บทที่ 119 รวบรวมกำลังพล
“มองฉันทำไม?” เยี่ยหวันหวั่นกระพริบตา
เจียงเยียนหรานกระแอมเสียงเบา เบี่ยงหน้าออก “แค่รู้สึกว่าเธอเปลี่ยนไปมาก…”
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะ “เปลี่ยน? เธอเคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันเหรอ?”
เจียงเยียนหรานคิด เหมือนว่าตัวเองจะไม่เคยมีมิตรภาพแน่นแฟ้นกับเพื่อนคนนี้มาก่อนเลย ตอนหลังก็ยังเข้าใจเธอผิดมาโดยตลอด ไม่รู้จริงๆ ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นคนแบบไหน
“ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะ…ฉันเข้าใจเธอผิด…” เจียงเยียนหรานเอ่ยพูดด้วยความอึดอัดใจ “ฉันทำกับเธอขนาดนี้ ทำไมเธอถึงยังช่วยฉัน?”
“ฉันบอกไปแล้วว่า เป็นการร่วมมือกัน ฉันย่อมมีตอนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอแน่นอน”
ได้เห็นท่าทางจริงใจตรงไปตรงมาของเยี่ยหวันหวั่น เจียงเยียนหรานรู้สึกดีกับเธอมากขึ้นอีกหลายส่วน รีบตอบ “เธออยากให้ฉันช่วยอะไร ขอเพียงฉันทำได้ก็จะช่วย”
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ในระยะยาว…ต้องมีสักอย่าง…” เยี่ยหวันหวั่นมองจ้องเจียงเยียนหราน ในแววตานั้นเหมือนดั่งสุนัขจิ้งจอกเห็นก้อนเนื้อ
เจียงเยียนหรานถูกเยี่ยหวันหวั่นจ้องจนรู้สึกอึดอัด “ระยะยาว? คืออะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นดวงตาเป็นประกายแพรวพราวจ้องมองเธอ “ภายภาคหน้าหากเธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง รบกวนช่วยพิจารณาให้ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอนะ”
ชีวิตนี้หากเธอต้องการโค่นล้มเยี่ยอีอี การจะเอาตัวเองก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมีคนขี้หึงเป็นไหน้ำส้มสายชูอย่างซือเยี่ยหานอยู่ตรงนั้น
ท่ามกลางการทำงานเบื้องหลัง ผู้จัดการศิลปินจึงเป็นอาชีพที่เหมาะกับเธอที่สุด
เทียบกับนักแสดงแล้ว อาชีพผู้จัดการมีประโยชน์กับการขยายเครือข่ายอิทธิพลของเธอ และก่อตั้งบริษัทของตัวเองมากกว่า
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ก็คือ การสอบเข้าคณะนิเทศน์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เอกสื่อสารมวลชนให้ได้ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางสาขาของตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถรวบรวมกำลังพลอย่างเอิกเกริกได้ แต่หากได้ตัวศิลปินที่มีศักยภาพสักสองสามคนมาร่วมทีมก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก
และเจียงเยียนหรานก็คือตัวเก็งสำเร็จรูปคนหนึ่ง
ได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น เจียงเยียนหรานค่อนข้างประหลาดใจ “เพราะพ่อกับแม่ ในอนาคตฉันวางแผนจะเข้าสู่วงการบันเทิงก็จริง แต่ด้วยสภาพหน้าตาของฉันแล้ว น่าจะเหมาะกับการทำงานเบื้องหลังมากกว่าหรือเปล่า? แต่สำหรับเธอ หน้าสดของเธอสวยมาก…จริงๆ นะ ทำไมถึงไม่เดบิวต์เข้าวงการบันเทิงไปเลย แต่กลับอยากเป็นผู้จัดการส่วนตัว?”
เยี่ยหวันหวั่นมองพิจารณาเจียงเยียนหรานอย่างละเอียดไปครั้งหนึ่ง ทำเสียงจุ๊ๆ พูดเบาๆ “ว่าไปที่รัก เธอดูถูกตัวเองเกินไปหน่อยแล้ว! เชื่อฉันสิ หน้าตาของเธอกินขาดเฉินเมิ่งฉีได้ร้อยเท่า! เพียงแต่เธอพรีเซนต์ข้อดีของตัวเองไม่ค่อยเป็นก็เท่านั้น แต่ไม่ต้องใจร้อนไป ต่อไปฉันจะช่วยเธอแปลงโฉมเอง!”
เดาว่าเป็นเพราะเจียงเยียนหรานตั้งทำตามความชอบของซ่งจื่อหาง วันๆ จึงแต่งตัวเป็นกุลสตรี ไว้ผมดำยาวเรียบร้อย
หากแต่งตัวแบบนี้แล้วสวยก็จะกลายเป็นเทพธิดากลางใจของผู้ชายหลายคน ไม่ต่างไปจากเฉินเมิ่งฉี แต่เห็นชัดว่าเจียงเยียนหรานไม่เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวแบบนี้ ไม่เพียงไม่มีความสวยเลยสักนิด ในทางตรงกันข้ามกลับดูเหมือนภิกษุณีสมัยก่อน
ในชาติก่อน หลังจากก้าวสู่วงการบันเทิง เจียงเยียนหรานเดินบนเส้นทางสายความสามารถมาโดยตลอด เธอมักจะได้รับบทบาทที่น่าขมขื่นและน่ารังเกียจ
แต่เธอยังจำได้ชัดเจนว่าในงานประกาศรางวัลหนึ่งในชาติก่อน เจียงเยียนหรานสวมชุดราตรีเซ็กซี่สีแดงตัวใหญ่ ขึ้นเวทีรับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ความสวยของเธอฆ่านักแสดงหญิงทุกคนในคืนนั้นไปเลย
เพียงแต่เจียงเยียนหรานแต่งตัวแบบนั้นแค่ครั้งเดียว ต่อมาก็ไม่เคยเห็นเธอแต่งตัวสไตล์นั้นในข่าวบันเทิงอีกเลย เป็นไปได้ว่าเธอน่าจะถูกเฉินเมิ่งฉีล้างสมอง
“เอ่อ…” เจียงเยียนหรานนึกถึงการแต่งตัวสไตล์พังก์ร็อกและสุนทรียะศาสตร์ยามปกติของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว เห็นชัดว่าเธอไม่เชื่อคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่นเลยสักคำ
เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าตอนนี้เธอยังไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้สนใจ หาเสื้อผ้าชุดหนึ่งจากตู้เสื้อผ้าของตัวเองแล้วส่งให้กับเธอ “เธอไปเปลี่ยนใส่ชุดนอนของฉันก่อนเถอะ แล้วไปนอนที่เตียง พ่อแม่เธอคงใกล้จะมาถึงแล้ว”
“ขอบคุณนะ” เจียงเยียนหรานพยักหน้ารับคำ
………………………………………………….
บทที่ 120 ฟ้อง
พ่อแม่ของเจียงหรานมาถึงอย่างรวดเร็ว
ได้ยินเสียงเคาะประตู เยี่ยหวันหวั่นปรับสีหน้าท่าทางเล็กน้อย จากนั้นก็รีบไปเปิดประตู
“เยียนหรานล่ะ? เยียนหรานของพวกเราล่ะ!”
“ลูกสาวของเราอยู่ที่ไหน?”
คุณพ่อเจียงคุณแม่เจียงร้อนใจเหงื่อไหลเต็มหน้า
“คุณลุง คุณป้า ในที่สุดพวกคุณก็มาถึงสักที เยียนหรานนอนพักอยู่ที่เตียง พวกคุณรีบไปดูเธอเถอะค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ย
สองสามีภรรยารีบพุ่งตัวไปหน้าเตียง หลังจากได้เห็นลูกสาวนอนอยู่บนเตียง หัวใจแทบแตกสลาย
สีหน้าของเจียงเยียนหรานเมื่อครู่เดิมทีก็ซีดเซียวมากอยู่แล้ว แก้มซีดเผือกไร้เลือดฝาด สองตาบวมตุ่ย คุณพ่อเจียงคุณแม่เจียงจึงไม่ได้สงสัยอะไร
“เยียนหรานทำไมลูกถึงได้โง่แบบนี้! สรุปมันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
“เยียนหราน รีบบอกพ่อมา ที่โรงเรียนมีใครรังแกลูกใช่ไหม?”
เจียงเยียนหรานมองพ่อกับแม่ที่รีบร้อนเข้ามาหาอย่างมึนงง เมื่อได้เห็นพวกท่านแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจที่เก็บกลั้นเอาไว้นั้นก็ไม่อาจข่มไว้ได้อีก กระโจนเข้าไปสู่อ้อมกอดของพ่อกับแม่ร้องไห้ขมขื่น “พ่อ…แม่…หนูเสียใจมาก…เสียใจมากเลย…”
คุณแม่เจียงเห็นลูกสาวร้องห่มร้องไห้เหมือนมีดตำใจ “เด็กดี! เด็กดีลูกรัก! ลูกอยากทำให้พ่อกับแม่ร้อนใจตายใช่ไหม? ลูกเป็นอะไรกันแน่?”
เยี่ยหวันหวั่นที่ยืนอยู่ด้านข้าง หยดน้ำตาไหลริน “คุณลุงคุณป้าคะ พวกคุณต้องช่วยเยียนหรานระบายความแค้นนะ เยีบนหรานโดนรังแกที่โรงเรียนจนเกือบตายแล้ว!”
คุณพ่อเจียงใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโมโห “ใครมันกล้ารังแกลูกสาวของฉัน!”
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ซ่งจื่อหางกับเฉินเมิ่งฉีค่ะ!”
คุณพ่อเจียงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “จื่อหาง แล้วยังมีเฉินเมิ่งฉี? จะเป็นไปได้ยังไง? จื่อหางไม่มีทางรังแกเยียนหรานเด็ดขาด แล้วก็เฉินเมิ่งฉีเป็นเพื่อนรักของเยียนหรานไม่ใช่เหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นรีบอธิบาย “เดิมทีก็ไม่ใช่แบบนี้ ซ่งจื่อหางไม่เคยชอบเยียนหรานเลย แต่ยังแอบคบกับเฉินเมิ่งฉีเพื่อนที่สนิทที่สุดของเยียนหราน ส่วนเฉินเมิ่งฉีในฐานะเพื่อนสนิทที่สุดของเยียนหราน ไม่เพียงไม่บอกเรื่องนี้กับเยียนหราน ทั้งที่รู้แก่ใจว่าซ่งจื่อหางกับเยียนหรานหมั้นหมายกัน แต่ยังแอบกิ๊กกับซ่งจื่อหาง…”
คุณพ่อเจียงสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ฉันรู้ดีว่าจื่อหางเด็กคนนั้นเป็นคนอย่างไร เขาจริงใจกับเยียนหรานของพวกเรา”
คุณแม่เจียงกล่าวเสริม “ใช่แล้ว ปกติพวกเราก็เห็นอยู่กับตา”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเย็นในใจ ซ่งจื่อหางคนนี้แสดงละครตบตาเก่งเหลือเกิน ถึงว่าก่อนหน้านี้เจียงเยียนหรานถึงได้กังวลว่าพ่อกับแม่จะไม่เชื่อ
เยี่ยหวันหวั่นฟ้องต่อ “คุณลุงคุณป้า พวกคุณถูกหลอกแล้วค่ะ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ซ่งจื่อหางแสดงละครต่อหน้าพวกคุณต่างหาก เวลาที่ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวไม่อยู่ เขาก็จะเย็นชาใส่เยียนหราน ทั้งยังบอกกับเยียนหรานว่าเขามีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว
แต่เพราะเยียนหรานโง่เกินไป และก็รักเขามากเหลือเกิน จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ บางครั้งเวลาที่ซ่งจื่อหางทำหน้าดีให้บ้าง เธอก็ดีใจเป็นล้นพ้น คิดเอาเองว่าวันนี้ตัวเองทำให้เขาซาบซึ้งได้”
เยียนหรานเป็นผู้หญิงที่ดี เพื่อทำให้เขาชอบ แม้ในวันที่อากาศหนาวเย็นก็จะตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ดั้นด้นไปร้านที่อยู่ไกลสิบลี้เพื่อซื้ออาหารเช้าที่เขาชอบกินที่สุดมาให้ ในวันที่อากาศร้อนที่สุด ก็ยังวิ่งไปเชียร์เขาเล่นบาสถึงขอบสนาม!
เธอเป็นคุณหนูครอบครัวเศรษฐี อยู่ที่บ้านไม่เคยต้องตากแดดตากลมสักนิด แต่เพื่อเอาใจเขา จึงสนับสนุนอยู่ข้างหลังให้กับทีมบาสทั้งทีม คอยซื้อน้ำซื้อขนมให้กับทุกคนในทีม กระทั่งซักเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเหม็นเต็มตัวเหล่านั้น! ”