“เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว เชิญตัวแทนจากตระกูลใหญ่ทุกท่าน มายังโต๊ะเจรจาเถอะ” สวีจิ่วหลิง พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน พร้อมกวาดสายตาข่มขู่ไปยังผู้คนที่อยู่ในงาน
“ข้อเสนอของประธานเผียว ทุกท่านก็น่าจะได้เห็นกันหมดแล้วนะครับ หากตามกระบวนการทั่วไปแล้ว ตัวแทนทุกท่านจะต้องลงมติ ส่วนคนที่ไม่มาก็ถือว่าสละสิทธิ์”
เมื่อพูดจบ กลุ่มคนหนึ่งในที่ประชุมที่คอยสนับสนุนตระกูลสวีต่างก็ลุกขึ้นยืน
“ผมจะสนับสนุนโครงการการร่วมมือบริษัทตระกูลสวีกับชีซิงกรุ๊ป อย่างเต็มที่”
“ผมเองก็สนับสนุนเช่นกันครับ ในตอนนี้มีเพียงแต่โครงการของคุณท่านสวีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะมีความคิดที่จะมอบผลประโยชน์ให้กับทุกคน ส่วนทางด้านคุณชายอิ่ง รู้ความจริงใจ แม้แต่เจ้าตัวยังไม่มาร่วมประชุมเลยด้วยซ้ำ”
“พวกเราทุกคนที่นี่ล้วนมีธุระยุ่งยากกันทั้งนั้น สำหรับหลินซื่อกรุ๊ปที่แม้แต่การประชุมสุดยอดเทียนหลงยังไม่มาเข้าร่วม แบบนี้จะหวังอะไรได้อีก?การกระทำแบบนี้ ทุกคนยังจะกล้าเดิมพันชะตาของตัวเองกับกลุ่มของพวกเขาอีกงั้นหรอครับ?”
กลุ่มคนจำนวนมากลุกขึ้นมาแสดงความเห็นว่าร้ายหลินอิ่งในรูปแบบต่างๆ นานา ทั้งยังประจบสอพลอ ตระกูลสวี
แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังคงนิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
กงซุนเฟยหงสีหน้าเคร่งขรึม เดินเข้ามานั่งยังโต๊ะเจรจาพร้อมกับผู้ติดตามอีกสอง
“เดี๋ยวครับ”
จ้าวเฉิงเฉียนส่งเสียงขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “คุณท่านสวี ทั้งห้าตัวแทนของประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิงมีสองที่นั่งที่ยังว่างอยู่ นี่คุณคิดจะร้องรำฉายเดี๋ยวคนเดียวหรือไงครับ?”
“ผมขอแนะนำทุกคนให้รอคุณชายอิ่งาถึงงานประชุมก่อนแล้วค่อยลงมติกันดีกว่าครับ”
เมื่อจ้าวเฉิงเฉียนลุกขึ้นมาพูดแบบนี้ ทำเอากลุ่มคนที่กำลังสังเกตการณ์ด้วยความลังเล ก็แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา
ปัง!
สวีจิ่วหลิงตบโต๊ะอย่างรุนแรง ท่าทีเต็มไปด้วยโอหัง ใบหน้าเดือดจัด ก่อนจะพูดด้วยความเย็นชา “หลินอิ่งคนนั้นนับเป็นอะไรกัน?จะให้ทุกคนรอเขาเพียงคนเดียว?หน้าเขาใหญ่ขนาดไหนเชียว?”
“หึ!” สวีจิ่วหลิงพ่นเสียงเย็นชาออกมา ก่อนจะพูดต่ออย่างน่าเกรงขาม “แบบนี้มันอะไรกัน คนไม่มา อย่างนั้นก็บอกได้ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่มีความสามารถ !รอเขางั้นหรอ?รีบเริ่มกระบวนการและเริ่มการลงมติซะ”
“หึ จ้าวเฉิงเฉียน นี่สมองของคุณมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย?” สวีไป๋เห้อที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มเยาะขึ้นมา “ในที่นั่งแห่งนี้ ทุกคนรวมกันมีความมั่งคั่งมากกว่าครึ่งของตี้จิงด้วยซ้ำ คุณจะให้คนที่มีชื่อเสียงเกียร์ติยศเหล่านี้ไปรอหลินอิ่งแค่คนเดียวงั้นหรอ?เขามีดีอะไรกัน?”
“ถูกแล้ว คุณจ้าว ตัวคุณเองก็เป็นหนึ่งในตัวแทนผู้บริการของประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิง ถ้าหากคุณคิดว่าโครงการของคุณท่านสวีมีปัญหากับองค์กรของคุณ คุณก็ลองเสนอโครงการของคุณออกมาให้ทุกคนได้ร่วมกันเปรียบเทียบ” เผียวจินฮุนพูดด้วยสีหน้าหยอกเย้า “ไม่ใช่การมาก่อปัญหาวุ่นวายที่นี่โดยมือเปล่าแบบนี้ นี่คุณคิดจะให้ทุกคนปฏิเสธผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างง่ายดายหรือไง?”
คำพูดประโยคนี้ดูเหมือนจะแทงใจดำอย่างมาก
สำหรับโครงการใหญ่ของประชุมสุดยอดเทียนหลงนี้มีเพียงแค่ตระกูลสวีฝ่ายเดียวที่มีการเสนอออกมา ล้วนเป็นเรื่องเงินเรื่องทอง ทั้งยังมีการลงนามมาก่อนแล้วด้วย
ส่วนหลินอิ่งกลับไม่มาที่งาน แถมยังไม่มีคนอื่นที่ได้เตรียมโครงการที่เกี่ยวข้องมาด้วยเลย……
แบบนี้นอกจากตระกูลสวี ยังจะสามารถเลือกใครได้อีก?และยิ่งโดยเฉพาะข้อเสนอของ ตระกูลสวียังมีความน่าสนใจมากด้วย
“คุณ!”
สีหน้าของจ้าวเฉิงเฉียนขรึมลง ในใจรู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้หากพึ่งเพียงแค่อำนาจของเขาคนเดียว ไม่มีทางยับยั้งตาแก่สวีจิ่วหลิงและเผียวจินฮุนแน่นอน
และสำหรับเรื่องผลกำไรก้อนโตนี้ของเมืองเทียนหลง การจะใช้อำนาจอย่างเดียวไม่สามารถสะกดผู้คนได้ จะต้องหยิบเอาบางอย่างที่เป็นความจริงออกมา
แต่เขาจะไปหาโครงการที่น่าเชื่อถือและมีความระดับเทียบเท่ากับของตระกูลสวีในเวลากระชั้นชิดแบบนี้ได้จากไหน อีกอย่างเขาก็ไม่กล้าที่จะเป็นคนตัดสินใจแทนหลินอิ่ง และละทิ้งคำสัญญา…….
ครั้งนี้ พบกับอุปสรรคที่ยากจะหยุดกั้นแล้วสิ
“เอาเถอะ จ้าวเฉิงเฉียน คุณอายุยังน้อย ยังไม่รู้เรื่องอะไรควรไม่ควรก็ไม่เป็นไร ผมคร้านที่จะมาเอาเรื่องกับเด็กอย่างคุณ พวกคุณคระกูลจ้าวจะสนับสนุนหรือไม่ก็ตามใจเลย ยังไงซะ เมืองเทียนหลงแห่งนี้ ต่อให้ใครจะจากไปมันก็ยังคงต้องก้าวหน้าต่อไป !” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างเฉียบขาด
“และเช่นเดียวกัน ผมก็อยากจะบอกกับทุกคนด้วย” สวีจิ่วหลิงค่อยๆ ลุกขึ้น พูดด้วยใบหน้าที่ผ่าเผย “พวกคุณอยากสนับสนุนก็สนับสนุน ไม่สนับสนุนก็งดออกความเห็น เพราะไม่มีโครงการอื่น หากไม่ข้อโต้แย้งใดๆ อย่างนั้นก็ทำตามกระบวนการของประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิง สรุปมติการลงความเห็น ต่อจากนี้จะเป็นหน้าที่ของพวกเราตระกูลสวีในการวางแผนตัดสินใจธุรกิจต่างๆ ทั้งหมดในเมืองเทียนหลง”
เมื่อพูดจบ สวีจิ่วหลิงกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเฉยเมย
“ยังมีใครคัดค้านอีกหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดทรงอำนาจนั้นของ สวีจิ่วหลิง เหล่าคนที่เดิมทีหวังจะเลือกฝั่งหลินอิ่ง ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
ส่วนตระกูลซือหม่า รวมทั้งเหล่ากลุ่มเศรษฐีตระกูลเล็กๆ ที่คอยสนับสนุน ตระกูลสวีต่างก็แสดงสีหน้ายินดีออกมา
ในขณะที่ทุกอย่างกำลังฮือฮา
เวลานั้นเองตรงบริเวณทางเข้างานประชุม ก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา พร้อมกับกลุ่มนักธุรกิจอีกกลุ่ม
นิ่งซวนกับหยูจื๋อเฉิงรีบเดินเข้ามา
“ทุกคน โปรดรอสักครู่ โปรดอ่านข้อเสนอของหลินซื่อกรุ๊ปก่อน ขอให้ทุกท่านโปรดดูก่อนค่อยตัดสินใจดีกว่าครับ”
นิ่งซวนวิ่งขึ้นไปยังโต๊ะเจรจา ใบหน้าหันเข้าหาทุกคน พูดขึ้นด้วยใบหน้าสุขุม
“ส่งให้ทุกคนดูหน่อยครับ” นิ่งซวนผายมือไปยังกลุ่มนักธุรกิจ พร้อมกล่าวอย่างเชื่องช้า “ต้องขออภัยด้วยนะครับ ทุกท่าน พอดีว่าระหว่างทางเจอกับเรื่องไม่คาดคิด ทาง คุณชายอิ่งมีเรื่องที่ต้องจัดการ รออีกสักครู่จะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองครับ”
“ฮือ?”
ด้วยการมาถึงของนิ่งซวน สวีจิ่วหลิงถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
นิ่งซวนนำเอาทีมงานกลุ่มหนึ่งมาด้วย จึงมีการดำเนินการแจกจ่ายเอกสารข้อเสนอให้กับทุกคนได้อย่างรวดเร็ว
“ทุกท่าน โปรดดูให้ละเอียด นี่คือข้อเสนอของคุณชายอิ่งที่ให้ผมจัดเตรียมมาให้ทุกท่าน ผมขอแนะนำทุกท่านในช่วงเวลาที่คุณชายอิ่งยังมาไม่ถึง โปรดให้วิจารณญาณในการเลือกด้วย อย่าได้เลือกผิดฝ่ายเด็ดขาด” นิ่งซวนพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง จากนั้นจึงถอนหายใจออกแล้วนั่งลงบนเก้าโต๊ะเจรจา
บรรยากาศกลายเป็นความกระอักกระอ่วนทันที การแสดงออกของผู้คนในงานประชุมก็ซับซ้อนมากขึ้น
ส่วนบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
“คุณหยู ทางฝั่งหลินอิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอคะ?”
ขณะนั้นเอง จ้าวหลินเอ๋อร์เข้าไปหา หยูจื๋อเฉิง พร้อมถามด้วยความเป็นห่วง
“คือว่า……” หยูจื๋อเฉิงแสดงสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปยังจ้าวหลินเอ๋อร์ ก่อนจะเหลียวมองไปยังจ้าวเฉิงเฉียน แล้วตอบด้วยเสียงนิ่งสงบ “ท่านอิ่งถูกลอบโจมตีระหว่างทางน่ะครับ มีกลุ่มคนต้าเหอมาขวางเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาเลยให้พวกเรารีบมาควบคุมสถานการณ์ในการประชุมไว้ก่อน ส่วนเขาจะตามมาทีหลังครับ”
“คนต้าเหอ?” สายตาของจ้าวเฉิงเฉียนเกิดความประหลาดใจขึ้นมา ก่อนที่จะเข้าใจอะไรบางอย่าง ในใจเขารู้เลยว่านี่เป็นผลหลังจากการฆ่ากงจิ่วคราวก่อน คนของสำนักยุทธ์เชียนจึงตามมาเอาคืนแบบนี้
ไม่อย่างนั้นมีหรือที่ยอดฝีมือมั่วไปจะสามารถยับยั้งหลินอิ่งเอาไว้ได้
“คุณหยู ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นพวกเราก็ทำตามที่วิธีการของคุณชายอิ่ง ช่วยเขาควบคุมงานประชุมเอาไว้”
จ้าวเฉิงเฉียนตั้งหน้าตรง พาจ้าวหลินเอ๋อร์และหยูจื๋อเฉิงตรงไปยังโต๊ะเจรจา
ในขณะที่ทางฝั่งโต๊ะเจรจา นิ่งซวนและสวีไป๋เห้อก็กำลังโต้เถียงกันจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ซึ่งทั้งสองต่างพ่นคำพูดรุนแรงใส่กัน
“นิ่งซวน คุณอย่ามาทำตัวไม่รู้จักดีชั่ว มาจนถึงขนาดนี้แล้วคุณยังกล้ามาขัดคอพวกเรา ตระกูลสวีอีกงั้นหรอ?คุณคิดว่าหลินอิ่งจะปกป้องคุณได้หรือไง?” สวีไป๋เห้อพูดด่าทอด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์
ทั้งที่ดูเหมือนว่าจะทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว แต่กลับปล่อยให้ นิ่งซวนมาขขัดขวางสถานการณ์งั้นหรอ?
ทางฝั่งมุซาชิ จูโตะเกิดเรื่องไม่คาดคิดถึงได้ปล่อยให้ปลาลอดออกจากตาข่ายมาได้งั้นหรอ?
แต่ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งก่อนหน้านี้ นิ่งซวนเดินทางมาพร้อมรถคันเดียวกันกับหลินอิ่งถึงจะถูกสิ
“สวีไป๋เห้อ คุณอย่าคิดว่าแผนการสกปรกแบบนั้นของพวกคุณจะบรรลุผลสำเร็จ” นิ่งซวนโต้กลับด้วยเสียงทุ้ม แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ถ้าหากไม่ใช่เพราะถ้าเขาหลบหนีระเบิดพร้อมกับหลินอิ่ง เขาก็คงจะถูกคนบ้าคลั่งไร้สติอย่างพวกของสวีไป๋เห้อ ระเบิดตายคาที่ไปแล้ว!
“กำเริบ!”
ปัง!
สวีจิ่วหลิงตบโต๊ะพลางถลึงตามอง นิ่งซวนด้วยความเดือด
“คุณมีคุณสมบัติอะไรมานั่งบนโต๊ะเจรจา?มีสถานะอะไรกันถึงได้กล้ามานั่งเทียบเท่ากับผมบนโต๊ะเจรจาแบบนี้?”