“นี่ นี่มัน พ่อ พ่อสงบสติอารมณ์ก่อน ผมส่งข่าวให้คุณกงจิ่วแล้ว เขาน่าจะมาหาพ่อที่ตระกูลสวีโดยเร็วที่สุด” สวีไป๋เห้อพูดด้วยสีหน้าไม่ดี
“เห้อ” สวีจิ่วหลิงทำเสียงเย็นชา สายตาโมโห “ไม่รู้ว่าทำงานกันยังไง ก่อนหน้านี้ฉันก็ปล่อยคำพูดออกไปแล้ว ปรากฏว่า ฉีเวิ่นติ่งไม่แค่ไม่ตาย ยังแข็งแรงอย่างดี แผนการที่เจาะลงหลานตระกูลฉีทั้งหมด พังทลายหมดแล้ว”
“อันนี้ พ่อ บางทีในนี้อาจจะมีข้อผิดพลาดอะไรก็ได้ ความสามารถของคุณกงจิ่วอยู่ตรงนี้ ไม่มีทางมีอะไรผิดพลาดแน่” สวีถันโจวพูด
“เห้อ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่? แม้แต่เขตหัวหยางก็ถูกลูกน้องของหลินอิ่งพังทลายยกครัวแล้ว” สวีจิ่วหลิงพูดด้วยความโมโห “แม้แต่ถังฮุยลูกน้องคนนั้นของหลินอิ่งก็ถูกคนช่วยไปแล้ว? พวกแกแต่ละคนมันหนอนข้าวสารทั้งนั้น? อุตส่าห์ได้ธุรกิจเขตหัวหยางมาอย่างยากเย็น ปรากฏวันเดียวก็รักษาไว้ไม่ได้?”
“ยังจะคาดหวังพวกแก ฆ่าล้างตระกูลฉี?” สวีจิ่วหลิงใช้ไม้เท้าหัวมังกรกระทืบพื้นหลายครั้ง โมโหจนหนวดเคราถูกลมโทสะเป่าสะบัดปลิวชี้ชัน
“อันนี้……”
เวลานี้ ของทุกคนในตระกูลสวีสีหน้าแดงก่ำ เวลาเดียวกันก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว
การโต้กลับของหลินอิ่งรุนแรงรวดเร็วเกินไป ยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ
แค่ชั่วค่ำคืน ลูกน้องในมือ ก็กวาดล้างเขตหัวหยางอย่างราบคาบ แม้แต่เหยียนหลง ที่มีลูกน้องฝีมือดีที่ติดตามถูกจัดการอย่างราบคาบไม่ว่า แม้แต่ตัวเองยังไม่รอด ถูกหักแขนหักขาคุกเข่าขายหน้ากลางถนน
แม้แต่ชื่อเสียงตระกูลสวีก็ต้องถูกเหยียบย่ำด้วย
สวีไป๋เห้อและสวีถันโจว หลายคนที่จัดการเรื่องนี้ สีหน้าเย็นชาจนถึงขีดสุด
พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ หลินอิ่งไปเอายอดฝีมือกลุ่มนี้มาจากไปไหน ภายในคืนเดียวก็กวาดล้างทหารลับที่ตระกูลสวีจัดไว้ในเขตหัวหยาง
อีกอย่าง ฉีเวิ่นติ่งฟื้นมาได้ยังไง?
ตอนแรกที่วางแผนวางยาฉีเวิ่นติ่ง สวีไป๋เห้อเข้าร่วมวางแผนด้วยตัวเอง สามารถมั่นใจได้ว่า ฉีเวิ่นติ่งถูกวางยาพิษร้ายแรง
คุณกงจิ่วก็พูดแล้ว ยาพิษชนิดนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ถอนพิษได้
แต่เพราะอะไร ฉีเวิ่นติ่งถึงยังไม่ตาย?
“การแข่งขันระหว่างตระกูลสวีและตระกูลฉีเพิ่งเริ่มต้น ก็ถูกคนจัดการจนสาหัสขนาดนี้ สิ่งที่ทำให้ฉันโมโหที่สุด พวกแกถูกเขาทำจนถึงขนาดนี้ กลับยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ? แม้แต่อำนาจยอดฝีมือลูกน้องของหลินอิ่งเป็นใครยังไม่รู้ พวกแกยังไม่รู้เรื่อง?” สวีจิ่วหลิงพูดสั่งสอน ไม่พอใจในตัวลูกชายพวกนี้เลย
“นายท่านสวี กรุณาท่านสงบสติอารมณ์ ผมมาสายไปหน่อย”
เวลาเดียวกัน น้ำเสียงอันเรียบเฉยดังขึ้นมา
เห็นเพียงกงจิ่วที่ร่างเล็กเตี้ย เดินเข้ามาในห้องโถงตระกูลสวี มองสวีจิ่วหลิงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“นายท่านสวี ท่านอย่าใจร้อน ข้อสงสัยของท่าน ผมสามารถตอบท่านได้” กงจิ่วพูดอย่างใจเย็น ท่าทางเหมือนอยู่ในการควบคุมหมด
“คุณกงจิ่ว คุณมาแล้วเหรอ สถานการณ์สองวันนี้พลิกผันไปแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล”
“คุณกงจิ่ว ทำไมฉีเวิ่นติ่งยังมีชีวิตอยู่?”
พอกงจิ่วเดินเข้ามา พวกสวีไป๋เห้อก็รีบถามกันขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเห็นกงจิ่วเป็นที่พึ่งคนหนึ่ง
“เหอะเหอะเหอะ ทุกท่านอย่างรีบร้อน” กงจิ่วพูดอย่างใจเย็น “ข่าวที่พวกคุณพูด ผมรู้ทุกอย่าง”
สวีจิ่วหลิงหรี่ตาเล็กน้อย มองดูกงจิ่ว พูดว่า “คุณกงจิ่ว นี่เป็นแผนการที่คุณจัดขึ้นมาเอง ตระกูลสวีของเราสนับสนุนดำเนินการต่อไป ปรากฏกลับกลายเป็นสถานการณ์แบบนี้ คุณจะไม่อธิบายหน่อยเหรอ?”
กงจิ่วยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “นายท่านสวี ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุมของผม”
“เกิดปัญหาในเขตหัวหยาง มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่ว่าหลินอิ่งลงมือหนัก มันเกินความคาดการณ์ของผมไปหน่อย” กงจิ่วพูดอย่างเชื่องช้า “ไม่เพียงแค่ทหารลับของตระกูลสวี แม้แต่ลูกน้องยอดฝีมือของผมก็ล้มไปกว่าครึ่ง”
“ดูแล้วหลินอิ่งคนนี้ เรียกยอดฝีมือมาจากที่อื่นแล้ว อำนาจที่เขาควบคุมอยู่ในที่ลับ ต้องไม่ใช่ทหารลับของตระกูลฉีและทหารลับตระกูลนิ่งแน่นอน” กงจิ่วพูด “เท่าที่ผมรู้ อำนาจของตระกูลนิ่งไม่ได้ลงมือเลย แน่นอน นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ผมต้องสืบหาที่มาของยอดฝีมือลูกน้องกลุ่มนี้ของหลินอิ่งให้ได้แน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องของฉีเวิ่นติ่ง ว่ายังไง? คุณกงจิ่ว คุณบอกว่าคุณวางยาพิษประหลาด มีเพียงคุณเท่านั้นที่ถอนพิษได้ไม่ใช่เหรอ?” สวีจิ่วหลิงถามเสียงเคร่งขรึม
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของกงจิ่วเคร่งขรึม พูดว่า “พิษที่ผมวาง มีเพียงผมเท่านั้นที่ถอนได้ ไม่ต้องมาสงสัยฝีมือการทำยาพิษของผม”
“สำเหรับเรื่องทำไมฉีเวิ่นติ่งถึงฟื้นขึ้นมาได้ ผมสืบมาอย่างชัดเจนแล้ว สองวันก่อนหลินอิ่งเชิญคนของตระกูลฉู่จากเตียนหนานมา น่าจะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน ควบคุมพิษในร่างกายฉีเวิ่นติ่งไว้ชั่วคราว” กงจิ่วพูดวิเคราะห์ “แต่ไม่ว่ายังไง นี่เป็นแค่ชั่วคราว ไม่มียาถอนพิษของผม ฉีเวิ่นติ่งยังไงก็ต้องตาย”
“ตอนนี้หลินอิ่ง น่าจะรีบร้อนที่จะตามหาตัวผม เพื่อเอายาถอนพิษที่แท้จริง”
“ออ? แค่ควบคุมพิษชั่วคราว? หลินอิ่งยังรู้จักคนของตระกูลฉู่แห่งเตียนหนาน?” สวีจิ่วหลิงพูดด้วยสายตาตะลึงเล็กน้อย ตาเป็นประกาย กำลังคิดอะไรบางอย่าง
สวีจิ่วหลิงเคยได้ยินชื่อตระกูลฉู่เตียนหนาน ตระกูลราชาแห่งยาลึกลับและค่อนข้างถ่อมตัว
“ผมก็คิดไม่ถึง หลินอิ่งจะสามารถตอบสนองแบบนี้ได้ และเชิญคนของตระกูลฉู่เตียนหนานมาได้ และตระกูลฉู่แห่งเตียนหนานยอมลงทุนขนาดไหน ที่จะช่วยเขาระงับพิษของฉีเวิ่นติ่ง” กงจิ่วพูดอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้ผมรู้ว่าหลินอิ่งรู้จักกับฉู่สงซานของตระกูลฉู่ แต่เท่าที่ผมรู้ ตำแหน่งของฉู่สงซานในตระกูลฉู่ไม่ได้สูงนัก นี่มันเป็นเรื่องที่ผมคำนวณพลาดไป”
สวีจิ่วหลิงคิดไปสักครู่ ถามว่า “คุณกงจิ่ว ตระกูลฉู่แห่งเตียนหนานกับหลินอิ่งมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่? จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ จะออกหน้าแทนหลินอิ่ง?”
กงจิ่วพูดอย่างจริงจัง “ไม่ ผู้นำตระกูลฉู่สองคนกำลังจากมาตี้จิง ก็กลับไปวันนั้นเลย ถ้าให้ผมเดา หลินอิ่งน่าจะออกเงินมหาศาล ถึงเชิญตระกูลฉู่มาช่วยได้ ตระกูลฉู่ปกติไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลก ไม่มีทางช่วยหลินอิ่งแน่นอน”
กงจิ่วยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแวดวงลึกลับในประเทศหลุงอย่างลึกซึ้ง ค่อนข้างเข้าใจตระกูลฉู่แห่เตียนหนาน หลินอิ่งสามารถเชิญตระกูลฉู่มาช่วยได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว สำหรับเรื่องที่จะให้ตระกูลฉู่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลก นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ได้แล้ว ที่ผมมาวันนี้ ก็เพราะอยากบอกกับนายท่านสวีว่า ไม่ต้องรีบร้อน สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุมของผม พวกคุณไม่ต้องตื่นตกใจ” กงจิ่วพูดอย่างจริงจัง “อีกอย่าง ผมมีข้อมูลสำคัญอย่างจะบอกกับนายท่าน”
“ข้อมูลอะไร?” สวีจิ่วหลิงถาม
“โครงการระดับโลกที่ได้รับความสนใจจากทั่วประเทศ เมืองเทคโนโลยีเทียนหลง หลินอิ่งเริ่มจัดเตรียมทำโครงการใหญ่นี้แล้ว นี่เป็นสัญลักษณ์ในอนาคตของธุรกิจตี้จิง” กงจิ่วพูดอย่างเชื่องช้า “ตระกูลสวีของพวกคุณ ต้องจับตาดูเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงไว้ เตรียมเงินสดหมุนเวียนให้พอเพียง อีกอย่าง ทางด้านชีซิงกรุ๊ปก็จะเข้าร่วมด้วย”