เขาดูแลคุณปู่ในบ้านพักชนชราจื่อหลงซาน ฝังเข็มให้คุณปู่เพื่อควบคุมพิษในร่างกาย มิเช่นนั้น ก็คิดอยู่ว่าจะไปรับที่สนามบินเอง แน่นอน เรื่องที่เอายาไปช่วยคุณปู่ เขาไม่มีวันพูด
“ธุระสำคัญต้องทำ? เรื่องอะไรสำคัญกว่าเรื่องนี้? คุณช่างไม่จริงใจเอาเสียเลย” ฉู่หยุนซานพูดต่อ ในใจของเขาเดิมก็มีอคติไม่พอใจในตัวหลินอิ่งอยู่แล้ว
“พี่ใหญ่ พวกเรานั่งลงเถอะ ประธานหลินจัดเตรียมพวกนี้ ก็ดูออกว่าจริงใจแค่ไหน” ฉู่สงซานสีหน้ายิ้มแย้ม ช่วยพูดปราม
“เชิญนั่งครับ”
หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง และยื่นมือออกไป
ฉู่หยุนซานทำเสียงเย็นชา ไม่ได้คิดอยากจับมือ เดินเข้าไปอย่างยโส นั่งลงไปในที่ตำแหน่งตรงกลาง
คราวนี้ สีหน้าฉู่สงซานยิ่งไม่ดีกว่าเดิม พูดเสียงเบาข้างหลินอิ่ง “ประธานหลิน พี่ใหญ่ผมก็นิสัยแบบนี้ ตอนแรกเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องเอายากับคุณท่าน ในใจคงคิดว่าผมทำเรื่องเกินหน้าเกินตาเขา ก็เลยมีอารมณ์บ้าง เพราะฉะนั้น คุณอย่าถือสาเลยนะ”
หลินอิ่งพยักหน้า พูดว่า “ไม่เป็นไร ประธานฉู่ ความใจกว้างแค่นี้ผมมีแน่นอน ตระกูลฉู่ยอมเอาดอกโคมมาให้ นั่นก็เป็นการช่วยเหลืออย่างสูงแล้ว”
ฉู่สงซานโล่งอก สีหน้าก็ดีขึ้นบ้าง พาลูกสาวฉู่ฉู่เข้าไปนั่ง
ส่วนฉู่ฉู่ ดวงตาสดใสจ้องอยู่บนตัวของหลินอิ่ง จนแก้มแดงก่ำอย่างไม่รู้ตัว
หลินอิ่งไม่มีอารมณ์ไปสังเกตรายละเอียดพวกนี้เลย เดินเข้าไปนั่งในโต๊ะอาหารด้วย
หลี่ผูเดินเข้าไปบริการน้ำชาให้แล้ว เทเหล้าให้ทุกคนที่นั่งหนึ่งแก้ว
ฉู่หยุนซานยังคงท่าทางยโส หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาอย่างใจเย็น พูดว่า “หลินอิ่ง ดอกโคมที่คุณต้องการ ตระกูลฉู่ของเราส่งมาให้ถึงที่แล้ว มูลค่าของดอกโคม ผมคิดว่า คุณน่าจะรู้ ว่ามีล้ำค่าแค่ไหน”
“คุณท่านตระกูลพวกเรา มีคำพูดฝากมาด้วย” ฉู่หยุนซานพูดอย่างเชื่องช้า หันไปมองหลินอิ่ง
“ยินดีรับฟัง” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
ฉู่หยุนซานพูด “คุณท่านพูดว่า เห็นแก่ที่คุณเป็นศิษย์ของเพื่อนเก่าท่าน ดอกโคมให้คุณได้ แต่ว่า คุณต้องดูแลหลานสาวฉู่ฉู่ของท่านให้ดี”
ได้ยินแล้ว หลินอิ่งก็สีหน้าตกใจเล็กน้อย
เขาคิดอยู่ว่าคุณท่านตระกูลฉู่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่คิดไม่ถึง ว่าจะเอาประเด็นมาอยู่ที่ตัวเขาเอง? ดูแลหลานสาวฉู่ฉู่ของเขาให้ดี? นี่มันเรื่องอะไรกันอีก?
สิ่งที่หลินอิ่งใส่ใจคือ คุณท่านตระกูลฉู่พูดว่า เพราะเห็นแก่เขาคือลูกศิษย์เพื่อนเก่า?
หรือว่าฉู่จี้ชังกับอาจารย์เคยมีความสัมพันธ์?
คิดไปคิดมา หลินอิ่งก็เข้าใจ ฉู่จี้ชังเป็นราชาแห่งยาในแวดวงลึกลับ ชื่อเสียงโด่งดัง ถึงแม้จะมีน้อยคนมา ที่สามารถมีความสัมพันธ์กับท่านประมุข
“คุณท่านถามมาว่า คุณรับหรือไม่รับยานี้ หากรับยา ก็เตรียมสินสอดให้เรียบร้อย ไปที่มณฑลเตียนหนานด้วยตัวเอง ขึ้นภูเขาหยุนเหมิงตามระเบียบของตระกูลฉู่ เพื่อพบคุณท่าน” ฉู่หยุนซานพูดเสียงเคร่งขรึม มองไปที่หลินอิ่ง
หลินอิ่งแววตาประกายนิดหนึ่ง หันไปมองฉู่ฉู่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
ฉู่ฉู่หลบสายตา ดูเหมือนเขินอาย สีหน้ายิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม
พูดตามตรง ฉู่ฉู่ก็ถือว่าเป็นสาวงามระดับประเทศคนหนึ่ง ใบหน้าสวยงาม บุคลิกสง่า ไม่แพ้สาวงามผู้ขึ้นชื่ออย่างจ้าวหลินเอ๋อร์หรือแอนนาแม้แต่น้อย แต่ว่า ฉู่ฉู่ถือเป็นสาวอ่อนหวาน เรียบร้อยอ่อนโยน
ฉู่ฉู่กับเขาก็เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง ในความทรงจำ เธอเป็นผู้หญิงอ่อนโยนใจดี อาจจะเป็นเพราะครอบครัวของเธอ นิสัยก็ค่อนข้างเรียบง่ายมีธรรมเนียม
แต่ว่าหลินอิ่งไม่เข้าใจ ฉู่ฉู่ทำไมถึงได้ชอบเขา
คุณท่านฉู่จี้ชังยังไม่เคยได้เจอหน้ากัน แต่กลับเลือกในตัวเขา
“เรื่องนี้มันเร่งรัดเกินไป ผมเองก็ไม่กล้าตัดสินชีวิตของฉู่ฉู่ด้วยคำเดียว” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“นี่มันเร่งรัดตรงไหน? สื่อคำพูดจากพ่อแม่ คุณท่านพูดเองแล้ว ฉู่ฉู่ก็มีความคิดต่อคุณ ก็ตัดสินตามนี้” ฉู่หยุนซานพูดอย่างรำคาญ “คุณรู้หรือไม่ ว่านี่เป็นบุญวาสนาของคุณแล้ว คุณยังผลัดโน่นผลัดนี่อีก คุณไม่เห็นตระกูลฉู่เราอยู่ในสายตาหรือไง? รู้ไหมว่ามีชายหนุ่มเท่าไหร่อยากเข้าตระกูลฉู่ของเรา ยังไม่มีสิทธิ์นี้?”
ฉู่หยุนซานมองหน้าหลินอิ่งอย่างเอือมระอา ตอนแรกในใจก็ไม่พอใจเรื่องนี้อยู่แล้ว หลินอิ่งยังทำท่าทางอวดดีอีก ดูเหมือนไม่เต็มใจ
จะให้ตระกูลฉู่เอาดอกโคมให้เขาไปเฉยๆ นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน
อีกฝั่งหนึ่ง ฉู่ฉู่สีหน้าผิดหวัง สายตาคาดหวังมองไปที่หลินอิ่ง
“เคกเคก” หลินอิ่งไอไปสองครั้ง พูดอย่างจริงจัง “พูดตามความจริง ประธานฉู่ ผมเป็นคนมีครอบครัวแล้ว ผมแต่งงานมีภรรยาแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าฉู่สงซานก็ค่อนข้างเคร่งเครียด ดูเหมือนคิดอะไรอยู่
ฉู่สงซานเคารพในตัวหลินอิ่งมาก และนับถือเป็นอย่างมาก
ถ้าหากลูกสาวได้แต่งงานกับหลินอิ่ง เขาก็รู้สึกพอใจอย่างเต็มร้อย คู่ควรอย่างที่สุด
แต่ว่าเขารู้ ว่าหลินอิ่งเป็นคนแต่งงานครอบครัวแล้ว อีกอย่างไม่ได้มีความสนใจในตัวลูกสาวของเขาเลย
“เรื่องที่คุณพูดมา ผมรู้หมด” ฉู่หยุนซานพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก่อนมา ผมก็สืบมาเรียบร้อยแล้ว คุณมีภรรยาชื่อจางฉีโม่ใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ไม่นานก็หย่ากันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อีกอย่าง ถึงยังไม่ได้หย่า คุณก็หย่ากับเธอก็จบเรื่อง” ฉู่หยุนซานพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ว่ายังไง คุณอยากได้ดอกโคม ก็ต้องทำตามระเบียบของตระกูลฉู่ ขึ้นไปบนเขาหยุนเหมิงทีละก้าว ขึ้นไปสู่ขอฉู่ฉู่ มิเช่นนั้น ไม่ต้องคุย”
ฉู่หยุนซานท่าทางหัวโบราณเก่า ทำให้หลินอิ่งต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ประธานฉู่ ต้องขออภัยด้วย เรื่องนี้ผมตอบรับไม่ได้ อันดับแรกผมมีครอบครัวแล้ว อันดับสอง ผมไม่ได้มีความรู้สึกกับฉู่ฉู่” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “ผมก็กลัวที่จะทำลายชีวิตของเธอ ดอกโคม ผมต้องได้ถึงมือแน่นอน เพราะฉะนั้น หวังว่าตระกูลฉู่ จะเปิดข้อเสนออื่น”
อาการป่วยของคุณปู่ล่าช้าไม่ได้ ต้องได้ดอกโคมวันนี้ ทำเป็นยา ยังต้องใช้เวลาครึ่งวัน ส่วนอาการป่วย ถ้าเกิดล่าช้าไป เทพเทวดาลงสวรรค์ก็ช่วยไม่ได้
มิเช่นนั้น เขาก็ไม่เสียเวลามาพูดเหตุผลกับคนดื้อรั้นอย่างฉู่หยุนซาน
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องคุยแล้ว” ฉู่หยุนซานพูดอย่างเด็ดขาด “ดอกโคมเป็นของล้ำค่าแค่ไหน? คุณอยากเอาเงินทองมาแลกเปลี่ยนเหรอ? ตลกสิ้นดี”
“ผมว่าคุณหลินอิ่งชั่งไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ตระกูลฉู่เราให้โอกาสคุณขนาดนี้ ยังอ้ำๆอึ้งๆ ถ้าไม่ใช่คุณท่านเป็นคนพูดเอง คุณคิดว่าตระกูลฉู่ของเราจะถูกใจคุณเหรอ จะเลือกคุณมาเป็นลูกเขยเหรอ?” ฉู่หยุนซานพูดอย่างเย็นชา ท่าทางยโสมาก
เขาเป็นพี่ใหญ่ในคนรุ่นที่สองของตระกูลฉู่ ผู้ถืออำนาจอันดับหนึ่งรองจากคุณท่านฉู่ ในแวดวงลึกลับนั้นคนแบบไหนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
ตอนแรกก็ไม่ได้อยากมาตี้จิง ไอ้เด็กหนุ่มหลินอิ่งคนนี้ ช่างไม่รู้ระเบียบจริงๆ
“ประธานฉู่ ดอกโคม ผมต้องเอาแน่” หลินอิ่พูดอย่างเชื่องช้า “บุญคุณตระกูลฉู่ ผมก็จะจดจำไว้”
“คำพูดอื่น ผมไม่อยากพูดแล้ว ดอกโคม คุณเอามาแล้วใช่ไหม” หลินอิ่งพูดกับฉู่หยุนซานสีหน้าเรียบเฉย แปร่งประกายราศีที่น่าเกรงขาม