ได้ยินแล้ว สีหน้าฉินฝู้กุ้ย ใบหน้าอันอวบอ้วนนั้น เหงื่อไหลไม่หยุด
เขาคิดไม่ถึง จะได้ยินประโยชน์นี้จากปากของท่านหลิน
หรือว่า จ้าวหลินเอ๋อร์ไม่ใช่ภรรยาของท่านหลิน? เป็นไปได้ยังไง?
เมื่อก่อนฉินฝู้กุ้ยรู้แค่ว่าหลินอิ่งฐานะร่ำรวย อำนาจล้นฟ้า แต่ไม่รู้ฐานะความเป็นมาที่แท้จริงของหลินอิ่ง
หลายวันก่อน ได้ยินจ้าวหลินเอ๋อร์พูดว่า หลินอิ่งเป็นคุณชายตระกูลมหาอำนาจแห่งตี้จิง เป็นสามีของจ้าวหลินเอ๋อร์
ชื่อเสียงของจ้าวหลินเอ๋อร์ โด่งดังแค่ไหนในตี้จิง
ฉินฝู้กุ้ยใช้ความสัมพันธ์ สืบข่าวที่ตี้จิง ก็ต้องตกใจกับคุณหนูแห่งตระกูลจ้าว เป็นตระกูลมหาอำนาจใหญ่ห้าตระกูลในตี้จิง หลานสาวสุดที่รักของนายท่านตระกูลจ้าว ดั่งไข่มุกในกำมือ
ชื่อเสียงต่างๆของจ้าวหลินเอ๋อร์ในตี้จิง ทำให้ฉินฝู้กุ้ยต้องตกใจ จึงเลือกที่จะพึ่งพาเธอ
“ท่านหลิน นี่มัน ผมสืบมาจากตี้จิง จ้าวหลินเอ๋อร์ก็พูดเองว่า ท่านเป็นสามีของเธอ” ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าตื่นเต้น
“เขาพูดอะไร นายก็เชื่อหมด” หลินอิ่งมองฉินฝู้กุ้ยสีหน้าเย็นชา มือเคาะโต๊ะเบาๆ
ทันใดนั้น ฉินฝู้กุ้ยเหมือนดั่งถูกฟ้าผ่า อึ้งอยู่กับที่ แรงกดดันในใจเพิ่มขึ้น
ท่าทางที่ท่านหลินแสดงออกมา ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับจ้าวหลินเอ๋อร์
นี่มัน ทำไมถึงเป็นสถานการณ์แบบนี้
ฉินฝู้กุ้ยเห็นจ้าวหลินเอ๋อร์คลั่งไคล้ท่านหลินขนาดนั้น จ้าวหลินเอ๋อร์ซึ่งเป็นคุณหนูสูงส่งขนาดนั้น รักและคลั่งไคล้ท่านหลินและบอกว่าเป็นภรรยาของท่านหลิน ส่วนท่านหลินกลับไม่รู้สึกอะไรเลย?
ตอนแรกคิดว่า สามารถเข้าหาเพื่อประจบ ติดตามจ้าวหลินเอ๋อร์ทำงานอย่างดี ต่อหน้าท่านหลินจะได้มีหน้ามีตา
เท่าที่ดูจากตอนนี้แล้ว ประจบจนได้เรื่องแล้ว
“ท่าน ท่านหลิน ผม ผม……” ฉินฝู้กุ้ยอ้ำๆอึ้งๆ “ผมผิดไปแล้ว ผมเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างท่านหลินกับคุณหนูจ้าว”
“ผมขอโทษ ท่านหลิน ผมทำงานผิดพลาด”
พูดไปแล้ว ฉินฝู้กุ้ยก็รีบก้มหน้าขอโทษ สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ สายตาหวาดกลัว
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ยกน้ำชาขึ้นดื่ม
“เสิ่นซานกับเจียงฉี ถูกจ้าวหลินเอ๋อร์จับตัวไปเหรอ?” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “จ้าวหลินเอ๋อร์ ให้นายทำเรื่องอะไรอีก?”
มั่นใจแล้วว่าจ้าวหลินเอ๋อร์เป็นคนทำเรื่องพวกนี้
หลินอิ่งเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดแล้ว
มิน่าลู่หย่าฮุ่ยทั้งสองคนถึงพูดเรื่องสาวฝรั่งผมทองเมืองก่างไม่หยุด น่าจะพูดถึงโครเมียร์ แอนนา
ยังบอกว่าเก็บหลักฐานรูปถ่ายไว้
ในเมืองก่าง ก็คือจ้าวเฉิงเฉียนที่คอยติดตามเขาอยู่ข้างหลัง
ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจพฤติกรรมของจ้าวเฉิงเฉียนเลย แต่คิดไม่ถึง เขาจะทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ ยังแอบถ่ายรูป
คาดว่า จ้าวเฉิงเฉียนคงถ่ายรูปแล้วส่งให้จ้าวหลินเอ๋อร์ จ้าวหลินเอ๋อร์ก็เอารูปถ่ายไปสร้างเรื่อง
คราวนี้ ต่อหน้าลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงสองคนนี้ ตัวเขาเองคงพูดยังไงก็พูดไม่ชัดเจนแล้ว
“เอ่อ ท่านหลิน ประธานเจียงกับท่านสาม ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน ได้ยินคุณหนูจ้าวบอกว่า ถูกเธอเชิญไปท่องเที่ยวดื่มชา……” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างระมัดระวัง “ส่วนคุณหนูจ้าวบอกให้ผมทำตามคำสั่งของเธอ จัดการเรื่องเกี่ยวกับเก็บกิจการคืน”
หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา มองหน้าฉินฝู้กุ้ยอย่างสนใจ
“เจียงฉีกับเสิ่นซานยังไม่กล้าช่วยจ้าวหลินเอ๋อร์ทำงาน นายจะคิดไม่ถึงเลยว่าเพราะอะไร?”
ฉินฝู้กุ้ยแค่ฟัง หน้ายังฝืนยิ้ม พูดอย่างตื่นเต้น “ท่านหลิน ผมโง่เขลาเอง ไม่รู้จริงๆ คุณหนูจ้าวใช้นามของท่าน ผมก็ไม่กล้าขัดใจ”
ฉินฝู้กุ้ยคิดไม่ถึงจริงๆ ทัศนคติที่หลินอิ่งมีต่อจ้าวหลินเอ๋อร์จะเป็นแบบนี้
ตอนแรกคิดว่าท่านหลินไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องระหว่างคุณนายหลินกับคุณหนูจ้าว เพราะฉะนั้นถึงไม่ได้ออกมาจัดการ
เพราะฉะนั้น ฉินฝู้กุ้ย ก็ต้องยืนอยู่ฝั่งจ้าวหลินเอ๋อร์อย่างไม่ต้องคิด
เพราะว่า เท่าที่ฉินฝู้กุ้ยดูแล้ว คุณนายหลินจางฉีโม่หน้าตาสวยงาม แต่ว่า จ้าวหลินเอ๋อร์ก็สวยไม่แพ้กัน อีกอย่างเบื้องหลังอำนาจล้นฟ้า
บวกกับคุณหนูจ้าวกับท่านหลินมีสัญญาหมั้นหมาย หลายปีนี้มาท่านหลินก็ไม่ได้รับความต้อนรับที่ดีในตระกูลจาง
ตามหลักแล้ว ท่านหลินควรจะเลือกจ้าวหลินเอ๋อร์ถึงจะถูก
“จ้าวหลินเอ๋อร์มาเมืองชิงหยูนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำเรื่องอะไรไปบ้าง เล่ามาให้ฉันฟังให้หมด” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาตื่นเต้น พูดว่า “คุณหนูจ้าวมาเมืองชิงหยูนมาครึ่งเดือน หลังจากมาถึงเมืองชิงหยูนแล้ว คุณหนูจ้าวก็ใช้ความอำนาจ ให้ทางการและสมาคมเครื่องประดับออกหน้า ไปให้ความกดดันกับบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อ”
“นอกจากนี้แล้ว คุณหนูจ้าวยังใช้เงินทุนมหาศาล ทำให้บริษัทเครื่องประดับฉีซื่อเผชิญกับการล้มละลายในระยะเวลาสั้นๆ” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างเชื่องช้า “เธอมาหาผม บอกว่าตัวเองเป็นภรรยาตัวจริงของท่านหลิน บอกผมให้ความร่วมมือกับเธอ”
“ท่านหลิน ยกโทษให้ผมด้วย ผมก็ทำอะไรไม่ได้ อำนาจของคุณหนูจ้าวใหญ่โตเกินไป เธอบอกให้ทำอะไร ผมก็แค่ทำตาม พยักหน้าเซ็นชื่อ เรื่องอื่นๆ ผมก็ไม่กล้าถาม” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างหวาดกลัว
แววตาหลินอิ่งยิ่งอยู่ยิ่งคมเข้ม
ไม่รู้ว่าจ้าวหลินเอ๋อร์จะก่อเรื่องกันอะไร
“ฉินฝู้กุ้ย ติดต่อจ้าวหลินเอ๋อตอนนี้ บอกว่าว่า ฉันกลับมาแล้ว” หลินอิ่งพูด “ให้เขาวางมือเดี๋ยวนี้ มาพบฉันด้วยตัวเอง”
“ครับ ท่านหลิน” ฉินฝู้กุ้ย สีหน้าจริงจัง “ผมจะรีบไปแจ้งคุณหนูจ้าวเดี๋ยวนี้”
พูดไป ฉินฝู้กุ้ยก็ก้มหน้า เคารพหลินอิ่ง ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู หยิบมือถือออกมาโทรออก
หลินอิ่งนั่งดื่มชาอย่างใจเย็น
ในสมองเขา มีความคิดมากมาย
หากให้จ้าวหลินอิ่งก่อความวุ่นวายแบบนี้ต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่อง
อีกอย่าง ฉีโม่ ดูเหมือนตั้งแต่กลับมาจากตี้จิงแล้ว ก็ดูเหมือนมีเรื่องหนักใจ
เห็นได้ชัดว่า ฉีโม่ไม่ยอมเจอหน้าเขา ความคิดก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
หลินอิ่งไม่สนใจจ้าวหลินเอ๋อร์กับผู้ใหญ่ลู่หย่าฮุ่ยสองคนจะคิดยังไง เขาสนใจแค่ว่า ควรจะพูดเรื่องทั้งหมดนี้ยังไงกับฉีโม่
“ท่านหลิน เบอร์ของคุณหนูจ้าวโทรไม่ติด” ฉินฝู้กุ้ยเดินเข้ามา พูดด้วยสีหน้าที่เคารพ “คุณหนูจ้าวอยู่ในเมืองชิงหยูนไปไหนมาไหนค่อนข้างลึกลับ ผมก็หาเธอไม่เจอ”
“ท่านหลินกลับมาจากข้างนอกอย่างรีบร้อนแบบนี้ ให้ผมจัดงานเลี้ยงต้อนรับดีกว่า” ฉินฝู้กุ้ยพูดอย่างเคารพ
หลินอิ่งกำลังจะพูด
ทันใดนั้น ก็มีชายหนุ่มชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก
ชายหนุ่มแต่งกายอย่างเป็นทางการ ใส่แว่นท่าทางเหมือนสุดยอดนักธุรกิจ
“ฉินฝู้กุ้ย คุณทำงานยังไง? ทางคุณหนูบอกให้คุณจัดการเรื่องส่งมอบธุรกิจ ให้เซ็นชื่อในนามของไห่หยางกรุ๊ป ให้ส่งมอบหุ้นส่วนของบริษัทเครื่องประดับฉีซื่อมา ทำไมคุณยังจัดการไม่เรียบร้อย?”
เข้ามาปุ๊บ ชายหนุ่มก็ตะโกนพูดกับฉินฝู้กุ้ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าตะลึง อธิบายอยู่ข้างกายหลินอิ่ง “ท่านหลิน คนนี้ชื่อจ้าวซาน เป็นหนุ่มเจ้าสำราญที่ตามคุณหนูจ้าวมาจากตี้จิง ได้ยินว่าเป็นลูกหลานของตระกูลจ้าว น้องชายลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูจ้าว”
“ก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นจ้าวซานที่ออกหน้าทำงานแทนคุณหนูจ้าว”
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปด้วยสายตาเรียบเฉย
“ที่นี่ เป็นสิทธิ์ของนายที่จะออกคำสั่งแล้วเหรอ?”
จ้าวหลินเอ๋อร์ช่างกล้ามากนัก เรียกใช้ลูกน้องตัวเอง ยังปรับเปลี่ยนทรัพย์สินบริษัทของเขาในเมืองตุงไห่ได้ตามใจชอบ
แม้แต่น้องชายของเธอ ยังวิ่งเข้ามาตะโกนเรียกใช้ฉินฝู้กุ้ยต่อหน้าเขา?
จ้าวหลินเอ๋อร์คิดว่าตัวเองเป็นคุณนายหลินไปแล้ว?
จ้าวซานมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าโมโห พูดอย่างอวดดี “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ยังกล้ามาพูดกับฉันอีก? รู้ว่าเบื้องหลังของฉันเป็นใครไหม? คุณชายอิ่งตี้จิงเป็นพี่เขยฉัน”