หลินอิ่งมองไปที่ซือหม่าเฟยวู่อย่างหนักแน่น ไม่ได้แสดงทัศนคติอะไร หมุนตัวเดินจากไป
ฮาเดสกับฉู่ฉู่ ต่างก็เดินตามออกจากโรงแรมสากลกวงหุย
“ส่งคุณชายอิ่ง คุณชายอิ่งเดินทางปลอดภัย”
ซือหม่าเฟยวู่ใช้ใบหน้าอันชรานั้น ก้มหน้ายิ้มแย้ม ส่งหลินอิ่งไปถึงหน้าห้องแสดงสินค้า
ส่วนคนของตระกูลซือหม่าที่อยู่ในงานนั้น รวมถึงบอดี้การ์ดสิบกว่าคน ต่างก็อยู่ในอาการสีหน้าอับอาย เบิกตากว้างมองดูหลินอิ่งจากไปอย่างสง่า
คนของตระกูลซือหม่าต่างก็ไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ความสามารถของหลินอิ่งอยู่ตรงนั้น เหยียบตระกูลซือหม่าบดขยี้ที่พื้น ตระกูลซือหม่ายังต้องเคารพอย่างดี
ภาพนี้ แขกในงานต่างก็แสดงสีหน้าดูหมิ่น
ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตระกูลซือหม่าแห่งตี้จิงแท้ๆ ถูกคนเหยียบย่ำในถิ่นของตัวเองแบบนี้?
ทำตัวสูงส่งจนถูกเขาตบหน้า ยังต้องก้มหน้ารับผิด
อำนาจและความน่าเกรงขามของคุณชายอิ่ง ในตี้จิงไม่มีใครกล้าแย่งชิงจริงๆ
“พ่อ ผม ผมไม่ไปจากตี้จิง ไม่ไปจากประเทศหลุง”
ซือหม่าเฟิงสีหน้าเต็มไปด้วยความอับอายมองซือหม่าเฟยวู่ เต็มไปด้วยความไม่ยอม พูดจาขอร้อง
“ไอ้ไร้น้ำยา ไม่มีประโยชน์จริงๆ”
ซือหม่าเฟยวู่โมโหมาก ตบหน้าซือหม่าเฟิงอย่างแรงเสียงดังเพี๊ยะ ตบจนซือหม่าเฟิงล้มกลิ้งลงพื้น
“แกยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ? แกทำให้ตระกูลซือหม่าขายหน้าจนหมดสิ้นแล้ว แกยังอยากอยู่ในตี้จิงอีก? ถ้าหากแกไม่ใช่ลูกของฉัน เปลี่ยนเป็นคนรุ่นหลังตระกูลซือหม่าคนอื่น ฉันจัดการแกไปแล้ว” ซือหม่าเฟยวู่พูดอย่างโมโห อัดอั้นความโกรธไว้ ระบายอยู่ในตัวของลูกชายตัวเองหมด
“คำพูดที่หลินอิ่งพูดแล้ว ไม่มีใครกล้าคัดค้าน แก ไสหัวไปประเทศMซะ ทางโน้นฉันจะจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเอง” ซือหม่าเฟยเทียนพูดด้วยท่าทางที่เสียใจสั่งสอนลูกได้ไม่ดี ออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดข้างกาย “เอาตัวซือหม่าเฟิงกลับไป ส่งไปประเทศMคืนนี้ อย่าให้อยู่แม้แต่นาทีเดียว”
พูดจบ บอดี้การ์ดหนุ่มข้างกายซือหม่าเฟยวู่ เข้าไปจับตัวซือหม่าเฟิงไว้ ลากตัวออกไปเหมือนหมา
จากนั้น ซือหม่าเฟยวู่สีหน้าหดหู่มองไปที่แขกในงาน พูดว่า “ทุกท่าน วันนี้ตระกูลซือหม่ามีเรื่องไม่สะดวกดูแลแขกแล้ว หวังว่าทุกท่านจะเห็นใจ”
ทักทายเสร็จแล้ว ซือหม่าเฟยวู่สีหน้าหม่นหมองเดินออกจากห้องรับรอง ท่าทางหนักใจ
บนหน้าของเขา มีทั้งความโมโห ทั้งรู้สึกอับอายหวาดกลัว
ไม่ว่ายังไงก็เป็นผู้นำบริษัทที่มีหน้ามีตาในตี้จิง ผู้นำรุ่นสองของตระกูลซือหม่า เมื่อเทียบกันผู้นำคนรุ่นสองของห้าตระกูลใหญ่บางคน อาจจะมีอำนาจเหนือกว่า
แต่เพราะลูกชายหน้าโง่ทำผิด ต่อหน้าผู้คนมากมาย ด้วยสถานการณ์บังคับต้องไปขอความเมตตาจากหลินอิ่งเหมือนหมา
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดโมโหยิ่งนัก แต่เพราะเกรงกลัวต่อชื่อเสียงของหลินอิ่ง ไม่กล้าไม่พอใจหรือไปแก้แค้น
“ฮัลโหล นายท่าน ทางนี้ผมพูดกับคุณชายอิ่งเทพองค์นี้เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ถือว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว ทางท่านไม่ต้องกังวลแล้ว” ซือหม่าเฟยวู่โทรศัพท์ออกไป พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ใช่ คือหลินอิ่งเจ้าตัวเองเขาที่อยู่ในโรงแรมสากลกวงหุย” ซือหม่าเฟยวู่พูดอย่างจริงจัง ดูเหมือนคุยโทรศัพท์กับนายท่านตระกูลซือหม่า “พ่อ ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าหลินอิ่งกำลังสู้รบอยู่กับตระกูลสวี? ก่อนหน้านี้คนของตระกูลสวีเคยหาผม หาร่วมมือกับตระกูลซือหม่าของเรา ท่านว่ายังไง?”
“ได้ ผมกลับไปปรึกษากับท่านที่บ้าน แล้วก็ติดต่อกับคนของตระกูลสวีด้วย”
วางสายแล้ว ซือหม่าเฟยวู่สายตาโหดเหี้ยม มองดูทางออกที่หลินอิ่งจากไป เสมือนไม่พอใจกับเรื่องในวันนี้
อีกด้านหนึ่ง ด้านล่างอาคารกวงฮุ่ย หลินอิ่งกับฉู่ฉู่นั่งเข้าไปในรถแล้ว ฮาเดสนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ขับรถไปทางถนนอันเจริญรุ่งเรือง
“ฉู่ฉู่ ผมส่งคุณกลับไปก่อน คุณ พักที่โรงแรมจงเทียนชั่วคราวก่อน” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “เรื่องของผมในตี้จิง คงจัดการไม่เสร็จในระยะเวลาสั้นๆ รอผมจัดการเรื่องในตี้จิงให้เรียบร้อยก่อน ผมส่งคุณกลับเตียนหนานเอง ผมต้องพูดเรื่องบางอย่างกับคุณปู่คุณให้ชัดเจนด้วย”
“ได้ค่ะ คุณหลิน ฉันฟังคุณทุกอย่าง คุณมีธุระอะไรก็ไปยุ่งก่อนได้เลย ฉันอยู่ในตี้จิงก็ดีเหมือนกัน” ฉู่ฉู่พูดอย่างเชื่อฟัง
“ใช่แล้ว คุณหลิน ต้องขอโทษด้วย เป็นเพราะฉันถึงเกิดเรื่องวุ่นวาย ทำให้คุณต้องเสียเงินมหาศาล เรื่องในคืนนี้ คงจะนำเรื่องวุ่นวายมาให้คุณแล้ว?” ฉู่ฉู่ถามอย่างระมัดระวัง
“เงินจำนวนนี้ ฉันจะให้พ่อของฉันโอนให้คุณเอง” ฉู่ฉู่พูดอย่างงจริงจัง
“ไม่ต้อง คุณเป็นแขกของตระกูลฉี มาจากต่างถิ่น เรื่องของคุณในตี้จิง ก็คือเรื่องของผม” หลินอิ่งพูดอย่างเด็ดขาด
ฉู่ฉู่แก้มแดง ไม่กล้าคัดค้านคำพูดของหลินอิ่ง ได้แค่พยักหน้า พูดว่า “ได้ค่ะ ตามที่คุณจัดการเลยค่ะ”
วินาทีนี้ หัวใจเธอเต้นเร็ว รู้สึกว่าผู้ชายที่นั่งข้างเธอคนนี้ สมบูรณ์แบบเหลือเกิน
หลินอิ่งเพื่อเธอแล้ว ไม่ห่วงที่จะทุ่มเทเงินมหาศาลขนาดนี้ และไม่กลัวที่จะสร้างความขุ่นเคืองกับตระกูลซือหม่า
ทำให้หัวใจของฉู่ฉู่หวั่นไหว เกิดคลื่นซัดแรงในหัวใจ
ส่วนหลินอิ่ง ไม่ได้มีความรู้สึกแต่อย่างใด นั่งพิงหลังหลับตาพักผ่อนในรถ
……
วันที่สอง
เกิดความสะเทือนในแวดวงสังคมตี้จิง ข่าวลือต่างๆสารพัดประกาศออกไป ทำให้คนทั้งวงการตื่นตระหนก
เพราะว่า คนทั้งตี้จิงต่างก็รู้ว่าตระกูลสวีจะเปิดสงครามกับตระกูลฉี คนที่พอมีอำนาจความสามารถหน่อย ต่างก็พากันจับตาดูสงครามของสองตระกูลยักษ์ใหญ่นี้
การแข่งขันระหว่างตระกูลฉีและตระกูลสวี ต้องสร้างผลกระทบให้กับกระแสแนวทางธุรกิจในตี้จิงแน่นอน สร้างผลกระทบความสมดุลของอำนาจในตี้จิงทั้งหมด
สามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้คนมากมายในองค์กรตระกูลใหญ่ในตี้จิงให้ความสนใจ
เรื่องที่หนึ่ง นายท่านตระกูลฉีออกมาแก้ไขข่าวลือด้วยตัวเอง และประกาศว่า ตระกูลสวีลงมือก่อนโดยไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า ตระกูลฉีพร้อมสู้กับตระกูลสวีให้รู้แพ้รู้ชนะแน่นอน สุขภาพของฉีเวิ่นติ่งแข็งแรง ไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลือบอก พูดอะไรว่านายท่านตระกูลฉีเสียชีวิตแล้ว อะไรป่วยหนักอยู่บนเตียง ใกล้ตายแล้วอะไรพวกนี้
และนี่ก็ทำลายข่าวลือที่ลือกันทั่วเมืองอย่างย่อยยับ ทำให้ตระกูลสวีต้องอยู่ในตำแหน่งฝ่ายรับของสื่อมวลชน
เรื่องที่สอง ก็คือคุณชายอิ่งปรากฏตัวในโรงแรมสากลกวงหุย ข้างกายมีหญิงสาวสวยงามผู้ลึกลับคนหนึ่ง ข่าวลือบอกว่า คุณชายอิ่งโมโหเพื่อสาวงามในโรงแรมสากลกวงหุย เหยียบย่ำศักดิ์ศรีตระกูลซือหม่าจนไม่เหลือชิ้นดี
เรื่องที่สาม เจ้าพ่อมาเฟียผู้มีชื่อเสียงในโลกแห่งความมืดตี้จิง เหยียนหลง ถูกคนทำร้ายจนแขนขาหักในเขตหัวหยาง ทำร้ายจนคุกเข่ากลางถนน อย่างน่าอนาถ
อีกอย่าง เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มากมายในเขตหัวหยาง คนของตระกูลฉีเข้าสู่วงการธุรกิจและโลกแห่งความมืดอย่างแข็งแกร่ง กวาดล้างกิจการทั้งหมดที่เคยเป็นของตระกูลสวี
ทุกคนต่างก็รู้ เหยียนหลงเป็นตัวแทนของตระกูลสวีในโลกแห่งความมืด
ภายในวันเดียว เกิดเรื่องมากมายที่มีผลร้ายต่อตระกูลสวี การคาดเดาของทุกคน นี่เป็นเพราะคุณชายอิ่งโมโหแล้ว ลงมือด้วยตัวเอง
เมื่อเทียบกับข่าวลือที่ลือกันอย่างสนั่นสองวันก่อน บอกว่าสถานการณ์ตระกูลฉีอันตรายพร้อมล่มสลายตลอดเวลา แล้วมาดูวันนี้ เห็นได้ชัดว่าคุณชายอิ่งเอาคืนแล้ว
เขตเหยียนหวง ตระกูลสวี
สวีจิ่วหลิงรอยตีนกาเต็มหน้าหน้าอยู่บนเก้าอี้ อารมณ์ดูเหมือนไม่ค่อยดีนัก
“กงจิ่วยังไม่มาหรือ? เขาบอกว่าฉีเวิ่นติ่งต้องตายภายในสามวันไม่ใช่เหรอ? ทำไมจนถึงตอนนี้แล้ว ฉีเวิ่นติ่งยังเปิดงานแถลงข่าวได้?”
สวีจิ่วหลิงมองหน้าลูกหลานตระกูลสวีที่อยู่ในห้องโถงนี้ ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม