ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 422 อำนาจอันขวางไม่ได้

“นาย!”

หรงหยังแววตาเฉียบคม จ้องหลินอิ่งตาไม่กะพริบ เหมือนอยากมองหลินอิ่งจนทะลุ

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ท่าทางหลินอิ่งอันใจเย็น เฉยชานั้นมาจากไหนกัน

หลินอิ่งเอาความมั่นใจมาจากไหน? เชื่อมั่นขนาดนั้น ว่าสามารถเอาชนะเขาได้?

“คุณนี่อวดดีจริงๆ กล้าบอกว่าท่าเดียวเอาชนะเจ้าสำนักได้?” หงต้าสีหน้ามีรอยยิ้มอย่างเย็นชา จ้องหลินอิ่งด้วยแววตาเย็นชา “คุณอย่าคิดว่าเอาชนะพวกเราได้แล้ว จะสามารถสู้กับหัวหน้าแก๊งหรงได้”

“หัวหน้าแก๊ง รับคำท้าไอ้อวดดีนี่เลย ท่าเดียวให้มันพิการไปเลย”

“หัวหน้าแก๊ง คนคนนี้อวดดีจนถึงที่สุดแล้ว ไม่จัดการมันดีๆหน่อย ชื่อเสียงแก๊งหยางเหมินของเราคงจะถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว”

จอมพลสิบสามต่างก็สีหน้าหน้าโมโห ไม่พอใจอย่างมาก ต่างก็พูดจาอย่างไม่พอใจ

พฤติกรรมของหลินอิ่งนั้น ไม่ได้เห็นคนของแก๊งหยางเหมินเป็นคนด้วยซ้ำ

กลับพูดออกมาได้ว่าหากหัวหน้าแก๊งนับชนะเขาได้เพียงแค่รับท่าเดียวก็พอ?

ยโสอวดดีได้ถึงขนาดนี้?

ต้องรู้ว่า หัวหน้าแก๊งหรงมีอำนาจบารมีในเมืองก่างมานานขนาดนี้ ในเมืองก่างที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าในประเทศหรือนอกประเทศ ก็มีคู่ต่อสู้น้อยมาก

ในรายการแห่งคนของประเทศหลุง หัวหน้าแก๊งหรงจัดอยู่ในลำดับที่แปดสิบสอง

หากไม่นับเหล่ายอดฝีมือที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกในรายการแห่งฟ้า มองไปทั่วประเทศหลุง คนที่เป็นคู่ต่อสู้กับหัวหน้าแก๊งหรงได้นั้นมีเพียงไม่กี่คน

ยอดฝีมือในรายการแห่งคน นั้นหายากและมีน้อยยิ่งนัก

คนที่สามารถสู้กับหัวหน้าแก๊งหรงนั้นก็มีเพียงไม่กี่คน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ท่าเดียวเอาชนะหัวหน้าแก๊งหรง

หลินอิ่งคนนี้ นั่นก็คือหาความอับอายเอง

“เหอะ……” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ส่ายหัว “พังตึกเข้ามาแบบนี้ ยังนึกว่าหัวหน้าแก๊งหรงแห่งกลุ่มย่อยแก๊งหยางเหมิน จะมีศักดิ์ศรีมากแค่ไหนกัน”

“รับมือผมท่าเดียว ยังลังเลขนาดนี้ วิชาที่คุณฝึกนั้นมันวิชาอะไรกัน?”

คนฝึกวิชาการต่อสู้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจิตวิญญาณ

กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด วิชาการต่อสู้ถึงจะพัฒนา

หากไร้จิตวิญญาณแบบนี้ ความสามารถมากแค่ไหน เวลาเผชิญต่อหน้าศัตรูก็จะลดความสามารถในการต่อสู้

“อวดดี นึกว่าฉันทำอะไรแกไม่ได้หรือไง?” หรงหยังโกรธมาก สีหน้าโมโห

“วันนี้อย่าบอกแค่ท่าเดียวเลย ร้อยท่าแล้วยังไง?”

“ฉันหรงหยังทั้งคน ต้องพนันกับนายเรื่องแค่ท่าเดียว? ไม่ต้องมัดมือมัดเท้า สู้กันยกหนึ่งเลย”

“ชนะนายแค่ท่าเดียว? ถ้าลือออกไปแล้ว ก็มีแต่ให้คนอื่นหัวเราะฉัน”

หรงหยังพูดอย่างยโส แขนสองข้างสะเทือน มีแรงสะเทือนภายใต้ชุดจีนสีแดงนั้น แขนเสื้อปลิวขึ้น ใต้ฝ่าเท้าสะเทือนจนมีเสียง พื้นหินแตกออก

เสียงดังอึ้ง เหมือนดั่งเสียงสายฟ้าแลบดังขึ้นในร่างเขา

นี่เป็นเสียงของกระดูก ผู้ฝึกวิชาการต่อสู้มาถึงระดับหนึ่ง ยามเคลื่อนไหวกระดูกข้อ กระดูกก็จะมีเสียงดังสะเทือนกึกก้อง

นี่ก็หมายความว่า ร่างกายของหรงหยัง ฝึกจนเป็นกระดูกเหล็กแล้ว ตัดมีดมือเปล่า เนื้อขวางมีดก็ไม่มีปัญหา

หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ส่ายหัว

“ผมบอกว่าท่าเดียว นั้นก็คือท่าเดียว”

หรงหยังแววตานิ่ง ประกายความเย็นชา ส่อแววอาฆาต

จากนั้น ร่างเขาเคลื่อนไหว เหมือนดั่งสายฟ้าแลบ พุ่งเข้าหาหลินอิ่งทันที

ทันใดนั้น

เสียงลมดังขึ้น เสียงดังสะเทือน

ภายในออฟฟิศเหมือนดั่งมีเครื่องบินขับผ่าน เสียงดังกึกก้องวิ่งผ่านบนฟ้า

ปัง

อากาศเคลื่อนไหว เสียงดังกึกก้อง

หรงหยังต่อยหมัดออกไป เหมือนดั่งมังกรข้ามแม่น้ำ ต่อยเข้าไปยังกลางอกหลินอิ่ง

หมัดนี้ ความเร็ว เรี่ยวแรง เร็วอย่างเหลือเชื่อ จนเกินจากคนทั่วไปจะรู้ได้ เร็วยิ่งกว่ากระสุน

แม้แต่ลมที่หมุนขึ้น ก็เหมือนดั่งพายุไต้ฝุ่น เสียงดังกึกก้อง

กำลังภายในเช่นนี้ เพียงพอที่จะสะเทือนอากาศ

หมัดนี้ เป็นวิชาหมัดที่เก่งกาจของแก๊งหยางเหมิน เป็นวิชาหมัดที่แก๊งหยางเหมินใช้ครองโลก หมัดทวนกระแส

ครั้นในอดีตที่หรงหยังฝึกวิชาหมัดทวนกระแส ฝึกตัวเองในใต้น้ำตกกลางป่าสามปี ใช้น้ำตกจากหน้าผาเพื่อกระทบเนื้อตัว กระแทกลำตัว ฝึกฝนต่อยหมัดทุกวันซ้ำแล้วซ้ำเล่านับหมื่นครั้ง ฝึกจนร่างกายอ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรง จากนั้นค่อยใช้สมุนไพรประคบตัวรักษาแผล รักษาร่างกาย วันแล้ววันเล่าฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนฝึกวิชาอันสูงส่งได้

จนถึงวันหนึ่ง หมัดหนึ่งลงไป สามารถทวนกระแสน้ำของน้ำตกได้

หมัดหนึ่งต่อยละไป ความรุนแรงนั้นสามารถทำให้กระแสน้ำตกไหลทวนได้

หมัดลงไป สามารถระเบิดรถสิบล้อได้หนึ่งคันอย่างไม่มีปัญหา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่างกายของคน

เมื่อฝึกหมัดหวนกระแสสำเร็จ หรงหยังถึงออกจากภูเขาสู่โลก รับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหยางเหมิน จนสร้างรากฐานอันใหญ่โตในเมืองก่างได้

เขามั่นใจ หมัดนี้ สามารถฆ่าล้างเอาชนะนักสู้ นักฆ่า ทหารหน่วยรบพิเศษได้หมด

นี่คือหมัดที่เก่งกาจเหนือความคาดหมายของผู้คน

เผชิญหน้ากับหมัดอันแข็งแกร่งของหรงหยัง หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา

เขามือไขว้หลังยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ

ทันใดนั้น หลินอิ่งยื่นมือข้างหนึ่งออกไป อย่างไร้วี่แวว

มือนี้ ไม่มีใครดูออกว่าเป็นท่าอะไร

เหมือนดั่งมือที่พลิกน้ำทะเลปราบมังกรได้ เหมือนดั่งมือที่สามารถยกขุนเขาแม่น้ำได้ ไร้สิ่งกีดขวาง

อาการแข็งตัวไปทันที

โคร่ง

เสียงดังกึกก้องไปทั่วออฟฟิศ กระจกสั่งทำพิเศษแตกกระจายในพริบตา เหมือนดั่งทนรับแรงกระแทกนี้ไม่ไหว

หลินอิ่งออกมือข้างเดียว ห้านิ้วกางออก ขวางหมัดของหรงหยังที่ต่อยมาได้

ฮู้ว

เสียงลมดังขึ้น หรงหยังชุดจีนทั้งร่างปลิวขึ้น ผมดำปลิวไสวขึ้นตามสายลม

ร่างเขาทั้งร่าง เหมือนดั่งพายุปลิวขึ้นในร่าง ต้องทนรับกับแรงอันมหาศาล ร่างกายเหมือนจะยืนไม่อยู่ เริ่มสั่นไหว ท่าทางแข็งแกร่งตอนออกหมัด ไม่เหลืออีกแล้ว

ส่วนหลินอิ่ง สีหน้านิ่งเฉย ยืนตรงหนักแน่นดั่งขุนเขา ไม่ขยับแม้แต่น้อย

ทันใดนั้น ก็เห็นผลทันที

พุ๊ด

หรงหยังกระอักกระอ่วนตรงหน้าอก สีหน้าตะลึงและเจ็บปวด กระอักเลือดออกมา มุมปากเลือดไหลไม่หยุด ทั้งร่างเหมือนดั่งลูกบอลที่ลมรั่ว ดวงตาทั้งสองไร้แวว

หรงหยัง แพ้แล้ว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset