บทที่ 157 ศัตรูของผู้ชายทุกคน
เหล่าศิษย์ของยอดเขาเขียนต้วนรีบช่วยจางเฉียนลุกขึ้นและใช้ยาบรรเทาทองคําให้กับเขาหลังจากพวกเขาช่วยเขาลุกขึ้นพวกเขารีบจากไปหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ มีเรือสงครามอีกสามลํากําลังมาจากขอบฟ้าคําที่อยู่บนธงของเรือมีคําว่า “หลิว” (XJ), “เยว่ (E), and “เพิ่ง” (JX).
“ผู้คนของยอดเขาว่านเหริน ยอดเขาเปยเฉิน ยอดเขากังอวมาถึงแล้วมาพร้อมกันบังเอิญอะไรเช่นนี้ ผู้สืบทอดที่แท้จริงของทั้งสามยอดเขาเองก็กําลังตามจีบเหลิ่งหลิวซู ข้าสงสัยว่าถ้าพวกเขารู้เรื่องจะตอบสนองเช่นไรนะ” คนผู้หนี้ งที่อยู่ข้างล่างหัวเราะออกมาขณะกล่าว
เวรเอ้ย! อยู่กันครบเกือบจะเป็นกองทัพแล้ว เซี่ยวเฉินรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจคําพูดของขงจื้อที่ว่า “เหตุผลที่ทําไมไม่ควรทําให้หญิงสาวขุ่นเคืองก็เพราะผลลัพธ์ที่ตามมามันยากที่จะแก้ไข
“มีคนไล่จีบผู้หญิงคนนี้มากขนาดไหนกัน? มันไม่จบไม่สิ้นเสียเลย”
เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นท่าทางท้อแท้ของเซี่ยวเฉิน นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเจ้าเป็นปรมาจารย์หนุ่มแห่งศาลากระบี่สวรรค์เหล่าชายชาตรีก็อาจจะไล่ตามเจ้าเช่นกัน”
เซี่ยวเฉินรู้สึกไร้คําพูดขณะกล่าว “เรื่องตลกเช่นนี้ไม่ขําเลยยังไงก็ตาม มิใช่ว่าพี่สาวหรูเยว่เองก็เป็นหญิงสาวที่งดงามตั้งแต่เกิดบุคคลเช่นท่านเองก็ต้องมีคนไล่จีบอยู่บ้างเช่น กันใช่ไหม? หากมีอยู่บ้างเช่นนั้นพวกเขาก็จะได้ประโยชน์ในการช่วยข้าออกจากสถานการณ์เช่นนี้”
ไม่มีการแสดงออกที่จะสนใจบนใบหน้าของหลิวหรูเยว่ขณะกล่าว “หากข้ามีคนไล่จีบไร้สมอง ข้าจะสังหารพวกมัน ด้วยการโจมตีหนึ่งกระบี่ข้าไม่สามารถให้คนเช่นนี้ช่วยเหลือเจ้าได้”
เรือสงครามทั้งสามลําค่อยๆลดระดับลงมาและไม่ช้าก็มีคนบอกพวกเขาถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ผู้สืบทอดที่แท้จริงข องทั้งสามยอดเขาเหลือบมองไปที่เชี่ยวเฉินอย่างไรก็ตามพวกเขาหวาดกลัวหลิวหรูเยวและไม่ได้เดินเข้ามาหาเรื่อง
ในไม่ช้า ก็มีผู้บ่มเพาะพลังจํานวนมากเดินขึ้นมาจากด้านล่างของยอดเขาและรีบไปที่ลานกว้าง ลานกว้างขนาดใหญ่ ไม่นานก็เต็มไปด้วยผู้คนดูเหมือนว่าการบรรยายขอ งจักรพรรดิยุทธ์ผู้นี้จะดึงดูดผู้บ่มเพาะทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างดี (TL: ยอดกษัตริย์ ไม่ใช่เหรอ?)
เมื่อหลิวสุยเพิ่งและพรรคพวกเห็นเซี่ยวเฉิน พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างไรก็ตาม หลิวสุยเฟิงทักทายเชียว เฉินธรรมดาๆเท่านั้น ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปที่ที่เหล่าศิษย์ของยอดเขาสตรีหยกอยู่
หลิวหรูเยว่พ่นลมเย็น “หมดหวัง!”
“โป!” ขณะนี้เอง มีความผันผวนของมิติเกิดขึ้นรอบด้านมีระลอกคลื่นที่มองเห็นกําลังกระจายออกไปในอากาศนี่เป็นสัญญาณของยอดกษัตริย์ที่กําลังมาถึง
เมื่อผู้บ่มเพาะมาถึงขอบเขตยอดกษัตริย์ พวกเขาจะได้รับความเข้าใจเบื้องต้นของกฏแห่งมิติเดินทางหลายพันกิโลเมตรในความคิดของพวกเขามันไม่ใช่เรื่องยากเลย
หลังจากพวกเขาพัฒนาต่อไป พวกเขาจะผสานกฏเกณฑ์ของตนเองขึ้นมาและกลายเป็นขอบเขตนักปราชญ์ มี อายุขัยนับพันปีอย่างไรก็ตามมันไม่มีข่าวครามของขอบเข ตนักปราชญ์ในอาณาจักรต้าฉันมากว่าพันปีแล้ว
ทันใดนั้น คลื่นก็คอยกลายมาเป็นจังหวะมีรอยแตกขนาดเล็กปรากฏอยู่บนเวที่สูงในลานกว้างปืนสู่เทวาลัย และมีชายชราปรากฏตัวขึ้นจากไหนก็ไม่รู้ขึ้นมา
ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยริ้วรอย และมีความท่าทางเหมือนง่วงนอนเป็นอย่างมากออกมาจากตัวเขา อย่างไรก็ ตามดวงตาของเขาสดใสเหมือนดวงดาราบนท้องนภา ตา ของเขาดูเหมือนลึกลับและห่างไกลราวกับว่าพวกมันมีจักรวาลอันไร้ขีดจํากัดบรรจุอยู่
ออร่าที่แข็งแกร่งกระจายไปทั่วยอดของหุบเขาในทันที ทุกผู้คนสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่กําลังกดดันพว กเขาอยู่ลานกว้างปืนสู่เทวาลัยที่เสียงดังกลายมาเป็นเงียบก ริบในทันที
เชี่ยวเฉินมองผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่บนเวที และประหลาดใจคนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นขั้นสูงสุดของขอบเขตยอดกษัตริย์ ผู้ที่ขาดเพียงหนึ่งก้าวก็จะเจิดจ้ากลายเป็นนักปราชญ์ ถ้าอายุ ขัยของชาบชรายังเหลืออีกนานพอมันเป็นไปได้สําหรับเขาที่จะเลื่อนขอบเขตขึ้นไป
“มันเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ข้ามาในครั้งล่าสุด ข้าไม่มั่นใจว่าข้าจะมีโอกาสมาที่นี่อีกในอนาคต เอาล่ะ นั่นเป็นเรื่อง ไร้สาระของข้าเองข้าจะพูดถึงประสบการณ์บางอย่างของ ข้าแล้วกัน อย่างไรก็ตามจงจําเอาไว้ ทุกคนล้วนแต่มีรูป แบบของตนเอง อย่าเลียนแบบผู้อื่นอย่างหน้ามืดตามัวเจ้สมควรจะเข้าใจสถานการณ์ของตนเองอย่างดี และอย่าตระกละกินมาเกินไปกว่าที่จะเคี้ยวได้”
เสียงแหบของชายชราเข้าสู่หูของทุกผู้คน เสียงของเขาไม่ดังแต่มันตราตรึงอยู่ในใจของทุกผู้คนส่งผลให้คําพูดของเขาไม่ถูกลืมโดยง่าย
“ยอดกลับไปเมื่อข้ายังหนุ่ม ข้าเต็มไปด้วยความหวังและความฝันข้าแบกกระบีสุดรักสุดหวงและมายังศาลากระบีสวรรค์ ข้าต้องการจะกลายเป็นผู้ใช้กระบี่ที่ทรงพลังที่สุดในโลกข้าต้องการเรียนรู้ทักษะกระบี่ที่ป้องกันเอาไว้ไม่ได้ ทักษะกระบีที่รวดเร็วที่สุดในโลก
“เมื่อข้าเริ่มแก่ตัว ข้าตระหนักว่าข้ามันช่างน่าหัวร่อและ โง่เขลาเช่นไรในอดีตในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจแนวคิดที่ว่าอย่าต ระกละมากเกินที่จะเคี้ยวไหวและพยายามกระโดดขึ้นสู่ สวรรค์ภายในครั้งเดียวในตอนนั้นที่ข้าได้เข้าใจเรื่องนั้นข้า ได้เสียเวลาไปหลายสิบปี”
“ทุกคนคิดว่ากระบี่เป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุด ดูองอาจที่ สุดอย่างไรก็ตาม พวกเจ้าไม่รู้ว่ากระบี่ทุกเล่มมีความรู้ สี่กของมันเองและมีบุคลิกของมันเอง ไม่ว่าจะอ่อนโยนเหมี อนสายน้ําหรือสง่างามและไร้การต่อต้านหรือเป็นแบบตรง ไปตรงมาและเถรตรง ในทํานองเดียวกันผู้ใช้กระบี่ทุกคนก็มีบุคคลิกของตนเอง…
“ข้าจําได้ว่าในอดีต ข้าเจออัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อันเก่งกาจไม่กี่คน กระบี่ที่อยู่กับข้ามาหลายปีถูกหักเป็นสองส่วนข้าเปลี่ยนไปใช้กระบี่เล่มอื่นหลายเล่มและฝึกฝนอย่างอุ่น เคืองไปหลายปีแต่ข้าก็ยังไม่สามารถสู้อัจฉริยะเหล่านั้นได้
“บางผู้เกิดมาพร้อมกับการอวยพรจากสรวงสวรรค์ ในที่สุดทุกคนจะวิ่งไปพบกับอัจฉริยะเช่นนี้ โดยไม่คํานึงถึงสถาน การณ์กระบีสามารถถูกแทนที่ได้แต่หัวใจของผู้ใช้กระบีมควรสั่นไหว…”
ชายชรากล่าวช้ามาก เนื้อหาการบรรยายของเขาแตกต่างจากสิ่งที่เซียวเฉินคาดคิดเอาไว้ ตอนแรกเขาคิดว่าชายชราจะอธิบายเกี่ยวกับทักษะยุทธ์ที่ทรงพลังเป็นอย่างมากใครจะทราบว่าเขาจะพูดแต่ประสบการณ์ของเขาและความ เข้าใจของตัวเขาเองเท่านั้น
C
คําพูดของเขาชัดเจนมาก เขาไม่ได้พูดเรื่องที่สุดยอดหรือกล่าวถึงทฤษฎีลึกซึ้ง ชายชรากล่าวเพียงแค่อุปสรรคทุกอย่างเท่านั้น เขามีประสบการณ์ในการบ่มเพาะทุกขั้นที่เขาเคยผ่านมา
ประสบการณ์ธรรมดาที่มาพร้อมกับวิธีการพูดปกติของชายชราไม่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาหรือการหยั่งรู้ในทันที 04
อย่างไรก็ตาม ทุกคนในตอนนี้ได้รับความเข้าใจบางอย่างนี่เป็นเพราะประสบการณ์ที่ชายชรากล่าวเป็นประสบการณ์ การบ่มเพาะที่แตกต่างกันในแต่ละขอบเขตพวกเขาสา มารถได้รับคําตอบของอุปสรรคทั้งหลายแหล่ที่พวกเขากําลังพบเจอในคําพูดของชายชรา
เมื่อชายชราพูดถึงอุปสรรค และความพ่ายแพ้ที่เขาได้รับเมื่ออยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ์ เซี่ยวเฉินฟังอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นเขาเปรียบเทียบมันกับสถานการณ์ของเขา ปัญหาทั้งหลายแหล่ที่เขาพบเจ้าได้รับการแก้ไขในทันที
นอกจากนี้ เมื่อเขาพูดถึงขอบเขตนักบุญ มันได้มอบคําชี้แนะให้กับเซียวเฉิน ทําให้เขาก้าวต่อไปได้อย่างราบรื่นขึ้น
ชายชราไม่เพียงแต่พูดถึงประสบการณ์ของตนเอง เขายังกล่าวถึงความเข้าใจส่วนตัวที่มีต่อทักษะกระบี่ แต่ละคําอธิบายจะมาพร้อมกับประสบการณ์ส่วนตัวของเขาใช้ประสบการณ์ของเขาเป็นกรณีศึกษา
ไม่มีช่องว่างในขณะที่เขากล่าว ทุกคนที่อยู่ที่นี่สามารถเข้า ใจมันได้โดยง่ายเซียวเฉินอดไม่ได้ที่จะชื่นชมชายชราผู้นี้ นี้คือปรมาจารย์ที่แท้จริง
เขาไม่ได้กล่าวเรื่องโกหกหรือทําเป็นอวดรู้ใดๆ เขาไม่ได้กล่าวถึงทฤษฎีลึกซึ้งที่ยังไม่สมบูรณ์หรือแนวคิดที่ซับซ้อนจน เกินจําเป็นเพราะไม่มีใครสามารถเข้าใจเรื่องพวกนี้ และมีเพียงคําถามที่จะถูกถามเพิ่มเท่านั้น
“พรสวรรค์ส่วนบุคคลนั้นเป็นตัวกําหนดว่าคนผู้นั้นจะก้าวหน้าได้เร็วแค่ไหนอย่างไรก็ตาม ความขยันหมั่นเพียรของบุคคลเป็นตัวกําหนดว่าคนผู้นั้นจะเดินไปได้ไกลแค่ไหนคนหนึ่งไม่ยอมแพ้เนื่องจากขาดพรสวรรค์ หรือดูถูกตนเอง ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้เป็นเรื่องที่สําคัญที่สุด”
หลังจากชายชรากล่าวเรื่องนี้เขาก็จากไปอย่างเงียบเชียบโดยไร้ร่องรอยเสียงของชายชรายังคงดังก้องอยู่ในหูของทุกผู้คน สิ่งนี้ส่งผลให้ไม่มีใครรู้ว่าชายชราจากไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็กลับสู่ความเป็นจริง และตระหนักว่าชายชราจากไปแล้ว ลานกว้างเริ่มกลับสู่สภาวะเสียง ดังเช่นก่อนหน้านี้พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆสองสาม กลุ่มและมุ่งหน้าลงจากยอดเขาขณะที่พวกเขาลงไป พวก เขาพูดคุยกันถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้
ช่าวหยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “ตราบใดที่ข้ามีความเพียรข้าสามารถเป็นจักรพรรดิยุทธ์ได้ในวันหนึ่ง”
ก่อนหน้านี้ เมื่อชายชรากล่าวถึงประสบการณ์ของเขาเขากล่าวถึงการพบกับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่มุ่งเน้นบ่ม เพาะร่างกายเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เทียบได้กับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ ดังนั้นช่าวหยางจึงถูกปลุกใจด้วยเรื่องนี้ เป็นอย่างมาก
เชี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยและยังคงเงียบ เขาเห็นด้วยกับสิ่งสุดท้ายที่ชายชรากล่าว หากคนผู้หนึ่งมีสุดยอดพรสวรรค์แต่ ขาดความอุตสาหะเขาจะไปได้ไม่ไกลบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
| หลิวหรูเยวมองไประยะไกลและเห็นหลิวสุยเพิ่งที่เต็มไปด้วยท่าทางมีความสุขขณะที่เขามาพร้อมกับฉ่ซินอวิ่นนางส่ายหัวและกล่าว “เรื่องแผนการที่จะเก็บบุปผาผลึกน้ํา แข็งปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเยเฉินและสุยเฟิงข่าวหยาง และเซียวเมิงไม่จําเป็นต้องไป”
“ข้ากล่าวกับสุยเฟื้นในตอนเช้าแล้ว แครอให้เขาพร้อมและเจ้าก็ไปได้”
ช่าวหยางส่ายหัวและกล่าว “พี่สาวหรูเยว่ หัวใจของข้า มันลุกโชนได้โปรดให้ข้าไปด้วยเถอะ!”
“ลุกโชนหัวเจ้าสิ!” หลิวหรูเยวใช้ด้ามกระบี่เคาะหัวใหญ่ของช่าวหยาง“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญหลังจากได้ รับฟังคําชี้แนะ? สงบสติตนเองก่อนที่เจ้าจะกล่าวเรื่องนี้อีก”
ช่าวหยางปิดปากทันทีหลังรู้สึกเจ็บ เขาเลิกกว่าว่าลุกโชนหรืออะไรเช่นนั้นเขาตามหลิวหรูเยวลงไปที่เชิงเขาเซียวเฉิน ไม่ได้ออกไปพร้อมกับพวกเขาเขายืนอยู่ตรงนั้นรอหลิวสุยเพิ่ง
– – – –
ไม่นาน หลิวสุยเฟิงก็มุ่งหน้ามาหาเซี่ยวเฉิน ทําให้เชี่ยวเฉินประหลาดใจ ความงดงามอันดับหนึ่งของยอดเขาสตรีหยกชินอวินเองก็ตามมาด้วยเช่นกัน
เซี่ยวเฉินขมวดคิ้ว หลิวสุยเฟิงกําลังทําอะไร? เด็กเหลือขอผู้นี้ชะล่าใจและหุนหันเกินไป นําพาหญิงสาวไปด้วยเมื่อพวกเขาจะออกไปทํางาน
หลิวสุยเพิ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาแนะนําอู่ชินอนให้รู้จัก “นี่คือแม่นางชินอวิ่นแห่งยอดเขาสตรีหยก นางจะมากับพวกเราเพื่อไป หุบเขาสายลมอสูรในคราวนี้”
“สวัสดี ข้าคู่ชินอวิน หลิวสุยเพิ่งมักจะพูดถึงท่านให้ข้าฟัง” นุ่ชินอวิ่นเริ่มต้นทักทายเซี่ยวเฉินด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
ความงดงามที่ลืมไม่ลงของคู่ชินอขึ้นเป็นธรรมดาที่จะทําให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก เมื่อพวกเขายืนอยู่ใกล้นาง อย่างไรก็ตาม เซี่ยวเฉินเคยเห็นสาวสวยหลายคนมาก่อน และยังคงมีภูมิต้านทานต่อความงาม
การแสดงออกของเซียวเฉินไม่เปลี่ยนแปลงเขาเพียงแค่ยิ้มและกล่าว “ข้าสงสัยว่าแม่นางมีธุระอะไรที่จะต้องตามพวกเราไปหรือ?”
ก่อนที่จู่ชินอนจะตอบ หลิวสุยเฟิงก็รีบตอบออกมา “นอกเหนือจากการเป็นผู้บ่มเพาะพลัง ชินอวินเองก็เป็นนักปรุงยาแม้ว่านางจะสามารถรับสมุนไพรบางอย่า งจากนิกายได้ แต่มันจะทําให้สูญเสียคะแนนสะสมมากเกินไป ดังนั้นนางจึงจะไปรวบรวมสมุนไพรให้มากที่สุดด้วยตนเอง”
อู่ชินอวิ่นพยักหน้าและรับรองคําตอบของหลิวสุยเชิง เซี่ยวเฉินรู้สึกพูดไม่ออก เห็นการกระทําของพวกเขาทั้งสองเขามั่นใจหลิวสุยเฟิงไม่เคยจับมือของนางมาก่อน”
มันไม่เป็นไร ตราบใดที่เราได้รับบุปผาผลึกน้ําแข็ง ข้าหวังว่ามันจะไม่เกิดเหตุร้ายโดยไม่คาดคิดเซียวเฉินคิดอย่างช่วยไม่ได้ในใจ
ทั้งสามคนเริ่มลงจากภูเขา ระหว่างทางหลิวสุยเพิ่งกล่าวอย่างกระตือรือร้นแสดงความคิดเห็นเรื่องทุกประเภทอู่ชินอนยิ้มออกมาเป็นครั้งคราวทําให้นางดูงดงามเป็นอย่า งมากเรื่องนี้ส่งผลให้หลิวสุยเชิงพอใจและถูกใจเป็นอย่า งมาก
เซียวเฉินส่ายหัวอย่างเงียบๆ เขาทําอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้หลังจากที่ทั้งสามคนลงจากภูเขาพวกเขาไม่ได้ออกจากเทือกเขาหลิงหยุนในทันที พวกเขาไปที่สถานที่ทําการสัตว์อสูรวิญญาณของศาลากระบีสวรรค์ก่อน
มันค่อนข้างไกลจากหุบเขาสายลมอสูร แม้ว่าทั้งสามคนจะไม่ช้าแต่พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะเสียพลังปราณไปในการเดินทางดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจมาเช่าม้าเร็วสองสามตัวเพื่อการเดินทาง
โดยการใช้เหรียญแสดงตนศิษย์ชั้นในของนิกาย ทั้งสามคนสามารถเช่าม้าระดับต่ําสุดได้ฟรี หากพวกเขาต้องการขี่สัตว์อสูรวิญญาณพวกเขาจะต้องจ่ายเพิ่ม
มีสัตว์อสูรวิญญาณทุกชนิดถูกเลี้ยงดูอยู่ในสถานที่ทําการสัตว์อสูรวิญญาณ หากท่านมีหินวิญญาณเพียงพอ ท่านสามารถเช่าสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงเพื่อช่วยในการต่อสู้ได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนทําได้เพียงมองดูเท่านั้นมันราคาแพงเป็นอย่างมากในการเช่า แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่ได้ขาดแคลนความมั่งคั่งแต่เขาก็ไม่สามารถเผยมันออกได้ง่ายดาย