“แม่คะ หนูก็คิดแบบนี้ อีกสามวันหนูเตรียมจะออกไปพักผ่อนสงบจิตสงบใจค่ะ” พอมุกดาได้ยินว่าธาราวดีมีความคิดแบบนี้ เธอเองก็พายเรือตามน้ำไปด้วยพอดี เอาเรื่องที่ตัวเองจะไปบอกกับธาราวดีเลย
“อ้อ งั้นก็ดี งั้นก็ดี แม้จะเกิดเรื่องเหล่านี้แล้ว แต่พวกเราก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกถึงขั้นจะออกจากบ้านยังไม่ได้” ธาราวดีพอได้ยินว่าลูกสาวมีแผนจะไปเที่ยวสงบจิตใจ เธอก็สบายใจแล้ว
“มุกดา ลูกเตรียมจะไปเที่ยวที่ไหนล่ะ ต้องการหาคนไปเป็นเพื่อนลูกมั้ย” ธาราวดีซักถาม
“ไม่ต้องเลยค่ะ หนูอยากอยู่เงียบๆคนเดียวค่ะแม่” มุกดาเอ่ยกับธาราวดี เธอไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าตนเองไปที่ไหน ก็ทำเป็นว่าตนเองตายไปเลยแล้วกัน
“ก็ได้ ลูกไปคนเดียวก็ดี ออกไปสงบจิตสงบใจ รอจนตัวเองอยากกลับ ก็กลับมานะ” ธาราวดีพูดกับมุกดา
ธาราวดีเห็นลูกสาวตนเองขอบตาดำคล้ำ สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก อยากออกไปเที่ยวพักผ่อน ก็อาจจะเป็นผลดีกับลูก เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ช่วงนี้ธาราวดีเองก็มีเรื่องมากมาย ณฐวรไปฝรั่งเศสแล้ว แต่ยังหาเบาะแสของสามีอย่างยศัสวินไม่พบ ปกติแล้วสามีจะไปไหนก็ต้องบอกตนเอง แต่ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมแม้แต่ตนเองยังไม่เคยบอก ธาราวดีเองก็ใจสลาย ตอนนี้เรื่องของโจนส์กรุ๊ปสาขาประเทศจีน ก็ทำให้เธอปวดหัวมากพอแล้ว มุกดามีความผิดปกติอะไรตรงไหน เธอก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยแล้ว
สามวันต่อไป มุกดาลากกระเป๋าเดินทางมา ยืนอยู่ตรงประตูบ้าน เธอมองแล้วมองอีกด้วยความอาลัยอาวรณ์ สุดท้ายก็ขึ้นรถ
“คุณหนู คุณก็อย่าเสียใจไปเลยครับ ออกไปเที่ยวก็เที่ยวให้สนุก ทุกอย่างที่บ้านมีคุณหญิงอยู่” คนขับรถพูดกับมุกดาด้วยความหวังดี เขาคิดว่ามุกดาใจหายไม่อยากจากบ้านไป
“อืม ฉันรู้ค่ะ ต่อไปรบกวนพวกคุณดูแลคนในครอบครัวฉันด้วยนะคะ” มุกดาพูดกับคนขับรถ
คนขับรถรู้สึกว่าคุณหนูมีบางอย่างแปลกๆ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าตรงไหนที่ผิดปกติ
มุกดาไม่พูดอะไรอีกเลยตลอดทาง เธอหลับตาพิงเบาะด้านหลัง นอนพักเอาแรง
วันนี้ธาราวดีไม่มีเวลาไปส่งมุกดา คิดว่าก็แค่ไปเที่ยว เธอก็เลยไปทำงานที่บริษัท
แบบนี้กลับทำให้มุกดาสบายใจขึ้นมาบ้าง ถ้าไม่อย่างนั้นแม่เกิดถามขึ้นมา เธอก็ไม่รู้จะบอกยังไง
เมื่อมาถึงสนามบิน มุกดาก็ลงจากรถ หลังจากบอกลากับคนขับรถแล้ว ก็ลากกระเป๋าเดินทางไปที่อาคารผู้โดยสารคนเดียว
ฟิลลิปได้โทรศัพท์มาหามุกดาแล้ว เพื่อให้แน่ใจถึงการเคลื่อนไหวของเธอ ความจริงแล้วคนของเขาได้สะกดรอยตามเธอแล้ว และรายงานกับเขาเรียบร้อยแล้ว
“มุกดาที่รัก ตอนนี้คุณมาถึงอาคารผู้โดยสารแล้วเหรอ ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะบินแล้วนะ!” เสียงของฟิลลิปมีความสุขมาก
“ฉันมาถึงแล้ว คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะไปแน่นอน” มุกดาพูดกับฟิลลิปอย่างไม่สบอารมณ์
“งั้นก็ดี งั้นก็ดี ผมจะรอคุณ ผมจะไปรับคุณที่สนามบินนะ ที่รัก ” ฟิลลิปพูดกับมุกดา
มุกดาไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก ตอนนี้ในใจเธออยากจะตายแล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อโจนส์กรุ๊ป เธอก็อยากจะฆ่าฟิลลิปให้ตาย จากนั้นก็ฆ่าตัวตายตามจริงๆ
ขึ้นเครื่องแล้ว มุกดาก็นั่งลง เอนหลังพิงเก้าอี้หลับตาลงเพื่อพักผ่อน เรื่องราวทุกอย่างไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ คนที่อยู่ข้างๆเธอก็ไม่อยากสนใจ
พอมุกดาหลับก็นอนหลับยาวมาก ช่วงนี้มีเรื่องเธอให้เธอคิดพิจารณามากมายเหลือเกิน เธอก็เหนื่อยแย่แล้ว
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็เลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตนเองหิวเล็กน้อย
ดูเวลาล่วงเลยบ่ายสองมาแล้ว มุกดานึกได้ว่าในกระเป๋าตนเองมีขนมอยู่นิดหน่อย เธอก็อยากจะหาที่กระเป๋าตนเอง
“ผมเก็บของกินไว้ให้คุณแล้ว คุณกินสิ” เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นมาข้างๆมุกดา พอเธอหันกลับไปมอง ข้างๆตัวเองกลับเป็นอนุชิตที่นั่งอยู่
ในมือเขามีแซนด์วิชหนึ่งชิ้น แล้วก็ข้าวผัดหนึ่งกล่อง นมหนึ่งแก้ว
มุกดาก็หิวแล้วจริงๆ เธอจึงรับของในมือเขา เอามากิน
อาจจะเพราะว่าเธอหิว มุกดารู้สึกว่าของพวกนั้นอร่อยเป็นพิเศษ เธอกินของเหล่านั้นหมดอย่างรวดเร็ว
ดื่มนมจนหมดเลย มุกดาก็เอาของส่งให้แอร์โฮสเตส แล้วเธอก็เตรียมจะนอนอีก
“คุณไปอเมริกาทำไม” เวลานี้จู่ๆอนุชิตก็เอ่ยถามมุกดาขึ้นมา
“ไปเที่ยว” เพิ่งจะกินของเขาหมด มุกดาก็เลยต้องให้ความสนใจกับเขา
“อ้อ ถ้างั้นก็เที่ยวให้สนุก” อนุชิตเหลือบมองมุกดา เรื่องราวในครั้งนี้โจมตีจนทำให้เธออ่อนแอไปมาก ความมั่นใจในตัวเองและความหยิ่งทระนงเมื่อก่อนนั้น สลายหายไปแล้ว
“อืม” มุกดาส่งเสียงตอบรับหนึ่งครั้ง เธอหลับตานอนเอาแรงต่อไป
อนุชิตก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ในใจเขามีความคิดว่า เขารู้ว่าถ้าเขาถามมุกดาก็ไม่ได้คำตอบอะไร ครั้งนี้ที่เขาไปอเมริกาเพราะมีเรื่องสำคัญ เรื่องนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับมุกดาด้วยจริงๆ
ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย อนุชิตไม่ได้มีท่าทีกวนประสาท ก็ไม่ได้น่ารังเกียจมากนัก
การบินราวยี่สิบชั่วโมงผ่านไปแล้ว ในที่สุดก็มาถึงนิวยอร์ก
“พอพวกเราลงเครื่องก็แยกย้ายกันแล้ว ผมหวังว่าคุณจะไม่มองโลกในแง่ร้ายมากเกินไป ยังมีเรื่องราวมากมายที่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นอย่างที่คุณคิด” สิ่งที่อนุชิตพูดกับมุกดาเป็นประโยคสุดท้าย ก็คือคำพูดนี้ เขาพูดจบก็เดินไปเลย
มุกดายิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดขนาดนั้น แต่อาจจะจะเลวร้ายมากยิ่งขึ้นอีก แต่ว่าอนุชิตคนนี้เขารู้อะไรอีก คนที่ไม่เกี่ยวข้องคนหนึ่งมุกดาก็ไม่เต็มใจที่จะบอกอะไรมาก
เธอเดินออกจากสนามบิน ก็มองเห็นคนถือแผ่นป้ายใหญ่ๆแผ่นหนึ่ง ด้านบนกลับเขียนชื่อภาษาอังกฤษของฟิลลิป
ฟิลลิปกลัวว่าจะมีคนทำเสียเรื่อง ก็เลยให้คนที่ไปรับมุกดาเขียนชื่อของตนเองลงไป ให้มุกดาใช้ชื่อนี้ไปตามหา
มุกดามองเห็นชื่อนั้น เธอก็เดินไป ผ่านการพูดคุย ก็แน่ใจว่าเป็นคนที่มารับเธอ คนที่มารับเป็นเด็กสาวอเมริกันที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เธอมีผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้า
“คุณคือมุกดาเหรอคะ ฉันชื่อลูซี่ ต่อไปก็คือบอดี้การ์ดคุณ” ลูซี่ช่วยรับของมุกดาไปถืออย่างมีน้ำใจมาก
มุกดาไม่ได้พูดอะไร เธอก็เดินตามหลังลูซี่ไป เห็นเสื้อผ้าที่ลูซี่สวมใส่ธรรมดามากๆ แต่จากท่าทางการเดินแล้ว ความสามารถในการต่อสู้คงไม่เลว
นี่คือบอดี้การ์ดตนเองที่ไหนกัน คือคนที่ฟิลลิปจัดมาคอยควบคุมตนเองต่างหาก แต่ยังดีที่เป็นผู้หญิง
“คุณมุกดา เชิญขึ้นรถเถอะ คุณฟิลลิปคงรออย่างกระวนกระวายแล้ว เจ้าสาวสวยขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อมาก” ลูซี่มองมุกดา พอเธอยิ้มก็เผยให้เห็นฟันสองแถวที่ขาวสะอาด