“ท่านอา ไอ้เด็กหลินอิ่งนี่มันไม่สนกฎฟ้ากฎดินเลย ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือต่อหน้าของท่าน!ท่านต้องสั่งสอนมันให้หนักเลยนะ!”
“ใช่ๆ !ท่านอา เด็กนี่ดื้อรั้น ถ้าท่านไม่สั่งสอนมัน กบก้นบ่อแบบมันจะต้องนึกว่าตัวเองเก่งกาจไร้เทียมทานกว่าใครแน่ๆ !ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น!”
ชายหนุ่มทั้งสองคนหลบอยู่หลังหลินเจว๋ กุมหน้าพร้อมกับพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม
พวกเขาต่างมองหลินอิ่งด้วยสายตาชั่วร้ายสุดๆ สีหน้าทั้งโกรธทั้งอายไม่น้อย
แล้วก็ไม่คิดว่า สถานภาพเป็นถึงลูกหลานของตระกูลหลินแห่งลังยาแบบพวกเขา เคยถูกคนนอกตบหน้าซึ่งๆ หน้าแบบนี้ที่ไหน?
จะมีสักกี่คนที่มีความกล้าขนาดนี้? คนของตระกูลหลินเชียวนะ คิดจะตบก็ตบง่ายๆ เลยเหรอ?
หลินเจว๋จ้องมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าดำมืด กำมือหักนิ้วดังกร็อกแกร็ก เสื้อคลุมยาวชุดราชวงศ์ถังพลิ้วไสวแม้ไม่มีลม ดูมีรังสีที่ไม่ธรรมดา
“กล้ามาทำร้ายคนของฉันถึงที่แบบนี้ ที่ไว้ชีวิตพวกแกก็เพราะว่าฉันเห็นแก่หน้าของตระกูลหลิน”หลินอิ่งกวาดสายตามองอย่างเย็นชา”ถ้ายังหาเรื่องต่ออีกล่ะก็ พวกแกได้เละไม่เป็นท่าแน่ๆ “
เขาเป็นคนที่ไม่ชอบมีเรื่อง
โดยเฉพาะ ตอนนี้กำลังเป็นช่วงที่พลังของตัวเองกลับมาอ่อนแอ ยิ่งควรที่จะซ่อนเร้นปกปิดพลังความสามารถของตัวเองเอาไว้ด้วย
ตระกูลหลินแห่งลังยา มียอดฝีมือมากมาย
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคนตระกูลหลินสองสามคนตรงหน้านี้มาทำตัวกร่างยโสโอหัง ลงมือทำร้ายพวกหยูจื๋อเฉิงอย่างไม่สนถูกผิดล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ถูกยั่วยุง่ายๆ แบบนี้หรอก
“ตบหน้าพวกแกไปสองที ให้พวกแกได้เข้าใจคำว่า เคารพ คืออะไร”หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พูดพลาง หลินอิ่งก็ชำเลืองตามอง ไปยังหลินเจว๋อย่างเยือกเย็น พร้อมกับพูดขึ้น”คุณอยากจะลองศิลปะการต่อสู้ของผม? คุณเหมาะสมเหรอ?”
“นี่แก!”หลินเจว๋สองตาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในใจหมดความอดทนกับท่าทียโสโอหังของหลินอิ่นเต็มทนแล้ว
สำหรับเขาแล้ว จากพลังสถานภาพของหลินอิ่ง ควรจะเคารพนอบน้อม ซื่อสัตย์เชื่อฟังแต่โดยดีสิถึงจะถูก!
“ได้ๆๆ !”
หลินเจว๋โกรธถึงขีดสุด พูดคำว่าได้ออกมาสามคำติด
“ฉันอยากจะดูว่าแกจะมีความสามารถแค่ไหน ถึงขนาดที่ไม่เห็นตระกูลหลินแห่งลังยาอยู่ในสายตาขนาดนี้!”
พูดจบ หลินเจว๋ก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าว ร่างกายนั้นเคลื่อนไหวว่องไวรวดเร็วราวกับสายลมกระโชก
โครมๆๆ
จากการพุ่งตัวของหลินอิ่งที่รวดเร็ว ลมจากฝ่ามือที่รุนแรงส่งเสียงคำรามดังขึ้น พลังระเบิดออกมาอย่างรวดเร็วรุนแรง พลังฝ่ามืออันน่าสยดสยองเต็มไปด้วยความอาฆาต เล็งไปที่จุดสำคัญบนร่างกายของหลินอิ่ง
ในขณะเดียวกัน หลินอิ่งก็ตอบสนองกลับมา ร่างกายเปลี่ยนไปล่องลอยไม่คงที่ หายวับไปๆ มาๆ
ปัง!ปัง!ปัง!
ตอนนี้เอง ทั้งสองคนเข้าประชิดตัวกัน ปะทะฝ่ามือกัน เกิดเสียงระเบิดดังกระหึ่ม พื้นคอนกรีตแตกแยกออกจากกัน เสียงดังกึกก้องไม่จบไม่สิ้น สะเทือนไปทั่ว
ในสายตาของคนอื่น เห็นแค่ภาพที่สั่นๆ ของหลินอิ่งและหลินเจว๋เท่านั้น ร่างทั้งสองคนไม่สามารถจับจ้องได้ด้วยตาเนื้อ
ถึงขนาดที่ สมมติว่ามีคนธรรมดายืนอยู่ในห้องโถงต้อนรับ แก้วหูอาจจะทะลุเพราะถูกคลื่นเสียงระเบิดได้ ช็อกหมดสติไปตรงนั้นเนื่องจากพลังลมปราณที่น่าสะพรึงกลัว
การต่อสู้ของยอดฝีมือระดับนี้ คนธรรมดาแทบจะจินตนาการไม่ได้เลย มันน่ากลัวและโหดร้ายซะยิ่งกว่าฉากต่อสู้ของเทอร์มิเนเตอร์ในหนังเสียอีก
หลินเจว๋คนนั้น ก็สมแล้วที่เป็นคนโหดเหี้ยมที่มาจากตระกูลหลินแห่งลังยา พลังบูโดร้ายกาจมากๆ ไม่ใช่แค่มีศิลปะการต่อสู้ระดับโลกเท่านั้น แต่แผนการเล่ห์กลก็แยบยลลึกซึ้ง ทักษะการต่อสู้ก็ฉลาดเฉลียวยอดเยี่ยม
ฝ่ามือของเขาจู่โจมมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน ทุกหมัดล้วนแต่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถเจาะทะลุก้อนหินใหญ่ได้ รวมถึงท่วงท่าโจมตีที่ประสานเชื่อมโยงกัน หมัดต่อหมัด ม้วนกันราวกับเกลียวคลื่น เหมือนมีพลังรองรับที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ยากที่จะป้องกัน
อีกด้านหนึ่ง หลินอิ่งก็รับมือได้อย่างง่ายดาย ร่างกายที่แปลกประหลาดเข้ากันกับฝ่ามือที่เลือนรางคลุมเครือ ต่อต้านการโจมตีที่รุนแรงของหลินเจว๋ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บูม!
เสียงดังสะท้าน เศษหินลอยกระเด็น หลินเจว๋ถูกอัดลอยกระเด็นไปสิบกว่าเมตร ส่วนล่างโซซัดโซเซ มองมายังหลินอิ่งด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ส่วนหลินอิ่งไขว้มือข้างหลังยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าเงียบสงบ มองเงื่อนงำใดๆ ไม่ออกเลย
ในขณะที่ปะทะต่อสู้อย่างรวดเร็วนั้น ทั้งสองคนก็ซัดหมัดกันเป็นร้อยๆ หมัดแล้ว ถอดกระบวนท่าฝ่ามือออกมาได้สิบกว่าแบบ
เข้าใจในความเก่งกาจแตกฉานบูโดของกันและกันเป็นอย่างดี
“นี่มันเคล็ดลับศิลปะระการต่อสู้อะไร? ใครสอนแกมา?”หลินเจว๋มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าหนักอึ้ง พร้อมกับพูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
เขาคิดไม่ถึง ว่าการกระทะต่อสู้กันในครั้งแรก ไม่ได้เหนือกว่าหลินอิ่งเลยแม้แต่นิดเดียว กลับถูกอัดจนถอยออกมาด้วยซ้ำ
ถึงขนาดที่ แม้แต่เคล็ดลับศิลปะการต่อสู้ของหลินอิ่ง เขาก็ยังเข้าใจไม่แน่ชัด
นี่มันหมายความว่าอะไร?
ในเรื่องกำลังภายที่แข็งแกร่งในของหลินอิ่งไม่ต้องพูดถึง อย่างน้อยในเรื่องของความแตกฉานในวิชาการต่อสู้ ก็มากกว่าเขาไปหนึ่งระดับแล้ว
นี่มันทำให้ในใจของหลินเจว๋รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มที่อายุยี่สิบกว่าๆ แค่คนเดียว จะแตกฉานในวิชาการต่อสู้อย่างลึกซึ้งและหลักแหลมกว่าเขาที่เกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงในสันโดษ ฝึกฝนทักษะวิชาเฉพาะอย่างหนักมาเป็นเวลาสิบปีตั้งแต่เด็กๆ กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาช้านานอีกอย่างนั้นเหรอ?
หลินอิ่งชำเลืองตามองหลินเจว๋ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พร้อมกับพูดขึ้น”ผมบอกแล้ว ถ้าอยากมาลองศิลปะการต่อสู้ของผม คุณไม่เหมาะสมหรอก”
ที่เขาฝึกฝนมา ก็คือทักษะวิชาเฉพาะเทพ ความลับสุดยอดของแก๊งมังกร เป็นความลับที่ไม่แพร่กระจายสู่ภายนอก มีแค่ประมุขแก๊งมังกรในอดีตเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะรู้
เหมือนกับอาจารย์กู้ต้าคนนั้นที่อาศัยการปิดกั้นตัวเองของอาจารย์ ตอนที่ตัวเองล่าถอยปลีกตัวไป แย่งชิงอำนาจของแก๊งมังกรไป แต่ก็ยังคงไม่รู้ว่าทักษะวิชาเฉพาะของประมุขแก๊งมังกรคืออะไรอยู่ดี
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนของสันโดษระดับนี้แบบหลินเจว๋ จะมองเคล็ดลับศิลปะการต่อสู้ของเขาออกได้ยังไง?
ถ้าไม่ได้อยู่ในช่วงวัฏจักร เหมือนกับหลินเจว๋
หลินอิ่งใช้แค่มือเดียว ก็สามารถทำให้ตายคาที่ได้ภายในเวลาสิบวินาที
“หยิ่งผยองจริงๆ !แกอย่านึกว่าเรียนศิลปะการต่อสู้กับคนข้างนอกมานิดหน่อยแล้วจะมาทำอวดเบ่งโห่ร้องต่อหน้าตระกูลหลินได้นะ”หลินเจว๋พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา”หลินอิ่งแกก็แค่เหนือกว่าฉันเท่านั้น”
“ในตระกูลหลินแห่งลังยา ฉันก็เป็นแค่คนต่ำต้อยเท่านั้น ในตระกูลหลินมียอดฝีมือมากมาย แกจะสามารถรับมือได้สักกี่คนเชียว? จากพลังของแก จะกล้าท้าทายความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของตระกูลหลินไหม?”
หลินเจว๋ปากไม่ยอมแพ้ ใจก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
หลินอิ่งอายุยี่สิบกว่าปี มีพลังต่อสู้ขนาดนี้ เรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์สุดๆ แต่ด้วยเหตุนี้ก็กล้าที่จะมาดูหมิ่นตระกูลหลิน นั่นมันเรียกได้ว่ากบในกะลาชัดๆ ช่างโง่เขลาและไร้เดียงสาสิ้นดี
ตัวเขารู้ดี ว่า บางทีพลังของตัวเองอาจจะสู้หลินอิ่งไม่ได้
แต่ ยอดฝีมือภายในตระกูลหลินแห่งลังยามีมากมาย มีเสือหมอบมังกรซ่อนอยู่ไม่น้อย คนเก่งกาจไร้เทียมทานในระดับสวรรค์ก็ไม่ใช่น้อยๆ !
สำหรับเขาแล้ว ความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามของตระกูลหลิน มากพอที่จะกำราบปราบปรามหลินอิ่งลงได้ย่างแน่นอน!
“คุณยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ?”หลินอิ่งส่ายหัว ในแววตาแฝงไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
“ถ้าคุณยังจะโหวกเหวกโวยวายอีกล่ะก็ ผมฆ่าพวกคุณสามคนแน่นอน”
พอได้ฟังแบบนั้น หลินเจว๋สีหน้าก็เปลี่ยนไป รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่น่าเกรงกลัวแผ่ออกมาจากตัวของหลินอิ่ง
“ฮ่าๆๆ !”หลินเจว๋หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง”ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ !แกก็แค่ชนะฉันเพียงการต่อสู้เล็กน้อยเท่านั้น กล้ามาตะโกนว่าจะฆ่าใส่ฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“เด็กน้อย แกอย่าบ้าไปหน่อยเลย!”หลินเจว๋พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน”ที่ควรจะบอกฉันก็บอกแกไปหมดแล้ว แกนึกว่าตัวเองสามารถเป็นศัตรูของตระกูลหลินได้อย่างนั้นเหรอ? ยอมเชื่อฟังคำสั่งกลับไปที่ตระกูลหลินกับฉันแต่โดยดีเถอะ ฉันขอเตือนแกเอาไว้!”
“ถ้ายุแหย่ให้ฉันโกรธ ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งทั้งหมดของแกในโลกธรรม ภายใต้ความโกรธของตระกูลหลิน จะมลายสูญสิ้นหายไปจนหมด!”