บทที่ 313 ถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง / บทที่ 314 ทำเขาร้องไห้แล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
บทที่ 313 ถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง
ในพริบตา บรรยากาศทั่วทั้งสตูดิโอแทบจะนิ่งงันเป็นน้ำแข็ง
ชายหนุ่มที่เดิมทีดูแล้วจะพูดคุยด้วยง่าย ท่าทางดูสบายอารมณ์ตลอดเวลา เหมือนเป็นคุณชายผู้ดีมีเงิน เวลานี้กลับเหมือนดั่งรากษส มีไอน่ากลัวแผ่ออกมารอบตัว
แม้แต่ช่างกล้องที่อยู่ข้างๆ และทีมงานคนอื่นๆ ต่างตกใจกับบรรยากาศที่น่ากลัวเพราะจู่ๆ โดนอีกฝ่ายระเบิดลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลั่วเฉินที่อยู่ใจกลางพายุ
ลั่วเฉินตัวสั่น ใบหน้าไม่หลงเหลือสีเลือดอยู่เลย ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนกลายเป็นเส้นตรง ทั่วทั้งตัวแทบจะลุกเป็นไฟเพราะคำตะคอกที่แทบจะทำให้หูหนวก ทนไม่ไหวแทบอยากจะแปลงร่างตัวเองเป็นอากาศหายไป
เยี่ยหวั่นหวันค่อยๆ คลายความโกรธ แต่ความเย็นชาบนใบหน้าไม่ได้ลดลงเลย “ตอนนี้ โอกาสครั้งสุดท้าย ถ้าเธอยังคงมีสภาพแบบนี้ สัญญาของพวกเรา สิ้นสุดตรงนี้”
วินาทีที่ได้ยินสี่คำสุดท้าย รูม่านตาของลั่วเฉินหดลงในทันใด เงยหน้าขึ้นมาทันที
เขา…จะโดนทิ้งอีกครั้งหรือ…
สัญญาของเขากับกวงเหย้ายังไม่หมด ถ้าเยี่ยไป๋ทิ้งเขา แบบนั้น สัญญาผู้จัดการเขาก็จะต้องกลับไปอยู่ในมือโจวเหวินปิน
เยี่ยหวั่นหวันไม่มองเขาเลย กวาดตามองทีมงาน “ทุกคนพร้อม”
ทีมงานข้างๆ หลายคนอึ้งอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา ช่างกล้องก็รีบปรับมุมกล้อง ช่างไฟก็ปรับแสงตามไปด้วย ข่างแต่งหน้าก็รีบวิ่งเข้ามาเติมหน้าเช็ดเหงื่อให้ลั่วเฉิน
เห็นสีหน้าขาวซีดของชายหนุ่มแล้ว ช่างแต่งหน้ารู้สึกเห็นใจ แต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้ เดิมทีวงการบันเทิงคนที่อ่อนแอกว่าก็พ่ายแพ้ให้กับคนที่แกร่งกว่าอยู่แล้ว คำพูดของเยี่ยไป๋ถึงแม้จะรุนแรงจนถึงขั้นไร้น้ำใจ แต่ก็เป็นเรื่องจริง
ทั้งหมดเตรียมพร้อมเร็วมาก ภายใต้แสงไฟ ในที่สุดก็เหลือแค่ลั่วเฉินเพียงคนเดียว
สายตาของทุกคน ต่างจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่กลางแสงไฟ
ลั่วเฉินยังยืนเซื่องซึมไม่รู้ตัวอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ายังไม่ได้สติกลับคืนมาจากคำพูดของเยี่ยหวั่นหวันเมื่อกี้ ใบหน้าดูบอบบางเหมือนแค่แตะโดนจะจะแตกสลาย
เหมือนกัน… ถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง…
“เริ่มได้”
ตามมาด้วยเสียงให้เริ่มได้ของเยี่ยหวั่นหวัน บนกล้องมีไฟสีแดงสว่างขึ้นมา เครื่องเริ่มทำงาน
ทุกคนต่างกลั้นหายใจ
หนึ่งวินาทีผ่านไป สองวินาทีผ่านไป สามวินาทีผ่านไปแล้ว…
ลั่วเฉินยังคงยืนไม่มีจิตวิญญาณอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับ และไม่พูด
ผ่านไปอีกหลายวินาที ลั่วเฉินยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไร ราวกับหุ่นเชิดที่ไม่มีชีวิต
ช่างแต่งหน้าส่ายหน้าอย่างเสียดาย ช่างกล้องก็แอบถอนหายใจ เตรียมจะปิดเครื่องมือ เก้าอี้พนักพิงสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าชายหนุ่มก็เย็นชาขึ้นมา
ท่ามกลางความเงียบที่ยากลำบาก ในที่สุดเยี่ยหวั่นหวันก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อเป็นแบบนี้…”
วินาทีที่เยี่ยหวั่นหวันพูดขึ้นมา ในสตูดิโอขนาดใหญ่ มีเสียงหัวเราะแหบแห้งเบาๆ ดังขึ้นมา “หึ…”
ภายใต้แสงไฟ ลั่วเฉินก้มหน้าลง จู่ๆ ก็หัวเราะเสียงทุ้มต่ำออกมา
แล้วลั่วเฉินก็เงยหน้าขึ้นเร็วมาก ดวงตาคู่นั้นที่ใสเป็นประกายกวาดมองไปยังทุกคนที่อยู่รอบๆ พูดเสียงชัดเจน “เกิดมากลายเป็นบาป…ได้มา…เกิดกลายเป็นบาป….”
ในดวงตาที่ใสชัดของชายหนุ่มราวกับใช้สัตว์ประหลาดที่ดุร้ายคำรามเพื่อลองจะเปิดกรงออก ราวกับใช้แรงทั้งหมดพยายามที่จะกดทับพลังบ้าคลั่งมหาศาลที่ทะลักออกมา “ผม หลินลั่วเฉิน…ไม่มีความแค้นใดๆ กับทุกคน แต่พวกคุณแต่ละคน พวกคุณทุกคนกลับบีบบังคับ จะต้องให้ผมจมดินตาย…
…………………………………………………
บทที่ 314 ทำเขาร้องไห้แล้ว
“ผมทำดีกับคนมาทั้งชีวิต แต่คนทั้งโลกกลับรังแกผมดูถูกผม… ผมถามตัวเองว่าไม่มีอะไรที่ต้องละอายใจกับโลกใบนี้ แต่โลกนี้ก็ชิงชังผม…”
พูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ชายหนุ่มก็หัวเราะขึ้นมา รอยยิ้มนั้นเหมือนดั่งดอกไม้ที่เบ่งบาน
เห็นชัดว่าเขายืนอยู่ตรงหน้ากล้องอย่างนั้น แต่รอบๆ กลับเหมือนมีลมกรรโชกหนัก ใบหน้าที่สะอาดใสบริสุทธิ์ค่อยๆ เปื้อนไปด้วยสีสัน ดูเย้ายวนขึ้นมาในพริบตา เมฆหมอกในดวงตาค่อยๆ เผยความบ้าออกมา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ตั้งแต่นี้ต่อไป ถ้ามีใครมาห้ามผม ผมก็จะสังหารคนนั้น โลกไม่ละเว้น ผมก็จะฆ่าคนทั้งโลก ฟ้าดินกลั่นแกล้งผม ผมก็จะ…”
“แข็งกร้าว!”
วินาทีที่เสียงชายหนุ่มพูดประโยคสุดท้ายจบลง เหมือนว่าได้หลุดพ้นจากสิ่งของอะไรที่อันตรายไปแล้ว แค่ผิวปากก็หลุดออกไปจากตัวเขา พุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นที่เก้า
เกิดความเงียบ…
ทุกคนในสตูดิโออึ้งไป จ้องมองลั่วเฉินอย่างตกตะลึงราวกับว่าเขาแปลงร่างกลายเป็นอีกคน
เห็นอยู่ว่ายังเป็นเขาคนนั้น เห็นอยู่ว่ายังเป็นใบหน้านั้น ทำไม…ทำไมถึงได้งดงามน่าตื่นตะลึงแบบนี้…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ทุกคนค่อยรู้สึกตัวกลับมา เมื่อกี้ลั่วเฉินเล่นละคร เล่นบทคลาสสิคตัวร้ายบอสใหญ่ที่อยู่ฝั่งผู้ร้ายเรื่อง ‘มังกรผงาด’
ช่าง… ช่างน่าตื่นตะลึงเหลือเกิน…
ตอนนั้นเรื่อง ‘มังกรผงาด’ นั้นโด่งดังไปทั่วทุกแห่งหน ทุกคนน่าจะเคยได้ดู การแสดงของลั่วเฉินเมื่อกี้ทำให้ความทรงจำฉากนั้นในเรื่อง ‘มังกรผงาด’ ของทุกคนกลับมา
ลั่วเฉินในเวลานี้ได้ซ้อนทับกับชายหนุ่มหลินลั่วเฉินที่อยู่ในทีวีโดนบีบบังคับจนหมดหนทางตอนนั้น ถึงแม้ตอนนี้ลั่วเฉินจะสวมชุดสมัยใหม่ แต่ผลที่ออกมาไม่ได้ด้อยไปกว่าภาพในทีวีเลย ซ้ำพอมาดูตรงสถานที่จริงก็ยิ่งตื่นตะลึงขึ้นไปอีก
แต่ว่า เห็นแก่อำนาจของผู้จัดการคนนี้ ทุกคนเลยยังไม่กล้าพูด สายตาทั้งหมดจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ถึงขั้นนี้แล้ว ยอดเยี่ยมมากแล้วนะ คงไม่บอกว่ายังไม่ผ่านหรอกนะ?
ลั่วเฉินใช้เวลาสักพักค่อยออกมาจากฉากตรงนั้น จากนั้นออร่ารอบตัวก็จางหายลงทันที แล้วกลับคืนสู่สภาพเดิม
เขาจ้องมองผู้จัดการฝั่งตรงข้ามด้วยความวิตกกังวล ตัวแข็งเกร็งจนเป็นเส้นตรงเพราะว่าตื่นเต้นเกินไป ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
ราวกับว่าการยืนรอคอยอยู่ตรงนั้น… คือคำพิพากษาสุดท้าย…
หลังจากความเงียบครู่หนึ่งผ่านไป ในที่สุดเยี่ยหวั่นหวันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา
ภายใต้สายตาของทุกคน เธอเดินทีละก้าวไปทางชายหนุ่ม
ระหว่างที่เธอเดินเข้าไปใกล้ สีหน้าที่มองฝั่งตรงข้ามยังคงเย็นชา เห็นชัดว่าชายหนุ่มยิ่งทียิ่งตื่นเต้นและตัวแข็งทื่อ กระทั่งลมหายใจยังแทบจะหยุดเลย
ในที่สุด เยี่ยหวั่นหวันมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าชายหนุ่ม ยื่นมือหนึ่งออกไป ลูบผมสีดำขลับอ่อนนุ่มที่ชี้ขึ้นมาอย่างลวกๆ น้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับหิมะละลาย พูดเสียงเบาออกกมา “นี่ก็ทำได้ดีไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าลั่วเฉินดูว่างเปล่าขึ้นมาก่อน ดวงตาใสเบิกตาโต วินาทีต่อมา น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา ไหลลงมาตามแก้มที่ละเอียดร่วงหล่นลงมา…
เหมือนว่าไม่ได้คาดเดาถึงสถานการณ์นี้ นิ้วเยี่ยหวั่นหวันที่อยู่ท่ามกลางผมของชายหนุ่มแข็งทื่อขึ้นมาทันใดโดยที่คนอื่นไม่ทันสังเกต
เอ๋… ทำเกินไปหรือ?
ทำไมร้องไห้แล้วล่ะ!
เธอทำเขาร้องไห้แล้ว!
เธอโหดเกินไปหรือ?
เมื่อกี้เธอโหดมากจริงหรือ?
ในใจเยี่ยหวั่นหวันว้าวุ่นไปหมด สีหน้าภายนอกยังคงรักษาความสง่าและท่าทีไว้ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมายื่นไปให้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก พูดเสียงเย็นชา “ร้องไห้อะไร? เป็นลูกผู้ชายร้องไห้ออกมาไม่ได้”
ลั่วเฉินกล้ำกลืนลงไป พยักหน้า จากนั้นออกแรงเช็ดตา รับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาอย่างระมัดระวัง
…………………………………………………