“ไอ้แซ่สวี แกพูดอะไร? แกบ้าไปแล้วใช่ไหม?” หัวหน้าสีหน้าโมโห ขึงตาใส่สวีถันโจวที่นั่งอยู่บนรถเข็น
กล้าบอกให้หัวหน้าหลินคุกเข่าต่อหน้า?
กินใจยักษ์เข้าไปหรือไงถึงได้กล้าขนาดนี้?
สายตาหลินอิ่งเย็นชา จ้องอยู่ที่สวีถันโจว
“ตระกูลสวีของพวกคุณ นี่คือเข้ามาข่มขู่ผมถึงที่ อย่างโจ่งแจ้งเหรอ?” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา “ใครสนับสนุนตระกูลสวีอยู่ข้างหลัง?”
หลินอิ่งสามารถแน่ใจได้ ลำพังอำนาจของตระกูลสวีฝั่งเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะกล้าท้าทายเขาแบบนี้ ยิ่งไม่กล้าลงมือกับคุณปู่
เบื้องหลังตระกูลสวี ต้องมีคนคอยสนับสนุนแน่นอน ให้ความมั่นใจพวกเขาเพียงพอ
“เหอะเหอะ เป็นใครสำคัญมากเหรอ?” สวีถันโจวพูดอย่างได้ใจ “ผมรู้แค่ว่า คุณท่านตระกูลคุณชะตาใกล้ถึงแล้ว ถ้าหากไม่อยากให้ปู่คุณตาย ก็รีบคุกเข่าให้ผมเดี๋ยวนี้”
“ถ้าหากคุณไม่ยอม ผมรับรอง ปู่คุณมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามวันแน่นอน” สวีถันโจวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เพื่อนของผมบอกว่า จากความสามารถของคุณสามารถรู้ได้ว่าปู่ของคุณโดนยาพิษอะไร ถ้าอย่างนั้นคุณก็รู้ พิษชนิดนี้มีเพียงคนทำเท่านั้นที่มียาถอนพิษ”
“ได้ยินว่าความรู้ทางการแพทย์ของคุณเหนือคน ไม่ธรรมดา แต่ว่าครั้งนี้ คุณก็ไม่กล้ารักษาให้ปู่ของคนใช่ไหม? ร่างกายของคุณท่านรับไม่ไหวนะ” สวีถันโจวท่าทางเหมือนควบคุมสถานการณ์ทุกอย่าง พูดอย่างยโส
ใช่แล้ว เขาคิดว่าตัวเองจับจุดอ่อนของหลินอิ่งอยู่แล้ว
พิษที่ฉีเวิ่นติ่งได้รับ นั่นเป็นยาที่คุณกงผู้ลึกลับคนนั้นเป็นคนทำขึ้นมาเอง ไร้ยารักษา
เขาไม่เชื่อ ว่าหลินอิ่งจะไม่ห่วงความตายของคุณปู่ มาปะทะกับเขา
“เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา “ที่แท้นี่ก็คือความมั่นใจของคุณ เอาชีวิตคุณท่านมาข่มขู่ผม?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ? ผมเอาชีวิตของคุณท่านข่มขู่คุณ คุณจะทำอะไรได้?” สวีถันโจวพูดอย่างคางคกขึ้นวอ “คุณต้องคิดให้ดี ว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่เป็นคนควบคุมสถานการณ์?”
“คุณชายอิ่ง คุณยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกใช่ไหม? คุณคิดว่าในตี้จิงแห่งนี้ คุณอยู่เหนือทุกคน ไม่มีใครทำอะไรคุณได้แล้วเหรอ? ผมบอกคุณได้เลย เรื่องปู่คุณ เป็นแค่การเตือนเท่านั้น คุณกล้าอวดดีอีก คุณก็ต้องตายเช่นกัน” สวีถันโจวพูดอย่างเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความยโสโอหัง
หลินอิ่มมุมปากโค้งขึ้นอย่างเย็นชาโหดเหี้ยม
“หลินอิ่ง ท่าทางของคุณนี่คือ อยากขอร้องผมหรือขู่ผมกันแน่?” สวีถันโจวพูดด้วยท่าทางกวนประสาท “ดูท่าแล้วเหมือนคุณจะไม่พอใจมากนะ ไม่ยอมคุกเข่าใช่ไหม? ก็ถูก คุณชายอิ่งแห่งตี้จิงทั้งคน ทำไมถึงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากขนาดนี้ล่ะ?”
“ฮาฮาฮาฮาฮา หลินอิ่ง ดูให้ชัดเจนนะ มีคนให้ผมเอาจดหมายมาให้คุณ” สวีถันโจวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พูดด้วยสีหน้าได้ใจ
พูดจบ เขาโบกมือ ทันใดนั้น บอดี้การ์ดข้างกายก็ยื่นจดหมายมาให้ฉบับหนึ่ง
หลินอิ่งสะบัดมือ รับจดหมายมา
เปิดจดหมายออก ด้านในเป็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือยุ่งเหยิง
“คุณหลินอิ่งรับ บางทีคุณอาจจะรู้ฐานะของผมแล้ว ผมคือกงจิ่ว ครั้งที่แล้วที่ตระกูลนิ่ง ผมกับคุณ เคยเจอกันแล้ว”
“พิษในร่างปู่คุณ ฉีเวิ่นติ่งผมเป็นคนวางยาเอง ผมมียาแก้พิษ ถ้าหากคุณอยากได้ยาแก้พิษ ก็ทำตามเรื่องพวกนี้”
“สละอำนาจและธุรกิจทั้งหมดในตี้จิง พาลูกน้องทั้งหมดของคุณ ออกจากตี้จิงตลอดไป”
“จากการคำนวณของผม พิษในร่างกายของปู่คุณจะกำเริบในอีกสามวัน ตายอย่างศพไม่ครบถ้วน ถ้าอยากได้ยาพิษ จัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนั้นให้คนตระกูลสวีนัดกับผม ถ้าหากดื้อรั้น คนที่ตาย จะไม่ใช่แค่ปู่คุณคนเดียว”
อ่านข้อความในจดหมายจนจบทั้งหมด หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
ปรากฏว่า คือกงจิ่วผู้ลึกลับจากต้าเหอจริง
มีเพียงกงจิ่วเท่านั้น ที่มีความคิดและแผนการรอบคอบแบบนี้
นี่คือการเปิดเผยแผนการแล้ว
ให้เขาสละทุกสิ่งทุกอย่างในตี้จิง ทำลายรากฐานเองทุกอย่าง แล้วไปขอร้องเอายาถอนพิษกับเขา?
“ว่ายังไง? หลินอิ่ง ดูชัดเจนแล้วใช่ไหม? ถ้าหากยังอยากขัดขืนต่อสู้อีก ไม่เพียงแค่ปู่ของนายต้องตาย นายก็หนีไม่รอด ตี้จิง ไม่ใช่ดินแดนที่นายจะได้ครอบครองเพียงคนเดียว” สวีฉางเฟิงพูดและหัวเราะอย่างเย็นชา
“คุณชายอิ่ง คุณยังลังเลพิจารณาอะไร? คุกเข่ายอมรับผิดกับผมตอนนี้ ผมจะช่วยคุณไปขอร้องกับคุณกงแทนคุณ คุณไสหัวออกไปจากตี้จิง อยากจากถอนตัวออกไปได้อย่างสง่า” สวีถันโจวสีหน้าดุร้าย แววตาเต็มไปด้วยความได้ใจ
เขารอวันนี้มานานแล้ว เพื่ออยากจะดูหลินอิ่งคุกเข่าคำนับต่อหน้าเขา
ตั้งแต่ถูกหลินอิ่งทำลายขาจนต้องนั่งรถเข็น จากคนมีอำนาจในตี้จิงกลายเป็นคนพิการ ทำลายสภาพจิตใจของขา สติและจิตใจย่ำแย่ไปหมดแล้ว
มีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นก็คือแก้แค้นหลินอิ่ง
ส่วนสวีฉางเฟิงที่อยู่ด้านข้าง มุมปากก็ยิ้มอย่างเย็นชา
หลินอิ่งทำลูกชายเขาพิการไม่ว่า ยังทำให้เขาอับอายขายหน้าในตระกูลสวี อำนาจเสื่อม ครั้งนี้ ได้เจอโอกาสที่หลินอิ่งลำบากแล้ว
“พวกคุณกำลังข่มขู่ผม?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ยื่นมือฉีกจดหมายจนละเอียด
“จัดการพวกเขาพิการทุกคน แล้วส่งกลับตระกูลสวี”
หลินอิ่งพูดด้วยความเย็นชา
ทันใดนั้น สวีถันโจวและสวีฉางเฟิงต่างก็สีหน้าตกใจ แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ
พวกเขายังไงก็คิดไม่ถึง ทำไมหลินอิ่งบอกหักหน้าก็หักหน้าแบบนี้ นี่คือจะแตกหักกันแล้วใช่ไหม?
หรือว่าเขาไม่สนใจความเป็นความตายของฉีเวิ่นติ่งเลยใช่ไหม?
หัวหน้าเมื่อได้รับคำสั่งจากหลินอิ่งแล้ว ก็หมุนคอไปมา เดินไปหาทั้งสองคนด้วยความโหดเหี้ยม
เขาไม่พอใจกับสวีถันโจวสองคนนี้มาก เกลียดจนอยากฉีกเนื้อหันสิ้นส่วนโยนให้หมากิน เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคุณท่านฉี เขาก็ไม่กล้าตัดสินใจแทนหัวหน้าหลิน
“หลินอิ่ง แกกล้าให้คนทำร้ายเราสองคน? แกอยากเห็นปู่แกตายต่อหน้าใช่ไหม?”
“แกต้องคิดให้ดีนะ แกกล้าไม่ก้มหน้าให้ตระกูลสวีของพวกเรา ฉีเวิ่นติ่งต้องตายแน่ วันนี้แกยังกล้าลงมืออีก เรื่องนี้ก็ไม่มีช่องว่างในการเจรจาอีกต่อไป ไม่มียาแก้พิษของคุณกง ถึงแกจะมีความสามารถล้นฟ้า ก็ช่วยปู่แกไม่ได้”
สวีถันโจวและสวีฉางเฟิงรีบพูด เพราะความหวาดกลัวในใจ
“ลงมือ”
หลินอิ่งสีหน้าเย็นชา พูดคำเดียวด้วยความเย็นชา
ปัง
วินาทีต่อมา ร่างของหัวหน้าก็พุ่งออกไปดั่งเสือดุร้าย ต่อยสวีถันโจวล้มลงจากรถเข็น กลิ้งลงมาจากรถเข็น จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของสวีฉางเฟิง ตบจนเขาล้มอยู่บนพื้นกระอักเลือด
จากนั้น ก็จัดการบอดี้การ์ดที่ทั้งสองคนพามา กลิ้งล้มอยู่กับพื้นท่าทางโง่เขลา อย่างง่ายดาย
“อ้าก แก แกคิดจะทำอะไรของแก? แกบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
“แกนึกว่าพวกเรากำลังขู่แกเหรอ? กล้าทำแบบนี้ ปู่แกตายแน่”
สวีถันโจวตะโกนด้วยความหวาดกลัวทำอะไรไม่ถูก ยังข่มขู่ด้วยคำพูดไม่หยุด
เผชิญหน้าต่อหลินอิ่ง สิ่งที่เขาใช้ได้ ก็มีเพียงการใช้ชีวิตของฉีเวิ่นติ่งในการข่มขู่
แต่คิดไม่ถึงเลย หลินอิ่งจะเด็ดขาดโหดเหี้ยมขนาดนี้ บอกลงมือก็ลงมือ ไม่ลังเลแม้แต่น้อย