“เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา ส่ายหน้า
คำพูดและทัศนคติของจ้าวหลันเอ๋อร์ชัดเจนมาก เธอดูถูกเขา
“ผมไปมาหาสู่กับกงซุนชิวอวี่ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณ?” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “แล้วคุณเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน?”
อาจจะเป็นนิสัยของคนแบบเดียวกับจ้าวหลันเอ๋อร์ ชอบทำตัวหยิ่งยโสสูงส่งกว่าคนอื่น มองข้ามคนอื่น
แต่ไม่รู้ว่า ถูกบดบังสายตาไปตั้งนานแล้ว
ได้ยินแล้ว ข้าวหลันเอ๋อร์ยักคิ้ว มองหลินอิ่งอย่างเย็นชา
เธอไม่เข้าใจ “คุณหลิน” ที่อายุน้อยคนนี้ คนที่เกาะเพื่อนของเธอกงซุนชิวอวี่กินคนหนึ่ง แมงดาที่ไม่มีแม้แต่บัตรเชิญ เอาความมั่นใจจากไหนมาถามเธอ?
แมงดาแบบนี้ เธออยู่ในแวดวงสังคมตี้จิงเจอมาเยอะแล้ว
เวลาแบบนี้ นายแซ่หลินคนนี้ควรที่จะขอโทษอย่างถ่อมตัว
“ฉันรู้สึกว่าผู้ชายอย่างคุณนี่มันไร้ยารักษาแล้ว ทำให้คนรู้สึกขยะแขยง” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างยโสโอหัง “พึ่งผู้หญิงอยู่ในสังคมแบบนี้ ทำไมคุณถึงยังมั่นใจได้ขนาดนี้? แมงดาฐานะอย่างคุณแบบนี้ ถ้าหากไม่ใช่ชิวอวี่ คุณไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะพูดกับฉัน”
“เห็นแก่หน้าชิวอวี่ ฉันก็ขี้เกียจถือสาคนอย่างคุณ” จ้าวหลันเอ๋อร์ใช้น้ำเสียงสั่งสอนพูด “คนที่คุณทำร้ายเขาวันนี้ เป็นถึงคุณชายตระกูลสวุ่ คุณคิดดูนะ ถ้าไม่ใช่เพราะชิวอวี่คุ้มหัวคุณไว้ คุณจะมีจุดจบแย่ขนาดไหน?”
“พฤติกรรมวันนี้ของคุณก็คือสร้างปัญหาให้ชิวอวี่ ทำให้เธอขายหน้า เพราะฉะนั้น ฉันไม่หวังว่าต่อจากนี้ยังเห็นคุณอยู่ข้างชิวอวี่อีก”
หลินอิ่งจีบไวน์คำหนึ่ง เขย่าแก้วไปมาช้าๆ มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
เขาเข้าใจแล้ว จ้าวหลันเอ๋อร์คนนี้รู้สึกว่าเขาทำให้เธอขายหน้า
เธอกับสวุ่หมิงยังไงก็พอมีความสัมพันธ์กัน คิดว่าเขามาทำให้เธอเสียหน้า?
“ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ” หลินอิ่งมองจ้าวหลันเอ๋อร์ พูดอย่างใจเย็น “แต่มีอยู่ประโยคหนึ่งคุณพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าชิวอวี่ คุณไม่มีสิทธิ์ได้พูดกับผม”
“เหอะเหอะเหอะ” จ้าวหลินเอ๋อร์หัวเราะอย่างเย็นชา ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟังคำพูดของหลินอิ่งอย่างตั้งใจ ท่าทางหลงตัวเอง
“ฉันพูดมาเยอะขนาดนี้ เพื่อจะเตือนคุณ อย่าให้ถึงเวลาเกิดปัญหาขึ้น คุณจะเสียใจที่ได้ได้ฟังคำห้ามปรามของฉัน” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดและหัวเราะเย็นชา “ในเมื่อคุณก็รู้ว่าตัวเองอาศัยความสัมพันธ์ของชิวอวี่ ทางที่ดีก็ดูฐานะของตัวเองหน่อย ในดินแดนตี้จิงแห่งนี้ ไม่ใช่สถานที่คุณจะมาโอหังได้”
หลินอิ่งยิ้มแต่ไม่พูด ไม่ได้สนใจเธออีก ดื่มไวน์แดงในแก้วจนหมด
“หลันหลัน พวกเธอคุยอะไรกันอยู่?”
เวลาเดียวกัน กงซุนชิวอวี่ยกแก้วค็อกเทลเดินมา ของหวานหลายอย่างที่ดูประณีต พาฉู่ฉู่เดินมาพร้อมกัน
เธอมองหลินอิ่งและจ้าวหลันเอ๋อร์ด้วยสายตาค่อนข้างสงสัย
“ไม่ได้คุยอะไร” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เพียงแค่เห็นว่าคุณหลินไม่ค่อยเคยชินกับสถานที่แบบนี้ ก็เลยแนะนำให้เขา”
“ออ ออ” กงซุนชิวอวี่พูด “นี่คือค็อกเทลหลายแบบที่บาร์เทนเดอร์ชื่อดังจากฝรั่งเศสทำ ทุกคนมาชิมดู”
พูดไป กงซุนชิวอวี่ก็วางถาดลง ยกแก้วหนึ่งขึ้นมาค่อยๆลิ้มรส
หลินอิ่งก็ยกเหล้าขึ้นมาชิมอย่างเรียบเฉย
“ชิวอวี่ ได้ยินว่า ครั้งนี้เธอมาตี้จิง เพราะเป็นตัวแทนของตระกูลกงซุนมาจัดการธุรกิจในเมืองเทียนหลงเหรอ?” จ้าวหลันเอ๋อร์เปิดปากถาม
“ใช่” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างดีใจ รู้สึกภูมิใจมาก
เพราะว่า ในคนรุ่นสามของตระกูลผู้ดีในตี้จิง สามารถดูแลธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ได้ นั่นก็พอเพียงที่จะภูมิใจได้
ต้องรู้ว่า ผู้มีอำนาจรุ่นที่สองมากมาย ยังไม่ได้รับสิทธิ์สูงขนาดนี้
“ต้องขอแสดงความยินดีด้วย ชิวอวี่ ครั้งนี้เธอก็ถือว่ามีผลงานในแวดวงแล้ว ได้รับความเชื่อถือจากตระกูลขนาดนี้ มา ชิวอวี่ ฉันดื่มให้เธอ” จ้าวหลันเอ๋อร์สีหน้ายิ้มแย้ม พูดจาชื่นชม
“หลันหลันเธอเกรงใจเกินไปแล้ว ฉันสามารถได้อำนาจในธุรกิจเมืองเทียนหลงของตระกูลได้ นั่นมันมีสาเหตุ” กงซุนชิวอวี่พูดอย่างถ่อมตัว ดื่มเหล้ากลับไปหนึ่งแก้ว
“ชิวอวี่เธอถ่อมตัวเกินไปแล้ว” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างยิ้มแย้ม “ชิวอวี่ เธอมีสิทธิ์ในการพูดที่เมืองเทียนหลงขนาดนี้ ฉันก็ต้องอาศัยบารมีของเธอ”
“เธอก็รู้ ตระกูลจ้าวของเราก็ให้ความสนใจในเมืองเทียนหลง ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถพูดอะไรได้ในด้านนี้ แต่ว่าตั้งใจจะเอาตลาดของสะสมในเมืองเทียนหลง ตลาดวัตถุโบราณ เธอก็รู้ บริษัทการประมูลในชื่อของฉันกำลังทำการขยายโครงสร้าง เพราะฉะนั้น อยากถามหนทางกับเธอหน่อย” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างเปิดเผย
“อันนี้……” กงซุนชิวอวี่ขมวดคิ้ว หันไปมองหลินอิ่ง ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเอง
ก่อนหน้านี้เธอพูดกับพี่ชายเรียบร้อยแล้ว รายงานกับนายท่านตระกูลเรียบร้อยแล้ว ได้รับคำตอบเรียบร้อยแล้ว อำนาจการตัดสินในเมืองเทียนหลงของตระกูลกงซุน ยกให้อยู่ในมือของหลินอิ่ง
เห็นได้ชัดว่าจ้าวหลันเอ๋อร์อย่างหาหนทางในเมืองเทียนหลง ตลาดวัตถุโบราณขนาดใหญ่ ธุรกิจนี้บอกใหญ่ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก
ถ้าเป็นเวลาปกติ จากความสัมพันธ์ของกงซุนชิวอวี่และจ้าวหลันเอ๋อร์ ไม่ต้องลังเลก็พยักหน้าตกลงได้แล้ว
แต่เพราะว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องของพี่ชาย เธอไม่กล้าล้ำเส้น
“ไม่ใช่มั้ง ชิวอวี่ เรื่องเล็กแค่นี้ยังต้องลังเลอีก” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างไม่พอใจ “หรือว่าเธอยังไม่เชื่อมั่นในทรัพย์สินและความสามารถของฉันเหรอ? ขอแค่เธอปล่อยที่ดินในเมืองเทียนหลงออกมาแปลงหนึ่ง ให้ฉันบริหารตลาดการค้าสายหนึ่ง ทุกคนต่างก็ได้ผลกำไร”
“หรือว่า ชิวอวี่ เธอได้อำนาจแล้ว ก็…….” จ้าวหลันเอ๋อร์บ่นไป ทำท่าทางน่าสงสาร
“หลันหลัน เธอคิดอะไรของเธอ? ธุรกิจแค่นี้ ฉันจะไปตั้งใจขวางเธอเหรอ? เป็นเพราะมีสาเหตุ ฉันก็ไม่สะดวกที่จะบอกเธอตอนนี้” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ก็ได้ ก็ได้ ฉันล้อเล่น ชิวอวี่ ฉันรู้ว่าเธอดีกับฉันอยู่แล้ว” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างยิ้มแย้ม “เอาอย่างนี้ ชิวอวี่ วันนี้ฉันให้เธอมา ก็อยากช่วยเหลือเธอหน่อย ช่วยเธอปูหนทางในเมืองเทียนหลง”
“งานการกุศลในคืนนี้ จัดโดยตระกูลจ้าวของเรา ตอนแรกตัวแทนของผู้อาศัยในเมืองเทียนหลง แล้วก็ตัวแทนร้านค้า ตัวแทนผู้พัฒนาการค้า แล้วก็นักลงทุนทั้งหลายต่างมาในงาน” จ้าวหลันเอ๋อร์ให้คำแนะนำ พูดอย่างช้าๆ “เธอออกเงินจัดตั้งมูลนิธิ เอามาสร้างอุปกรณ์สาธารณะในเมืองเทียนหลง ให้สวัสดิการสาธารณะที่ดีขึ้นสำหรับนักลงทุนและผู้อยู่อาศัย ถ้าอย่างนั้น ไม่เพียงแค่ชื่อเสียงดีขึ้น ยังจะได้สิทธิ์ในการพัฒนาเมืองเทียนหลงได้ง่ายขึ้น”
“ออ?” กงซุนชิวอวี่สายตาเต็มไปด้วยความสนใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย เรื่องดีแบบนี้ หลันหลัน ฉันต้องขอบคุณเธอด้วย”
“ไม่ต้องเกรงใจ” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างยิ้มแย้ม “ถ้าอย่างนั้น ชิวอวี่ พวกเราไปกันเถอะ งานประมูลการกุศลจะเริ่มขึ้นแล้ว”