แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 429 คุณชายเก้าฟื้นแล้ว / บทที่ 430 ประคองฉันไป

บทที่ 429 คุณชายเก้าฟื้นแล้ว

“ลุงสวี่ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ หนูก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย

“เฮอะๆ…” ซือหมิงหลี่แค่นหัวเราะ รีบเอ่ยหาเรื่องทันที “กล่าวหาสวี่อี้ผิดไปแล้วจริงๆ แต่ว่า เธอมีปัญหาแน่ๆ”

“ใครจะรู้ว่าเธอเป็นสายของพันธมิตรเลือดที่แทรกแซงอยู่ในตระกูลซือของพวกเราหรือเปล่า ครั้งนี้จงใจช่วยหัวหน้าตระกูล เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากตระกูลซือและหัวหน้าตระกูล และจะได้ทำเป้าหมายใหญ่สำเร็จ แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องให้ศาลกฏหมายเป็นผู้ตัดสิน ส่วนเธอ ก็ไปรับการสอบสวนอย่างละเอียดที่ศาลกฏหมายซะก่อน ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ เดี๋ยวได้รู้กัน!”

ศาลกฏหมาย?

หากเธอเข้าศาลกฏหมายไปแล้ว ยังจะรอดชีวิตออกมาได้อีกหรือ?

ซือหมิงหลี่เดินอย่างว่องไวไปถึงด้านหน้าคุณหญิงใหญ่และซือหมิงหรง “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้เจ้าเลห์มาก ฉันว่าฉวยโอกาสในวันนี้ ตรวจสอบให้ชัดเจนไปเลย! เรื่องนี้ เกี่ยวพันถึงทั้งตระกูลซือ หากว่าที่นายหญิงของตระกูลเป็นสายของศัตรู…”

ซือหมิงหรงเป็นคนที่ถือคติฆ่าผิดตัวเป็นหมื่นคน ก็จะไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ท่าทีของเขาย่อมเอนเอียงไปทางซือหมิงหลี่

ซือหมิงหรงพูดต่อไปว่า “ระวังไว้ก่อน ตรวจสอบให้ชัดเจน ไม่มีอะไรที่ไม่จำเป็น”

เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องถึงเรื่องใหญ่ คุณหญิงย่าขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรออกมาในคราแรก

ซือหมิงหลี่เห็นดังนั้น ไม่รอให้คุณหญิงย่าได้เอ่ยปาก ตะโกนออกไปทางประตูอย่างรีบร้อน “เข้ามา! จับเธอมัดไว้!”

บอดี้การ์ดสองสามคนที่ผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีพยักหน้าแล้วเดินไปทางเยี่ยหวันหวั่น

“พวก…พวกแก!” สีหน้าสวี่อี้ร้อนใจดั่งไฟสุมอก เดิมทีคิดอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวเองตอนนี้ก็ทำได้เพียงปิดปาก ไม่อย่างนั้นทำไปทำมาเรื่องราวอาจจะยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม

สวี่ฉางคุนเองก็คิดเช่นเดียวกัน หันไปส่ายศีรษะให้สวี่อี้ ไม่ให้เขาพูดอะไร

ทำได้แค่รอให้จบการประชุมตระกูลนี้ก่อน ค่อยคิดหาวิธี!

เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตาทั้งสองข้าง หรือว่าวันนี้ต้องมาตายที่นี่อย่างนั้นเหรอ?

แม้เธอจะมั่นใจว่าสามารถล้างมลทินให้กับสวี่อี้ได้ แต่กลับลืมว่าระดับของเธอกับซือหมิงหลี่ต่างกันมากเกินไป…

เบื้องหน้าอำนาจอันแข็งแกร่ง ชั้นเชิงทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์

ตอนนี้เธอยังอ่อนแอเกินไป…

บอดี้การ์ดท่าทางเย็นชาโหดเหี้ยมเดินไปทางเยี่ยหวันหวั่น ฝ่ามือหยาบกร้านคว้าเยี่ยหวันหวั่นขึ้นมาอย่างแรง…

“แค่กๆ…”

ในเวลานี้เอง ท่ามกลางเสียงโหวกเหวก ก็มีเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น

เสียงนั้นเบามาก ทว่าเป็นเหมือนดั่งลมหนาวหอบหนึ่งที่พัดมาจากสถานที่ที่หนาวเย็นอย่างที่สุด ทำให้ทุกคนในห้องตัวแข็งทื่อภายในพริบตา

เสียงโหวกเหวกในตอนแรกพลันหายไปทันที ทุกคนล้วนอยู่ในความเงียบ ราวกับคอหอยถูกมีดอันแหลมคมจ่อเอาไว้ ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา

ทุกคนมองไปยังต้นทางของเสียง…

จากนั้นก็ได้เห็น ซือเยี่ยหานที่ไม่รู้ว่าฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่!

ชายหนุ่มสวมชุดนอนตัวใหญ่เนื้อบาง จับขอบประตูยืนอยู่ตรงนั้น  ใบหน้าที่ป่วยหนักซีดขาวไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ฝีเท้าก็อ่อนแรงเหลือเกิน นัยน์ตาเย็นชาลึกล้ำยากจะคาดเดาดำขลับ

“ปู่สี่ ผมไม่แน่ใจว่า ตระกูลซือกลายเป็นที่ที่คุณตัดสินตามอำเภอใจได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เสียงแหบแห้งของชายหนุ่มดังเข้าหูของทุกคน

เป็นเพียงชายหนุ่มที่ป่วยจนสามารถหมดสติไปได้ทุกเมื่อแท้ๆ ทว่าทุกคนกลับรู้สึกเหมือนเห็นอสูรนรก จนขวัญหนีดีฝ่อ ขวัญกระเจิงไปหมด

โดยเฉพาะซือหมิงหลี่ ท่าทางอวดดีหยิ่งผยองเมื่อครู่หายเกลี้ยงทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดเต็มหน้าผากอย่างรวดเร็ว อ้าปากเหมือนอยากจะพูดสิ่งใด แต่กลับล็อคเสียจนพูดอะไรไม่ออก…

“หัว…หัวหน้าตระกูล…”

“คุณชายเก้าฟื้นแล้ว!”

ในที่สุดทุกคนก็รู้สึกตัว

สายตาเฉยเมยของซือเยี่ยหานไม่หยุดมองที่คนเหล่านั้นเลยแม้แต่เสี้ยววิ เขามองผ่านทุกคนแล้วหยุดอยู่ที่ร่างของเยี่ยหวันหวั่น “มานี่”

………………………………………………………..

บทที่ 430 ประคองฉันไป

ชายหนุ่มผมดำดั่งน้ำหมึก ดวงตาหนาวเย็นดั่งน้ำแข็ง มีเพียงกลีบริมฝีปากที่เป็นสีสันหนึ่งเดียวบนใบหน้าอันซีดขาว ชุดนอนตัวใหญ่เนื้อบาง เผยกระดูกไหปลาร้าซีดขาวถึงสภาพป่วย รอบกายโอบล้อมไปด้วยความรู้สึกมืดมนเสื่อมโทรม

สภาพป่วยหนักขนาดนี้ ไม่เพียงไม่กระทบออร่าของเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอันตรายและเสน่ห์ถึงขีดสุด…

เยี่ยหวันหวั่นยืนงงอยู่กับที่

ในชาติก่อนซือเยี่ยหานอยู่ในอาการโคม่าสามเดือนเต็ม…

ฟื้นขึ้นมาในเวลานี้จริงเหรอ…

ผู้ชายเจ้าอารมณ์และเย็นชาตรงหน้าคนนี้ เคยเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ

เธอเคยสาปแช่งให้เขาไปตายไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง

แต่ว่า พอได้เห็นเขาที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด ทว่ากลับมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอดั่งเป็นภูเขาสูง ได้เห็นเขาในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว อดไม่ได้ที่ขอบตาของเธอจะรู้สึกแสบชื้น…

เวลานี้ ใบหน้างดงามไร้ตำหนิของชายหนุ่มยังคงราบเรียบไร้ซึ่งการแสดงอารมณ์เหมือนเช่นเคย ตอนที่หญิงสาวเดินมาอยู่ตรงหน้าของตัวเองแล้ว ดวงตามืดดำไร้แสงสว่างถึงได้ฉายประกายเจิดจ้าอย่างที่สังเกตไม่ได้

“ประคองฉันไป”

“อ้อ…” เยี่ยหวันหวั่นเรียกสติกลับมาได้ ก็รีบประคองซือเยี่ยหานไปนั่งที่โซฟาตรงข้าม

ได้เห็นหลานชายฟื้นแล้ว คุณหญิงย่าตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด “เจ้าเก้า หลานฟื้นแล้ว ยังไม่สบายอยู่เลย ทำไมถึงลุกจากเตียงมาแล้วล่ะ รีบกลับไปนอนพักผ่อนเถอะ!”

“คุณย่า ผมไม่เป็นอะไร” ซือเยี่ยหานพูด สายตาชำเลืองอย่างไม่รีบไม่ช้าไปมองไปยังซือหมิงหลี่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโส

ทุกคนต่างลุบตาก้มหน้า ไม่กล้าส่งเสียงดังโวยวาย ซือหมิงหลี่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เดิมทีก็ใจคอไม่ดีอยู่แล้ว เวลานี้แน่นอนว่ายิ่งต้องตื่นตกใจ

สีหน้าของคุณหญิงย่าที่อยู่ข้างๆ เก้อเขินอยู่บ้าง กลัวว่าหลานชายจะหงุดหงิด จึงรีบอธิบาย “เจ้าเก้า ความจริงไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร ก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด แต่ว่าตอนนี้กระจ่างชัดเจนแล้ว เพียงแต่เรื่องทั้งเรื่องยังมีข้อสงสัยเล็กน้อยอยู่ก็เท่านั้น เพื่อป้องกันเหตุเกิด คุณปู่สี่ของหลานจึงอยากเชิญตัวหวันหวั่นไปให้ความร่วมมือให้ปากคำ…”

“ให้ความร่วมมือให้ปากคำ?” ซือเยี่ยหานเอ่ยถามเรียบๆ ทว่าน้ำเสียงกลับเยือกเย็นจนทำให้รู้สึกหนาวสั่น

“คือ…คือว่าอย่างนี้…”

ดังนั้น ซือหมิงหลี่จึงจำเป็นต้องเล่ารายละเอียดของเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ จากนั้นโน้มตัวก้มหลัง กล่าวแนะนำแสดงออกถึงความจริงใจ “หัวหน้าตระกูล เมื่อครู่เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่เร่งรีบฉันจึงเสียมารยาท ออกคำสั่งข้ามหน้าคุณหญิงใหญ่ แต่ว่าฉันกระทำการอย่างระมัดระวังก็เพื่อความปลอดภัยของตระกูลซือนะ!”

เดิมทีแผนการของซือหมิงหลี่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง ใครจะรู้กลับถูกยัยเด็กผู้หญิงคนนี้ทำเสียแผนกลางคัน

สวี่อี้ตอนนี้เขาแตะต้องไม่ได้แล้ว แต่สำหรับยัยเด็กไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ เขาไม่มีทางปล่อยไว้แน่ ไม่เช่นนั้นจะขจัดความเกลียดชังในใจของเขาไปได้อย่างไร

ในเมื่อเธออยากเป็นวีรสตรีมาช่วยสวี่อี้ เช่นนั้นตำแหน่งแพะรับบาปให้เธอเป็นก็แล้วกัน!

ความคิดของซือหมิงหลี่ดีมาก แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้คาดคิดก็คือ…ซือเยี่ยหานกลับฟื้นขึ้นมาในเวลาอย่างนี้! อีกทั้งยังฟื้นมาได้ทันเวลาเช่นนี้!

ช้ากว่านี้วินาทีเดียว ผู้หญิงคนนี้ก็อย่าคิดว่าจะหลุดรอดไปได้เลย!

ตอนนี้ซือเยี่ยหานฟื้นแล้ว เรื่องราวกลับกลายเป็นเรื่องยุ่งยากทันที…

ซือเยี่ยหานได้ฟังก็พยักหน้าเล็กน้อย พลางกล่าว “ลำบากคุณปู่สี่แล้ว ตามกฎของตระกูล ในฐานะคนต้นคิด เดิมทีจะต้องถูกตีร้อยไม้ คิดถึงว่าปู่สี่อายุมากแล้ว ร้อยไม้นี้ให้ลูกชายคนโตของท่านรับโทษแทนแล้วกัน”

“อะ…อะไรนะ?” ซือหมิงหลี่ได้ฟัง หน้าเปลี่ยนสีถนัดตา

ผู้ที่ทรมานไม่ใช่คนใช้ทั่วไป ทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือของศาลกฎหมาย โดนตีร้อยไม้นี้ไปไม่พิการไปครึ่งร่างเหรอ!

กฎตระกูลอะไรกัน เป็นเรื่องที่เขาพูดขึ้นมาคนเดียวทั้งนั้น แต่เขาต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูลจริงๆ!

ซือเยี่ยหานเอามือหนึ่งเท้าหน้าผาก ดวงตาลึกล้ำเหลือบขึ้นเล็กน้อย “คุณปู่สี่มีข้อคัดค้าน?”

………………………………………………………..

Options

not work with dark mode
Reset