมอวัยวะทั้งหลายแหล่ล้วนต้องการการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ พูดภาษาชาวบ้านก็คือ การนอนหลับเป็นรากฐานของมนุษย์ หากเขาทำไม่ได้แม้แต่การนอนหลับพักผ่อน การรักษาทั้งหมดของผมก็สูญเปล่า”
คุณหญิงย่าพลันตะโกนเสียงดังไปทางประตู “โม่เสวียนล่ะ! ไปเรียกโม่เสวียนมาให้ฉันหน่อย!”
สวี่อี้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูอยู่ตลอดเดินเข้ามาทันที “เรียนคุณหญิงใหญ่ ก่อนหน้านี้นายท่าน…ให้โม่เสวียนพักร้อนไปแล้วครับ”
“นายว่าไงนะ?” ใบหน้าคุณหญิงย่าเต็มไปด้วยความตกใจ จากนั้นก็โมโห “เจ้านายแกทำตัวเหลวไหล พวกแกก็ไม่รู้จักโน้มน้าวเขาหรือไง! ยังไม่รีบไปตามตัวเขามาอีก!”
เมื่อเผชิญกับความโกรธของคุณหญิงย่า สวี่อี้ทำได้เพียงรีบไปตามหาคน “ครับ…”
เมื่อได้ยินว่าตนเองอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี คิ้วของซือเยี่ยหานไม่ขยับแม้แต่น้อย “คุณย่า ผมไม่เป็นไร ร่างกายของผม ตัวผมเองรู้ดี”
ดวงตาทั้งสองของคุณหญิงย่าแดงก่ำ “แกรู้ดีอะไร! เป็นถึงขนาดนี้แล้วยังพูดว่ารู้ดีอีกเหรอ!”
จะนอกบ้านในบ้าน ทั้งที่แจ้งที่ลับ มีดวงตากี่คู่ที่จ้องรอขย้ำเขา หวังให้เขาตาย
ตอนนี้ทุกคนล้วนคิดว่าเขาแค่ทำงานหนักเกินไปจนเป็นลม หากคนพวกนั้นรู้เข้าว่าเขาเหลือเวลาเพียงครึ่งปี คนพวกนั้นยังจะนั่งเฉยได้เหรอ? ทุกคนคงจะกินเขาลงไปทั้งเป็น
“เจ้าเก้า แกเอาแต่ใจแบบนี้ได้ยังไง เอาร่างกายของตัวเองมาล้อเล่น ทำไมถึงให้โม่เสวียนไปพักร้อน?” คุณหญิงย่าตำหนิด้วยความโกรธ
ซือเยี่ยหานเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เขาอยู่ก็ไม่มีประโยชน์”
คุณหญิงย่าหอบหายใจถี่ “แก…ต่อให้เขาไม่มีประโยชน์ ยังไงก็สามารถทำให้แกทรมานน้อยลงอีกหน่อย!”
อันที่จริงคุณหญิงย่ารู้ดี ต่อให้โม่เสวียนกลับมาแล้ว ด้วยอาการตอนนี้ของหลานชายก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
เมื่อคิดว่าหลานชายเหลืออายุไขเพียงครึ่งปี ตัวเองยังต้องเป็นคนผมขาวส่งคนผมดำ ใบหน้าของคุณหญิงย่าก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ร้องไห้สะอึกสะเอื้อน
เวลานี้เอง เยี่นหวันหวั่นได้สติกลับมาจากการย้อนนึกถึงอดีต หลังจากรวบรวมสมาธิไตร่ตรองก็หันไปพูดกับซุนไป๋เฉ่า “หมอซุน ถ้าอย่างนั้น…หากเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ดูแลตามคำของคุณหมออย่างเคร่งครัด มั่นใจว่าสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ไหมคะ?”
ซุนไป๋เฉ่าลูบเครามีสีหน้าลำบากใจพูดขึ้นว่า “ถ้าหากเขาเลิกโกรธ เลิกหงุดหงิด เลิกทำงานหนัก ให้ความร่วมมือในการรักษาทานยาและฝังเข็มอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญที่สุดคือต้องนอนให้ได้อย่างน้อยวันละแปดชั่วโมง ตอนนี้เขาอายุยังน้อย อาจจะยังค่อยๆ บำรุงให้ดีขึ้นได้ แต่ว่าจะฟื้นฟูได้ถึงขั้นไหน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน เรื่องนี้ผมไม่สามารถรับรองได้”
ซุนไป๋เฉ่าเอ่ยจบก็ส่ายศีรษะ เรื่องสมมติที่เขาพูดเมื่อกี้ เป็นแค่คำพูดลอยๆ เท่านั้น เขาจะทำได้สักกี่ข้อกันเชียว?
ถ้าหากทำได้ สุขภาพของเขาคงไม่แย่อย่างวันนี้หรอก
คุณหญิงย่าย่อมรู้ถึงจุดนี้ดี ถึงได้ยิ่งสิ้นหวังมากกว่าเดิม
หรือว่าเธอจะยื้อเจ้าเก้าไว้ไม่ได้แล้วหรือ…
ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก…
ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก ตอนนั้นเธอไม่น่าอนุญาตให้เจ้าเก้าเดินบนเส้นทางนี้…
………………………………………………………
บทที่ 436 ฉันไม่อยากเป็นแม่หม้าย
เยี่ยหวันหวั่นก้มหน้า ไม่ได้บอกกับคุณหญิงย่าและหมอซุนว่าตอนนี้ตัวเองเหมือนจะหาวิธีทำให้ซือเยี่ยหานนอนหลับได้แล้ว ในเมื่อเรื่องนี้มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นคำตอบของหมอซุนในเวลานี้ก็คลุมเครือ
อย่างไรก็ต้องลองดูก่อนถึงจะรู้ว่าได้ผลหรือเปล่า…
ซุนไป๋เฉ่าสั่งยาให้ซือเยี่ยหานมากขึ้นอีกตัวหนึ่ง จากนั้นถอนหายใจยาวแล้วจากไป คุณหญิงย่าเหมือนว่าแก่ขึ้นอีกหลายปีในพริบตา ไปส่งซุนไป๋เฉ่าออกจากบ้านด้วยสีหน้าเศร้าโศก
ช่วงเวลานั้น เหลือเพียงเยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหานสองคน
ภายในห้องเงียบสนิท ไม่มีเสียงใด บรรยากาศกดดันแผ่คลุมไปทั่ว
ชายหนุ่มนอนบนเตียงเงียบๆ แม้จะได้ยินว่าตัวเองเหลืออายุไขเพียงครึ่งปีเท่านั้น สีหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปสักนิด
เยี่ยหวันหวั่นอ้าปาก อยากจะพูดอะไรอยู่หลายครั้ง ทว่าก็พูดไม่ออก
เวลานี้เอง โทรศัพท์บนหัวเตียงพลันดังขึ้น ทำลายความเงียบงัน
ซือเยี่ยหานหยิบขึ้นมารับสายโทรศัพท์ น้ำเสียงราบเรียบมีเหตุผลเหมือนปกติ ไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย “ฮัลโหล? ผมเอง”
“คุณสมิธ สวัสดีครับ”
“ทำให้คุณเป็นห่วงแล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไรมากครับ”
“แน่นอน เรื่องการเจรจายังเป็นไปตามเดิม”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นอีกสามวัน…”
…
ซือเยี่ยหานพูดเพียงครึ่งหนึ่ง โทรศัพท์พลันถูกโยนลงพื้นดัง “ปัง” จนเกิดเป็นเสียงตรู๊ดตรู๊ดตรู๊ดสายขาด
ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คว้าข้อมือของเขาไว้ จ้องชายหนุ่มตรงหน้าเขม็ง กัดฟันพูดขึ้นทีละคำ “ซือ เยี่ย หาน! เมื่อกี้คุณแม่งได้ฟังที่หมอซุนพูดบ้างหรือเปล่า!”
ด้านนอกประตู คุณหญิงย่าที่กลับมาจากการไปส่งซุนไป๋เฉ่าได้ยินโทรศัพท์ของหลานชายเช่นเดียวกัน กำลังคิ้วขมวดอยากจะพูดอะไร ก็ได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นพุ่งตัวเข้าไปตวาดใส่หลานชายราวกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง ก็เลย พลันหยุดชะงักฝีเท้า
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองใบหน้าที่เย็นเยียบราวน้ำค้างแข็งของซือเยี่ยหาน “ตอนนี้คุณเหลืออายุไขแค่ครึ่งปีแล้ว! ทำไมคุณยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อยู่อีก? งานพวกนี้ โครงการพวกนี้ พวกมันสำคัญกว่าชีวิตของคุณหรือไง? คุณใส่ใจสุขภาพของตัวเองบ้างหรือเปล่า!!!”
ซือเยี่ยหานเงียบไปหลายวินาทีจากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ฉันรู้ตัวเองดี”
ทันใดนั้นเยี่ยหวันหวั่นโมโหเสียจนหัวเราะออกมา “อ้อ! คุณรู้ดีเหรอ? คุณคิดไว้ว่ายังไงล่ะ? คุณคิดไว้ว่ารอให้ร่างกายอ่อนแอจนอวัยวะเริ่มหยุดทำงาน จากนั้นอย่างมากก็แค่เปลี่ยนมันซะ ถ้าร่างกายอ่อนแอมากกว่าเดิม อวัยวะหยุดทำงานอีก ก็เปลี่ยนต่อไปทั้งๆ ที่ร่างกายป่วยอย่างนั้นแหละ เปลี่ยนจนร่างกายของคุณถูกควักออกไปหมดแล้วใช่หรือเปล่า!”
เยี่ยหวันหวั่นสูดหายใจเข้าลึก ถึงจะสามารถทำให้ตัวเองใจเย็นลงได้ “คุณลืมแล้วเหรอว่าเมื่อกี้คุณย่าพูดว่าอะไร ต่อให้ต้องใช้กำลังทั้งตระกูลก็จะต้องรักษาชีวิตของคุณเอาไว้ให้ได้ คุณเคยคิดไหมว่า ถ้าคุณตายไป คุณย่าจะทำยังไง? คุณจะให้คนผมขาวส่งคนผมดำงั้นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นหยุดไปครู่หนึ่งแล้วจึงเริ่มพูดต่อ “ต่อให้คุณยอมที่จะแข็งแกร่งจนตายไป ก็ไม่ยอมที่จะให้ตัวเองมีจุดบกพร่องหรือท่าทางอ่อนแอ ต่อให้คุณมีสิ่งที่ต้องการปกป้องมากแค่ไหน ถ้าหากคุณตาย คุณจะปกป้องพวกเขาได้ยังไง? คุณมัน…คุณมันไม่สนใจชีวิตตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ?”
ซือเยี่ยหานจ้องใบหน้าของหญิงสาว แล้วยื่นมือออกมาช้าๆ ลูบดวงตาคู่นั้นที่กำลังวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
เยี่ยหวันหวั่นตกใจได้สติคืนมา รีบหันหลังกลับจากนั้นลูบดวงตา “ซือเยี่ยหาน ฉันไม่อยากเป็นแม่หม้าย!”
ฉันไม่อยาก…ให้คุณตาย…
…………………………………………………………