บทที่ 331 งามหยดย้อย
“เฮ้อ…” ฟางซิ่วหมิ่นแกล้งทำเป็นถอนหายใจด้วยความปลื้มใจ “ถ้าลูกสาวคนอื่นรู้เรื่องเหมือนลูกแบบนี้ก็ยิ่งดีสิ… แต่ตรงกันข้าม บางคนยังเห็นลูกสาวตัวเองเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่ตาสว่างเสียที”
เหลียงหวั่นจวินโดนแม่ลูกคู่นี้พูดจาถากถางจนลมหายใจถี่กระชั้น
“พี่สาว ฉันรู้ว่าพี่ลำบาก แต่พวกเราทั้งครอบครัวก็ลำบากเหมือนกัน เจียหาวเปิดบริษัทนั้นง่ายไหม? เงินพวกนั้นไม่ใช่ว่าแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานได้มาหรือ? พวกเราก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร เลี้ยงคนว่างงานเฉยๆ ไม่ไหวหรอก!” ฟางซิ่วหมิ่นพูดอย่างเย็นชา
แขกเหรื่อรอบด้านมากมาย เวลานี้สายตาต่างจ้องมองมาทางนี้
ถึงแม้จะรู้ว่าหลายปีนี้เยี่ยเส่าถิงตกต่ำ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าครอบครัวนี้จะไม่มียางอายถึงเพียงนี้ ถือว่าบ้านคนอื่นเป็นบ้านตัวเอง อาศัยอยู่มาหลายปี ไม่เพียงไม่รู้บุญคุณ แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะออกไปอีกด้วย
เยี่ยอีอีเห็นความขัดแย้งในตอนนี้ ในแววตาฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้ากลับอ่อนโยน เธอพูดช้าๆ เหลือบสายตาขึ้นมามองไปทางฟางซิ่วหมิ่นที่มีสีหน้าไม่พอใจกับเหลียงเจียหาวที่ทำอะไรไม่ได้
“หนูต้องขอโทษคุณน้ากับคุณอาก่อนด้วยนะคะ และขอโทษพวกท่านแทนหวั่นหวันด้วย… วันนี้เป็นวันเกิดคุณปู่ ควรสามัคคีปรองดองกัน อย่าเพิ่งวู่วามเลย ถ้าคุณปู่รู้เข้า เกรงว่าจะไม่สบายใจอีกนะคะ”
ได้ยินเยี่ยอีอีพูด สีหน้าฟางซิ่วหมิ่นค่อยคลายลงมาหน่อย แล้วกังวลว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเยี่ยหงเหวย เลยไม่กล้าก่อเรื่องใหญ่โต แล้วส่ายหน้า “อีอี ครอบครัวพวกเราก็ลำบาก หลายปีมานี้ ครอบครัวนี้ทำครอบครัวเราทรมานจนพูดไม่ออก เธอว่ามีคนประเภทไหนที่หน้าด้านไร้ยางอาย ตัวเองไม่มีบ้าน ก็ไปอาศัยบ้านคนอื่นไม่ยอมออกไป ครอบครัวตัวเองลำบากก็ช่าง นี่ยังมาเป็นภาระให้คนอื่นอีก”
เยี่ยอีอีแอบหัวเราะในใจ หางตามองไปทางครอบครัวเยี่ยเส่าถิง แต่สีหน้ากลับยังคงความอ่อนโยนและสง่างามอยู่ดังเดิม แต่ทว่า ตอนที่เยี่ยอีอีคิดจะพูดอะไรต่อ ด้านหลังก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมา
พอได้ยิน ทุกคนก็หันไปมองทางซ้าย
มีเงาร่างสีแดงปรากฏอยู่ สะท้อนเข้ามาในสายตาของทุกคนทันใด
หญิงสาวหน้าตาสวยงามคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงราตรีสีแดงเพลิง เดินเข้ามาท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอย่างช้าๆ ภายใต้แสงเงาสะท้อน ใบหน้านั้นแทบจะสมบูรณ์ไร้ตำหนิ เป็นความงดงามเหนือสรรพสิ่ง สร้างเสียงอื้ออึงให้กับทุกคนในทันใด
หญิงสาวยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้คนใจเต้น ดวงตาคู่ที่เหมือนพระจันทร์เสี้ยว ดูแวววาวสดใสมีชีวิตชีวาที่สุด เหมือนดั่งดวงดาว ถึงแม้รูปร่างหญิงสาวจะบอบบาง แต่บุคลิกกลับดูโดดเด่นไม่ธรรมดา ไม่เหมือนคนทั่วไป
แค่เพียงแวบเดียว ทุกคนต่างโดนดึงดูดด้วยร่างที่งดงามนี้หมด
“นี่… นี่คือใคร? หน้าตาสวยเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?”
“คนในวงการบันเทิง? เป็นไปไม่ได้… ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย…”
“รูปลักษณ์แบบนี้… ท่วงท่า… เมื่อกี้ฉันเพิ่งคิดว่าเยี่ยอีอีนี่หน้าตาโดดเด่นเดินคนทั่วไปแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าจะยังมีคนที่หน้าตาดีกว่าอีก! ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกันแน่?”
แขกที่อยู่ในงาน ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ต่างอึ้งกันไปหมด
งามหยดย้อยถึงเพียงนี้…
ในใจทุกคนต่างสงสัย คาดเดากันว่าคนที่มานี้เป็นใคร
เยี่ยอีอีและคนอื่นก็สังเกตเห็นหญิงสาวที่สวยคนนั้น เดิมทีหน้าตาของเยี่ยอีอี ก็เป็นความงดงามน่ามองที่สุดของค่ำคืนนี้แล้ว นึกไม่ถึง การปรากฏตัวของผู้หญิงคนนั้น กลับบดขยี้เยี่ยอีอีไปเลย
เยี่ยอีอีมองหญิงสาวที่สวยโดดเด่นเหนือทุกคนด้วยสายตาที่ซับซ้อน มองดูหญิงสาวคนนั้นย่างก้าวอย่างสง่างาม แต่ละก้าวๆ เดินมาทางโต๊ะของพวกเขา อดไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาอย่างประหลาด…
…………………………………………………
บทที่ 332 เยี่ยหวันหวั่นยัยอัปลักษณ์?
เหลียงซือหานก็ตะลึงในรูปโฉมของหญิงสาวคนนั้นเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนหน้าตาดียิ่งกว่าเยี่ยอีอีอีก แต่ว่าเธอไม่กล้าแสดงออกมาทางสีหน้า
หญิงสาวค่อยๆ เดินผ่านฝูงชน ไม่ว่าจะเดินผ่านที่ใด ก็จะมีเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้นมาเป็นระลอก
ต่อมา ขณะที่ผู้ชนกำลังสงสัยว่าหญิงสาวผู้นี้คือใครกันแน่ กลับพบว่าเธอเดินตรงไปยังโต๊ะของพวกเยี่ยเส่าถิง ก่อนจะค่อยๆ หยุดลง ดวงตางามตราตรึงคู่นั้นกวาดตามองคนที่โต๊ะ สุดท้ายมาหยุดสายตาที่ร่างของฟางซิ่วหมิ่น
ริมฝีปากสีแดงขยับเล็กน้อย น้ำเสียงไพเราะพลันเปล่งออกมา
“อาหญิงพูดถูกต้องทั้งหมด!”
อาหญิง?!
ฟางซิ่วหมิ่นมองจ้องหญิงสาว ความสงสัยท่ามกลางความงุนงง สาวงามคนนี้คือใครกัน? ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาเรียกเธอว่าอาหญิง?
ไม่เพียงแต่ฟางซิ่วหมิ่นและเหลียงเจียหาว แขกทั้งหมดที่อยู่ละแวกใกล้เคียงต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงทั้งนั้น
“เธอคือ…”
ฟางซิ่วหมิ่นมองหญิงสาว ใจรู้สึกสงสัย จนไม่อาจจะเลี่ยงความลังเลที่มีได้
หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย ริมฝีปากแดงชุ่มหยักองศาโค้งยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พลางเอื้อนเอ่ย
“ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่วัน อาหญิงก็ลืมแล้วเหรอคะ? หนูคือเยี่ยหวันหวั่น”
เยี่ยหวันหวั่น!
เพียงเสี้ยววินาที ทุกคนต่างช็อคกับคำพูดของหญิงสาวคนนั้น!
ล้อเล่นอะไรเนี่ย!
ผู้หญิงที่งามสะพรั่งคนนี้ ก็คือยัยอัปลักษณ์ชื่อดังของตระกูลเยี่ย…เยี่ยหวันหวั่น?
บรรดาแขกที่เคยเห็นเยี่ยหวันหวั่นมาก่อน พลันเกิดอาการงุนงงเลยทีเดียว
ที่ผ่านมา เยี่ยหวันหวั่นจะแต่งหน้าเข้มหนาเตอะมาตลอด เป็นแบบฉบับเด็กผู้หญิงใจแตก อัปลักษณ์เหมือนโดนสวรรค์ลงทัณฑ์คนลงโทษ ไม่ว่าใครก็ไม่คาดคิดว่า เยี่ยหวันหวั่นที่ลบเครื่องสำอางออก เผยผิวหน้าที่แท้จริงแล้วจะสวยจนน่าตื่นตะลึงได้ขนาดนี้
ผลลัพธ์อันสั่นสะเทือนนี้ ทำเอาผู้คนในงานต่างมึนงงไปตามๆ กัน
“รุ่นพี่…เมื่อครู่คุณไม่ได้บอกเหรอว่า…เยี่ยหวันหวั่นเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์…”
น้องใหม่ของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์บางคน ดึงสติกลับมาจากความตื่นตะลึงได้ ก็หันไปหาชายหนุ่มข้างกาย เอ่ยถามด้วยสีหน้าพิศวง
“นี่…”
วัยรุ่นคนนั้นจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างไม่อาจละสายตา พลันยืนทื่ออยู่กับที่ มุมปากกระตุก
ใครมันจะคาดคิดได้…เยี่ยหวันหวั่นลบเครื่องลำอางแล้วจะดูดีขนาดนี้?!
“เรื่องหลอก…หลอกกันละมั้ง…นี่คือเยี่ยหวันหวั่น?!”
“นี่คือผู้หญิงอัปลักษณ์ของตระกูลเยี่ยที่พวกนายบอกว่า รักกู้เยว่เจ๋อหัวปักหัวปำ แล้วยังโดนกู้เยว่เจ๋อทิ้งเหรอ?!” แขกบางคนโมโหจนแขวะเป็นเรื่องตลก คำพูดคนก็คือคำพูดคน ต้องเห็นกับตาตัวเองถึงจะเชื่อถือได้จริงๆ
ผู้หญิงอัปลักษณ์ของตระกูลเยี่ย?
ล้อกันเล่นใช่ไหม?
ด้วยรูปลักษณ์หน้าตานี้ของเยี่ยหวันหวั่น อย่าพูดว่าอัปลักษณ์เลย เกรงว่าแม้แต่เยี่ยอีอียังด้อยกว่าเธออยู่หลายส่วน หากว่าแบบนี้คืออัปลักษณ์…งั้นในวงการบันเทิง ท่ามกลางบรรดาดาราสาวที่ประชันกันด้วยรูปโฉม จะมีสักกี่คนที่นับว่าไม่อัปลักษณ์ได้?!
เวลานี้ กู้เยว่เจ๋อมองเยี่ยหวันหวั่น นัยน์ตาฉายแววตาวูบไหว แฝงไปด้วยความทึ่งประหลาดใจยากจะเชื่อ เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าสาวสวยตรงหน้าคนนี้ ก็คือเยี่ยหวันหวั่นที่แต่งหน้าหนาเตอะตลอดทั้งวันคนนั้น
จากนั้น…หางตาของกู้เยว่เจ๋อได้กวาดเห็นเยี่ยอีอีที่คิ้วขมวดย่น จึงรีบระงับความทึ่งในแววตาลงไป แสร้งทำเป็นนั่งนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น
“หวันหวั่น…”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัวออกมากระทันหัน เหลียงหวั่นจวินยังตั้งสติไม่ได้ไปชั่วขณะ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าก็คือลูกสาวของตัวเอง
“แม่คะ” เยี่ยหวันหวั่นข่มอารมณ์ให้นิ่ง ยิ้มเล็กน้อยพลางมองมารดาที่มีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ ให้ความรู้สึกโล่งใจกับเธอ
เหลียงหวั่นจวินชะงักเล็กน้อย คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป เยี่ยหวันหวั่นเรียกเธอว่า…
ฟางซิ่วหมิ่นที่อยู่ด้านข้างพลันมีสีหน้าเครียดคล้ำ ตีเธอให้ตายเธอก็ไม่มีทางคาดคิด ผู้หญิงตรงหน้าที่สวยจนน่าทึ่งคนนี้ ที่แท้ก็คือเยี่ยหวันหวั่น คนที่ปากของเธอพร่ำพูดถึงเสมอว่าเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์!
…………………………….……