“เรื่องเคล็ดลับของแก๊งมังกรนั้น……” หลินอิ่งจ้องมองท่านมังกรดำด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ
ท่านมังกรดำเป็นคนสูงใหญ่ เสื้อคลุมสีดำปกคลุมไปทั่วร่าง ภายในแสงจันทร์จางๆ ที่สาดส่อง เผยให้เห็นใบหน้าที่สง่างามออกมาเล็กน้อย
ชายคนนี้มีอายุประมาณสี่สิบปี ใบหน้าค่อนข้างน่าเกรงขาม ดั้งจมูกโด่ง ตาโบ๋ เหมือนมีลำแสงกำลังเฉิดฉายอยู่ในดวงตา ดูแล้วมันช่างแหลมคมเหลือเกิน
“คุณรู้เรื่องของเคล็ดลับของแก๊งมังกรแค่ไหน?” หลินอิ่งพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ท่านมังกรดำ
หลังมองไปทีหนึ่ง หลินอิ่งก็สามารถมั่นใจได้แล้วว่า ท่านมังกรดำนั้นไม่ใช่สมาชิกดั้งเดิมของแก๊งมังกร
เพราะว่า เดิมทีพวกระดับสูงของแก๊งมังกรนั้น ถึงจะไม่เคยเห็นหน้ากัน หลินอิ่งก็เคยเห็นรูปลักษณ์มาก่อน กับพวกระดับสูงนั้นเขาเองก็รู้จักดี
และในความทรงจำของเขานั้น ไม่มีคนไหนที่ชื่อว่าท่านมังกรดำเลย
มีความเป็นไปได้สูงที่คนคนนี้จะเป็นยอดฝีมือที่ถูกส่งเข้ามาหลังจากอาจารย์กู้ต้าขึ้นปกครองแก๊งมังกรก็ได้
และไม่รู้ว่า ไปรู้เรื่องความลับเกี่ยวกับเคล็ดลับของแก๊งมังกรได้ยังไง และรู้เรื่องระยะวัฏจักรของตนได้ยังไง
“ฮึฮึฮึ……” ท่านมังกรดำเปล่งเสียงเย็นชาที่ทุ้มลึกออกมา แล้วจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่เย็นชา “ตัวข้าบอกเจ้าก็ได้การที่ตัวข้าเข้ามาในแก๊งมังกรนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อเคล็ดลับของแก๊งมังกรนี่แหละ”
“เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตัวข้าก็โชคดีมีโอกาสได้ประจักษ์กับความร้ายกาจของเคล็ดลับของแก๊งมังกรแล้ว”
ท่านมังกรดำพูดออกมาอย่างช้าๆ “ด้วยเหตุนี้ ตัวข้านั้นได้ศึกษามาเป็นเวลาหลายปี เก็บเกี่ยวข้อมูลมากมายนับไม่ถ้วน จากการวิเคราะห์และในที่สุดก็ได้รู้ว่า จุดบกพร่องของเคล็ดลับของแก๊งมังกรอยู่ตรงไหน หลายปีที่ทุ่มเทมา ในที่สุดก็ได้รับการตอบแทนสักที
ใช่แล้ว เดิมทีท่านมังกรดำก็ไม่ได้เป็นคนของแก๊งมังกรอยู่แล้ว แค่เป็นคนที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับอาจารย์กู้ต้า ช่วยอาจารย์กู้ต้าจัดกวาดล้างผู้ใต้บัญชาในอดีต แล้วเข้ามามีอำนาจในแก๊งมังกรเท่านั้น
ส่วนตัวเขานั้น ในใจก็คิดไม่ซื่อ ไม่เคยซื่อสัตย์กับอาจารย์กู้ต้ามาตั้งแต่แรกแล้ว
ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว ท่านมังกรดำที่ติดตามคนบางคนที่อยู่ระดับแนวหน้าของแวดวงลึกลับ ก็เคยได้เห็นอดีตท่านประมุขแก๊งแสดงฝีมือมาแล้ว พลังอำนาจที่ล้นฟ้านั่น แค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
ในตอนที่อดีตท่านประมุขแก๊งลงมือ ท่านมังกรดำที่โดนแค่ลูกหลงยังถึงกับบาดเจ็บสาหัสเลย และมันก็ทำให้เขาจดจำความสูงส่งของเคล็ดลับของแก๊งมังกรได้อย่างขึ้นใจ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากความผิดพลาดที่ไม่คาดคิดในครั้งนั้น ด้วยโอกาสและความบังเอิญ ท่านมังกรดำก็พบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ของแก๊งมังกรเข้าพอดี ไม่เพียงได้เข้ามาเป็นหนึ่งในระดับสูงของแก๊งมังกร แต่ยังได้ครอบครองข้อมูลที่เกี่ยวกับหลินอิ่งอีกด้วย
ในความคิดของเขา นี่มันเป็นลิขิตที่สวรรค์กำหนดให้เคล็ดลับของแก๊งมังกรต้องตกอยู่ในมือเขาแน่ๆ
หลินอิ่งจ้องมองท่านมังกรดำด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วพูดไปว่า “คุณคิดว่าเคล็ดลับของแก๊งมังกร เป็นสิ่งที่ใครก็สามารถเข้าไปสืบหาได้รึไง?”
“ต่อให้ผมยกมันให้คุณ แล้วคุณคิดว่าตัวเองจะรับมันไหวรึไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ท่านมังกรดำหัวเราะออกมาหลายครั้ง แล้วเหลือบมองไปยังหลินอิ่ง “ข้าจะรับไหวรึเปล่าอย่างนั้นเหรอ?”
“หลินอิ่ง ข้านั้นรู้เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้า ถ้าเจ้ายังคิดจะทำตัวดัดจริตอยู่ตรงนี้ ตัวเจ้าที่อยู่ในช่วงอ่อนแอนั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวข้าเลย”
“ส่งเคล็ดลับของแก๊งมังกรออกมา จะกับเจ้าหรือข้า เราต่างก็ได้ประโยชน์กันทั้งคู่”
“เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าจึงไม่มีทางให้เลือกอีก”
ท่านมังกรดำได้ใช้ความน่าเกรงขามที่ไม่อนุญาตให้ต่อต้าน พูดคำพูดเหล่านั้นออกมา
“ให้ส่งเคล็ดลับของแก๊งมังกรออกไปอย่างนั้นเหรอ?” หลินอิ่งไม่แสดงออกว่าเอาด้วยหรือไม่ ส่ายหน้าแล้วยิ้ม
เคล็ดลับของแก๊งมังกร ตอนนี้มันอยู่ในหัวของเขา
ถ้าเขาอยาก เขาก็สามารถบอกให้ท่านมังกรดำได้ทุกอย่างเลย
แต่ว่า หลินอิ่งไม่มีทางทำเรื่องที่โง่เขลาแบบนั้นแน่นอน
ศึกในครั้งนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เคล็ดลับของแก๊งมังกรก็คือไพ่ตายทีทีเด็ดของเขา
ถ้ายอมเอาออกมาง่ายๆ แบบนั้น ตัวเขาก็จะสูญเสียสิทธิ์ในการต่อรองไป แม้แต่ความปลอดภัยของฉีโม่ก็คงรับประกันไม่ได้
“หลินอิ่ง นี่เจ้ายังจะกังวลอะไรอีก?” ท่านมังกรดำถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เจ้ากลัวว่าหลังจากที่ส่งเคล็ดลับของแก๊งมังกรออกมาแล้ว ข้าจะถีบหัวส่งใช่มั้ย?”
“ข้านั้นสามารถบอกเจ้าอย่างตรงๆ เลยว่า หลังจากที่ข้าได้รับเคล็ดลับของแก๊งมังกรแล้ว ไม่เพียงจะปล่อยตัวจางฉีโม่ภรรยาของเจ้า แต่ข้ายังตั้งใจจะมอบอนาคตที่ยอดเยี่ยมให้เจ้า มอบโอกาสที่จะได้แก้แค้นอาจารย์กู้ต้าให้แก่เจ้า”
“เจ้าควรเข้าใจอะไรไว้อย่างหนึ่ง จากคนที่ไม่มีความผิด แต่พอเก็บซ่อนของกลางเอาไว้ก็จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนให้ตนขึ้นมา ด้วยสภาพของเจ้าตอนนี้ มันไม่คู่ควรที่จะครอบครองเคล็ดลับของแก๊งมังกรเลยสักนิด” ท่านมังกรดำพูดออกมาอย่างช้าๆ “การเก็บมันไว้ มีแต่จะทำให้เจ้าเดือดร้อนเปล่าๆ”
“เอาแบบนี้สิ เอามันออกมาแบ่งปันให้กับข้า ข้าไม่เพียงช่วยเจ้าแบกรับความเสี่ยงไปด้วยกัน แต่จะช่วยเจ้ากำจัดอุปสรรค แล้วขึ้นเป็นประมุขของแก๊งมังกรอีกครั้ง ต่อไปก็มาแบ่งปันใต้หล้ากับข้า แบบนี้มันดีจะตายไม่ใช่รึไง?”
ท่านมังกรดำพูดโน้มน้าว
คำพูดของเขานั้นแฝงด้วยความยุยงและล่อตาล่อใจ
ในสถานการณ์ตอนนี้ การที่หลินอิ่งเลือกร่วมมือกับเขา เป็นเพียงตัวเลือกที่ฉลาดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ หลินอิ่งยังมีทางไหนให้เลือกอีก
สู้ตายกับเขา? หลินอิ่งกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ แล้วจะมีความมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น หลินอิ่งยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของภรรยามาก แล้วจะไปยอมละทิ้งทุกอย่างได้ยังไง?
ถ้ายอมถอยแค่ก้าวเดียว ก็เท่ากับยอมถอยเป็นหมื่นก้าว
หลินอิ่งในตอนนี้ ก็ยังต้องการพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างท่านมังกรดำ ถึงจะสามารถรับมือกับการไล่ล่าของแก๊งมังกรได้
ไม่อย่างนั้น ถ้าต้องมีเรื่องกันจนแตกหักไปละก็ ไม่ต้องให้ท่านมังกรดำลงมือเองก็ได้ แค่ป่าวประกาศข้อมูลของหลินอิ่งออกไป แก๊งมังกรทั้งแก๊งก็จะเคลื่อนไหว แล้วตามล่าหลินอิ่งอย่างบ้าคลั่ง
ที่สำคัญ กองกำลังลึกลับพวกนั้นไม่มีทางปล่อยให้โอกาสที่จะได้ฝืนสวรรค์นี้หลุดไป พวกเขาต้องยกโขยงหันมาแย่งชิงเคล็ดลับของแก๊งมังกรที่อยู่กับหลินอิ่งแน่นอน
“จะให้ความร่วมมือกับคุณเหรอ?” หลินอิ่งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”
“ก่อนอื่นก็ปล่อยตัวภรรยาของผมมาก่อน ผมอยากเห็นว่าคุณจะรักษาคำพูดขนาดไหน”
ท่านมังกรดำขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “เจ้าอยากเจอหน้าภรรยาของเจ้าใช่มั้ย? มันก็ย่อมได้”
พูดจบ ท่านมังกรดำก็โบกมือใหญ่ๆ ของเขา
ทันใดนั้น หัวกะทิองครักษ์มังกรดำหลายคนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เปิดทำงานเครื่องจักรอยู่ด้านหลัง ไม่นานหน้าจอ จอหนึ่งก็ได้เลื่อนลงมาจากบนบ้าน ในนั้นได้ฉายภาพของจางฉีโม่ที่กำลังนั่งอยู่ในห้อง
ในจอนั้นสามารถมองเห็นจางฉีโม่ที่กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหาร สีหน้าปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น
“เจ้าได้เห็นภรรยาของเจ้าแล้ว ข้าไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว” ท่านมังกรดำค่อยๆ พูดออกมา “แต่ถ้าเจ้ายังดึงดันที่จะหัวรั้นอยู่อีก งั้นข้าก็ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของเธอได้อีก……”
หลินอิ่งพยายามควบคุมตัวเองให้ใจเย็นที่สุด มองดูจางฉี่โม่ที่อยู่ในจอ
ข้อมือของเขานั้นเริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย เขาแทบจะควบคุมความโกรธที่อยู่ในใจไว้ไม่ไหวแล้ว
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือ การที่มีคนมาข่มขู่เขานี่แหละ
“ว่ายังไง? หลินอิ่ง?” ท่านมังกรดำพูดออกมาอย่างช้าๆ “ข้านั้นได้ให้เวลาในการตัดสินใจกับเจ้าอย่างเพียงพอแล้วและยังเหลือที่ว่างที่มากพอให้เจ้าอีก จะยอมสงบศึกแล้วหันมาจับมือกัน หรือจะสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง สิทธิ์ในการตัดสินใจ ข้าได้มอบมันจนถึงมือเจ้าแล้ว”
หลินอิ่งเงียบไปพักใหญ่ ลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่าง ปลดปล่อยจิตสังหารที่น่ากลัวออกมา
“ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคุณมีความสามารถขนาดไหน ถึงกล้ามาถามหาเคล็ดลับของแก๊งมังกรแบบนี้”
เมื่อคำพูดที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารของหลินอิ่งจบลง
ร่างกายของเขาก็กลายเป็นลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งตรงไปที่ท่านมังกรดำ
“หึ!”
ท่านมังกรดำทำเสียงฮึดฮัดออกมาทีหนึ่ง จิตสังหารอัดแน่นอยู่ในแววตา
เขาเองก็รู้ดี ว่าแค่ปากเปล่ามันไม่มีทางโน้มน้าวหลินอิ่งได้อยู่แล้ว จำเป็นต้องให้กำลังจับกุม จึงจะทำให้หลินอิ่งยอมอยู่ในอาณัติได้
ที่สำคัญ กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเหมือนกัน!
ตูม!
ท่านมังกรดำเตะขาออกไป ร่างกายของเขาก็กลายเป็นพายุที่บ้าคลั่ง และพุ่งเข้าใส่หลินอิ่ง