จากรถนั้น คนชราหน้าเหลี่ยมคนหนึ่ง ใบหน้าสุขุม ไม่โกรธก็ดูน่าเกรงขาม ท่าทางอายุห้าสิบกว่า
ชายชราในชุดสูทแบบเก่า ข้างกายมีเลขาและผู้ติดตามคนหนึ่ง ค่อยๆเดินเข้ามา
“ผู้อำนวยการอู่ ท่านมาแล้วเหรอ”
สวีไป๋เห้อสีหน้าดีใจ รีบทักทายขึ้นมา
ผู้อำนวยการอู่พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้แสดงอะไรมากมาย
“ผู้นำ”
“ผู้นำ”
พวกหัวหน้าถางหลายคน ล้วนทักทายอย่างเรียบร้อย เก็บความโอหัง ติดตามอยู่ข้างหลังของผู้นำท่านนี้
“ผู้อำนวยการอู่ ยินดีต้อนรับ……ฮาฮาฮา”ซือหม่าเชี่ยวหัวเราะแห้งๆ เดินเข้าไปจับมือ
ตอนที่จับมือ เขายังมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าได้ใจ
ผู้อำนวยการอู่คนนี้ที่ควบคุมโครงการเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงโดยตรง นั่นมันเพื่อนเก่าของเขา
ตอนแรกเขาก็ฝืนเอาหน้าแก่ๆใบนี้ บวกกับนายท่านสวีตระกูลสวีออกหน้าด้วยตัวเอง ถึงทำให้ผู้อำนวยการอู่คนนี้พยักหน้าได้ ยอมรับวิธีการของพวกหัวหน้าถาง
มิเช่นนั้น ลำพังฐานะของพวกหัวหน้าถาง ยังไม่กล้าบังคับหาเรื่องหลินอิ่ง
“ผู้นำ ผมมาภูเขาฉางชิง ทำตามระเบียบของกระทรวง มาตรวจสอบสถานการณ์ความคืบหน้าของภูเขาฉางชิง”หัวหน้าถางพูดอยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง “ผมได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เพราะฉะนั้น จึงเรียกร้องให้นิ่งซื่อกรุ๊ปหยุดการก่อสร้าง รอผลการตรวจสอบออกมาค่อยว่ากัน”
“แต่ว่า หลินอิ่งคนนี้ คุณหลิน เจ้านายใหญ่ที่สุดของฝ่ายก่อสร้าง กลับไม่สนใจกฎระเบียบ ไม่ฟังคำห้ามปราม ยืนยันจะก่อสร้าง ยังไล่พวกเราออกไปยังป่าเถื่อน บอกว่าที่ดินที่เขาประมูลมา ห้ามคนอื่นก่อกวน”
“ผู้นำ ท่านว่า……”หัวหน้าถางพูดอย่างช้าๆอยู่ด้านข้าง เล่าสถานการณ์
ผู้อำนวยการอู่สีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แค่พยักหน้าเล็กน้อย
“ร้องเรียน? ใครเป็นคนร้องเรียน?”ผู้อำนวยการอู่ถาม
หัวหน้าถางอึ้งไปครู่หนึ่ง พูดว่า “ผู้นำ คือผู้อาศัยเดิมร้องเรียน เรื่องนี้ทางด้านกรมพาณิชย์เข้ามายุ่งเกี่ยวแล้ว รายงานคดีแล้ว ไม่เช่นนั้น พวกเราก็ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของบริษัทเอกชนอย่างเรื่อยเปื่อย”
“แล้วก็ผู้นำ เมื่อครู่หลินอิ่งทำร้ายคนกลางฝูงชน ทำร้ายหนุ่มคนหนึ่งของตระกูลซือหม่าจนสาหัส เพราะฉะนั้นผมแจ้งความแล้ว เรื่องนี้ก็เชิญสำนักงานเมืองจัดการ”หัวหน้าถางพูดจริงจัง “ตระกูลซือหม่าทั้งตระกูลก็ดูอยู่ที่นี่”
พูดถึงตรงนี้ ซือหม่าเชี่ยวก็รีบพูดขึ้นมา พูดว่า “ผู้อำนวยการอู่ผมต้องขอระบายกับท่านหน่อย ภูเขาฉางชิงนี้เป็นวัดบรรพบุรุษของตระกูลซือหม่าเรา หลินอิ่งคนนี้ไม่มีระเบียบเลยแม้แต่น้อย จะขุดภูเขาให้ได้ พวกเราไม่ให้ขุด เขาก็ทำร้ายคน”
“หลานของผมคนนั้น ถูกเขาทำร้ายจนลุกไม่ขึ้นแล้ว นี่มันถือว่าบาดเจ็บสาหัสแล้ว”ซือหม่าเชี่ยวพูด “ท่านเป็นผู้นำหัวหน้าของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ท่านตัดสินให้ความยุติธรรมด้วย”
ผู้อำนวยการอู่สีหน้าปกติ พยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “สถานการณ์พวกนี้ ผมเข้าใจแล้ว”
พูดจบ ผู้อำนวยการอู่ไม่ได้สนใจพวกซือหม่าเชี่ยว ใบหน้าอันน่าเกรงขามนั้นก็มีรอยยิ้ม เดินไปหาหลินอิ่ง
“คุณหลิน สวัสดี”ผู้อำนวยการอู่ยื่นมือไปจับมือก่อน
“สวัสดี”หลินอิ่งก็ยื่นมือไป
ทั้งสองคนจับมือนี้
ทันใดนั้น ทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดใจอย่างสุดขีด
ผู้อำนวยการอู่ผู้นำสูงสุดของกระทรวงทั้งคน ทำไมถึงยื่นมือไปจับมือกับหลินอิ่งด้วยตัวเอง
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ถึงหลินอิ่งจะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่ถึงขั้นที่จะให้ผู้นำระดับนี้ลดตัวลงไปมั้ง?
ซือหม่าเชี่ยวและสวีไป๋เห้อ สีหน้าเปลี่ยนไปยิ่งตกใจ
ตอนแรก ผู้อำนวยการอู่ได้คุยเป็นการส่วนตัวกับนายท่านของพวกเขาสองตระกูล ทักทายกันแล้ว
รับปากไว้แล้ว ในเรื่องนี้ เขาจะไม่ออกหน้ายุ่งเกี่ยว ให้หัวหน้าถางจัดการเอง ขอแค่อย่าทำเกินไปก็พอ ทำตามขั้นตอนปกติทุกอย่าง
แต่ตอนนี้ กลับริเริ่มทำดีกับหลินอิ่งก่อน?
“คุณหลิน ที่นี่คุยกันไม่สะดวก หรือไม่ไปคุยกันที่รถผม?”ผู้อำนวยการอู่พูดอย่างจริงจัง
“ไม่มีอะไรต้องคุย”หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ มองผู้อำนวยการอู่ด้วยสายคมลึก
“จำเป็นบทเรียนห้ามมีครั้งต่อไป”
ผู้อำนวยการอู่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หลังจากได้ยินคำพูดของหลินอิ่ง สีหน้าตึงเครียดทันที
หน้าผากของเขาก็เหงื่อไหลลงมา
ความหมายในคำพูดของหลินอิ่ง สร้างความกดดันอันใหญ่หลวงในใจเขา
ตอนแรก เขาก็พูดกับนายท่านตระกูลสวีแล้ว ช่วยเปิดทางให้หน่อย ตัวเขาเองไม่คิดออกตัวในเรื่องนี้ ให้ลูกน้องหัวหน้าถางมาถกเถียงที่ภูเขาฉางชิง
ในใจเขา อำนาจของหลินอิ่งและนายท่านสวีจิ่วหลิงเทียบกันแล้ว อาจจะห่างกันอีกนิด
คิดว่า ก็แค่เรื่องเล็กแค่นี้ คงไม่ได้ล่วงเกินอะไรมากมายต่อหลินอิ่ง
อย่างไรเสียหลินอิ่งจะมีอำนาจ ทรัพย์สินแค่ไหน คงไม่ถึงขั้นข่มขู่เขาได้
แต่ว่า ในวันนี้ ท่านหลุยกงแห่งตี้จิงโทรศัพท์ฉุกเฉินมา ทำให้เขาตื่นตระหนก รีบมาที่ภูเขาฉางชิง อยากหาหลินอิ่งพูดต่อหน้าให้ชัดเจน
สิ่งที่ท่านหลุยกงพูด ฐานะของหลินอิ่ง นั่นมันบันทึกไว้ในกองทหารประเทศหลุง……
พูดถึงระดับ ไม่ได้ต่ำกว่าท่านหลุยกงแห่งตี้จิง……
ตอนนี้ ก็ทำให้ผู้อำนวยการอู่สภาพจิตใจตกใจกลัว
นี่มันไม่ใช่เรื่องล่วงเกินหรือไม่ล่วงเกินหลินอิ่งแล้ว แต่เป็นปัญหาที่เขาก่อเรื่องขึ้นเอง
หากทำได้ไม่ดี ก็จะทำผิดอย่างหายนะแน่
“คุณหลิน ผมเข้าใจ เรื่องวุ่นวายแบบนี้ จะไม่มีครั้งต่อไปแน่นอน”ผู้อำนวยการอู่พูดอย่างหนักแน่น หันตัวกลับไป
“พวกคุณรีบเอาคนออกไปเดี๋ยวนี้ เรื่องร้องเรียน เป็นแค่เหตุสุดวิสัย โครงการเมืองเทียนหลง เกี่ยวข้องกับแผนการพัฒนาของเมืองตี้จิงแห่งนี้ พวกคุณอย่ามารบกวนการก่อสร้างตามปกติของบริษัทเหล่านี้”
ผู้อำนวยการอู่สีหน้าเคร่งขรึม พูดอย่างจริงจังต่อพวกซือหม่าเชี่ยว
“ผู้นำ นี่…….”หัวหน้าถางถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“ผู้อำนวยการอู่ นี่มันสถานการณ์อะไร? สถานการณ์นี้ ท่านไม่ควบคุมเหตุการณ์ไม่ได้นะ”สวีไป๋เห้อก็พูดอย่างประหลาดใจ
พวกเขาฟังไม่ชัดเจนเลย ผู้อำนวยการอู่พูดอะไรกับหลินอิ่งไปบ้าง
ได้ยินแค่หลินอิ่งพูดไปคำเดียวว่า จำเป็นบทเรียนห้ามมีครั้งต่อไป
ตอนแรกคิดว่าผู้อำนวยการอู่จะโมโหร้าย ปรากฏว่าหลับกลั้นอารมณ์ไว้ ยังช่วยหลินอิ่งพูดอีก?
นี่มันเรื่องอะไรกัน? หลินอิ่งถึงข่มผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ถึงขนาดนี้?
“ไม่ต้องพูดแล้ว พวกคุณดำเนินการตรวจสอบตามปกติก็พอ”ผู้อำนวยการอู่พูดเสียงเคร่งขรึม “พวกคุณทำตามขั้นตาม ตรวจสอบสถานการณ์โครงการภูเขาฉางชิงต่อ ถ้าไม่มีปัญหาใหญ่โต ห้ามรบกวนการดำเนินงานปกติของบริษัทเอกชน”
“พบปัญหาใหญ่โต ก็มารายงานให้ผม ทำตามหน้าที่”
“แต่ว่า……”สวีไป๋เห้อพูดอย่างไม่พอใจ “ผู้นำ นี่มันมีคนร้องเรียนบริษัทของหลินอิ่งแล้ว บอกว่าพวกเขาจับตัวอย่างผิดกฎหมาย ข่มขู่ข่มเหงไปรับซื้อที่ดิน สถานการณ์แบบนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหาหนักอีกหรือ?”
“ปัญหานี้ ทางกรมพาณิชย์ได้รับผลสรุปมาแล้ว จดหมายราชการที่ผมได้รับ นั่นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด ผู้อาศัยเหล่านั้น จำคนผิด”ผู้อำนวยการอู่พูดอย่างจริงจัง
“ส่วนพิธีการของคุณหลิน ถูกต้องทุกอย่าง พวกคุณไม่มีเหตุผลมารบกวนการก่อสร้างของพวกเขา ถ้าหากยังขัดขวางการก่อสร้างโดยปกติ พวกคุณก็ละเมิดฝ่าฝืนกฎหมาย”