โรงแรมเชียงเจียง ห้องอาหารป่าผ่า
การตกแต่งในแบบโบราณ แขวนภาพวาดทิวทัศน์ ในรูปแบบโบราณย้อนยุค
ข้างโต๊ะอาหาร ยังมีถาดน้ำพุเล็กๆ มีต้นไผ่เขียวงอกอยู่หลายต้น ดูสง่ามีรสนิยม
หลินอิ่งเข้าไปนั่งอย่างใจเย็น ฉู่สงซานอยู่ด้านข้าง
“น้องฉู่ เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกัน นายพามันมาด้วย ไม่ค่อยเหมาะสมมั้ง?” หยินต้าชิวพูดเสียงเคร่งขรึม แสดงความไม่พอใจ
คนอย่างหลินอิ่ง มีสิทธิ์อะไรเข้านั่ง?
“พี่หยิน คุณหลินนั่งลงไม่มีอะไรไม่เหมาะสมครับ” ฉู่สงซานพูด
หยินต้าชิวขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรอีก
คาดเดาในใจเอง ฉู่สงซานปกป้องหลินอิ่งขนาดนี้
อีกอย่าง เรื่องอะไรก็ต้องให้เขาเข้าร่วมด้วย นี่คงไม่ได้อยากให้ลูกสาวไปแต่งงานกับไอ้แซ่หลินนี่หรอกนะ? จะฝึกเพื่อมาเป็นลูกเขย?
“น้องฉู่ ฉันขอพูดตรงๆนะ” หยินต้าชิวพูดจริงจัง “ธุรกิจขนส่งทางท่าเรือในเชียงเจียง ฉันปล่อยมันไว้นานแล้ว นายก็รู้ นั่นมันเป็นเหมือนชีวิตฉัน ทุกวันนี้จี้ฉงซานมันอยากกลืนกิจการด้านขนส่งทางเรือ ปิดกั้นทรัพยากรทางการค้าของฉันจนหมด”
ฉู่สงซานพยักหน้า พูดว่า “พี่หยิน เหตุผลที่มา ผมเข้าใจ ได้ยินว่าการประชุมผู้บริหารสมาคมธุรกิจเมืองก่างครั้งที่แล้ว พี่หยินแพ้ไปหนึ่งยก? คะแนนเสียงของจี้ฉงซานนำโด่ง จัดทำสนธิสัญญาข้อตกลงร่วมกับการขนส่งทางเรือของสมาคมสำเร็จ?”
หยินต้าชิวสีหน้าเคร่งเครียด พูดว่า “ถูกต้อง จี้ฉงซานอำนาจใหญ่โต ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ ถึงแม้ฉันก็มีตำแหน่งรองประธานสมาคมเมืองก่าง มีตำแหน่งอำนาจบ้าง แต่พอจี้ฉงซานออกมา ผู้บริหารคนอื่นก็ไม่กล้าคัดความเห็นของเขา นั่นก็เป็นแค่คำพูดเขาฝ่ายเดียว ฉันก็เคยอยากหาจี้ฉงซานเพื่อเจรจา ยอมเขาเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง สละผลประโยชน์บางส่วน แต่คิดไม่ถึง ว่าจี้ฉงซานอยากกลืนกิจการขนส่งทั้งหมดของฉัน”
“เพราะฉะนั้น ฉันถึงมาหานายไงน้องฉู่”
คุยถึงเรื่องธุรกิจ สีหน้าของหยินต้าชิวก็มีเคร่งเครียดมาก
ฉู่สงซานสีหน้าเรียบเฉย กำลังครุ่นคิด
เขารู้สถานการณ์ของหยินต้าชิว จี้ฉงซานกลืนศูนย์กลางธุรกิจของหยินต้าชิวไป กิจการขนส่งทางเรือ และยังรวมถึงธุรกิจผิดกฎหมายด้านสินค้าหนีภาษีของหยินต้าชิวด้วย
หากสูญเสียศูนย์กลางธุรกิจไป มูลค่าทรัพย์สินของหยินต้าชิวต้องตกต่ำลงแน่ กิจการก็ต้องล่มสลาย
ถึงแม้จะไม่ถูกจี้ฉงซานบีบแค้น ไม่ถึงครึ่งเดือน หยินต้าชิวก็ต้องตกจากตำแหน่งนักธุรกิจใหญ่แห่งเมืองก่างไปหลายระดับ กลายเป็นนักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่งของเมืองก่าง สูญเสียอิทธิพลอย่างที่เคยมีในอดีต
นี่ก็เป็นเหตุที่หยินต้าชิวไม่เกรงกลัวจี้ฉงซาน เข้ามาคุยเรื่องธุรกิจกับเขา
เพราะว่า จี้ฉงซานพูดออกไปแล้วว่าจะจัดการฉู่สงซาน วงการธุรกิจเมืองก่าง มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าไปยุ่งเกี่ยว
“น้องฉู่ ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดแล้ว นายกับคริสตัวแทนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของลาตินกรุ๊ป พอมีความสัมพันธ์กันบ้าง?”
“คริสท่านนี้ แทนที่อำนาจของโม่เก๋อติงในเมืองก่าง รับช่วงต่อบริษัทลาตินกรุ๊ป” หยินต้าชิวพูดเคร่งขรึม “พูดตามตรง ครั้งนี้ ฉันต้องการความช่วยเหลือของนาย ช่วยฉันคุยกับคริสหน่อย ให้คริสช่วยฉันจัดเส้นทางการขนส่งอย่างปลอดภัยที่ท่าเรือเชียงเจียง ฉันจะพร้อมจ่ายเต็มที่”
หลังจากที่พูดเป้าหมายที่แท้จริงออกไป หยินต้าชิวก็หันไปมองฉู่สงซานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ฉู่สงซานสีหน้าไม่เปลี่ยน ยกชาขึ้นดื่ม
เขารู้ดีว่าคริสเป็นคนที่ทำงานให้หลินอิ่ง
หยินต้าชิวถูกจับตาจากจี้ฉงซาน คนที่ช่วยเขาที่เมืองก่าง แค่นิ้วก็พอนับแล้ว
อยู่ดีๆก็มีคริสโผล่มีในแวดวงธุรกิจเมืองก่าง เขาก็คือหนึ่งในนั้น
ลาตินกรุ๊ปเมืองก่าง ไม่ได้อยู่ในระบบการเงินที่ถูกจี้ฉงซานควบคุม
ถ้าหากจี้ฉงซานเป็นราชาแห่งธุรกิจเมืองก่าง ถ้าเช่นนั้น ลาตินกรุ๊ปเมืองก่าง ก็คือผู้นำดินแดน
โดยเฉพาะ ลาตินกรุ๊ปเป็นบริษัทข้ามชาติ ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดก็คือการนำเข้าส่งออก และทรัพยากรจากต่างประเทศ ความสามารถแข็งแกร่ง
ถ้าหากหยินต้าชิวสามารถเจรจาธุรกิจกับคริสสำเร็จ ธุรกิจในต่างประเทศได้รับการสนับสนุน
แบบนี้ ก็จะสามารถฟื้นฟูทุกอย่างได้
และนี่ก็คือข่าวที่หยินต้าชิวเปิดเผยให้หยินต้าชิวได้รู้ หลังจากที่ฉู่สงซานได้รับการช่วยเหลือจากหลินอิ่ง
“น้องฉู่ วางใจได้ ฉันยินดีจ่ายในราคาที่พอเพียงแน่นอน ถ้าเจรจาธุรกิจนี้สำเร็จ ทั้งให้นาย ให้คริสจนพอใจแน่นอน”
หยินต้าชิวพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อีกอย่าง น้องฉู่ ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ จากนี้ไปนายกับฉันก็เป็นคนในเรือลำเดียวกันแล้ว สงครามระหว่างนายกับจี้ฉงซาน ฉันต้องยืนอยู่ฝั่งนายแน่นอน”
ได้ยินหยินต้าชิวสารภาพ แสดงทัศนคติอย่างชัดเจนแล้ว ฉู่สงซานแววตากะพริบ หันไปมองหลินอิ่ง
หลินอิ่งกำลังจะดื่มชา พยักหน้าอย่างใจเย็น
ได้รับความเห็นแล้ว ฉู่สงซานก็เริ่มพูด “พี่หยิน ทางด้านคริส ผมไปช่วยคุยได้ตลอดเวลา แต่ว่า คุณรับข้อเสนอได้ทุกอย่างจริงเหรอ?”
“ฉัน…….ฉันยินดีรับแน่นอน” หยินต้าชิวพูดอย่างตื่นเต้น จนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้
“น้องฉู่ นายไปคุยกับคริสสำเร็จได้ตลอดเวลาจริงใช่ไหม? นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น สำหรับด้านข้อเสนอ ขอแค่เป็นเรื่องท่าฉันทำได้ ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน” หยินต้าชิวควบคุมสติตัวเอง พูดอย่างจริงจัง
เห็นท่าทางของหยินต้าชิวแล้ว ใบหน้าฉู่สงซานมีรอยยิ้ม นั่งพิงหลังไปที่เก้าอี้ ประหลาดใจกับวิธีการของหลินอิ่ง
“คุณชายอิ่งแห่งตี้จิงท่านนี้ ช่างอัจฉริยะเหลือเกิน” ฉู่สงซานชื่นชมในใจ
การเจรจาครั้งนี้ อยู่เหนือกว่าอย่างขาดลอย
ทั้งหมดนี้ อยู่ในการคาดเดาของหลินอิ่งหมด
หลินอิ่งเคยพูดกับฉู่สงซานประโยชน์หนึ่ง ทำให้เขารู้สึกทึ่งจนถึงวันนี้
“คำว่าธุรกิจ ก็คือให้ข้อเสนอที่ฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธไม่ได้”
ส่วนที่หลินอิ่งให้หยินต้าชิว ก็คือข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้
ช่องทางขนส่งทางเส้นหนึ่งที่จี้ฉงซานยุ่งเกี่ยวไม่ได้
นี่คือสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตหยินต้าชิวได้
“ไม่ว่าแลกด้วยอะไรก็ไม่มีปัญหา?” หลินอิ่งวางน้ำชาบนมือ หันไปมองหยินต้าชิว พูดเสียงเรียบ “ผมต้องการให้คุณล้มตำแหน่งประธานของจี้ฉงซานในสมาคมธุรกิจเมืองก่าง คุณทำได้ไหม?”
ได้ยินแล้ว หยินต้าชิวสีหน้าเปลี่ยนทันที จ้องหลินอิ่งเย็นชา
“พวกเราคุยธุระกัน นายพูดมากอะไร? นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร ยังมาชี้แนะออกคำสั่งที่นี่?” หยินต้าชิวชี้นิ้วด่าหลินอิ่ง ฉวยโอกาสด่าเต็มที่
“ไม่รู้กาลเทศะ น้องฉู่ ฉันว่านายต้องสั่งสอนไอ้หลินอิ่งนี่หน่อยนะ เดี๋ยวติดตามอยู่ข้างกายสร้างปัญหา” หยินต้าชิวพูดเสียงเย็นชา “ยังพูดอะไรล้มตำแหน่งประธานสมาคมธุรกิจเมืองก่างของจี้ฉงซาน? แกนี่มันไอ้เด็กไร้สมองที่ตลกสิ้นดี ขนมีกี่เส้นแล้ว ยังมาสอนฉันคุยเรื่องธุรกิจ? แกฟังรู้เรื่องไหมว่าพวกเราพูดอะไรกันอยู่?”
หยินต้าชิวส่ายหัว สีหน้าดูถูก
“ผมฟังเข้าใจไหม?” หลินอิ่งหัวเราะ ยกน้ำชาขึ้นดื่ม
“เคกเคก…….” ฉู่สงซานไอไปสองที สีหน้าเคร่งขรึม “หัวหน้าสมาคมหยิน คุณน่าจะไม่ค่อยเข้าใจถึงความสามารถของคุณหลิน บางที ผมควรต้องแนะนำคุณหลินกับคุณใหม่ ให้คุณรู้จักอย่างเป็นทางการ”
ก๊อกก๊อกก๊อก
ฉู่สงซานกำลังจะพูดต่อ ก็มีเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อน
“เรื่องอะไร?” หยินต้าชิวขมวดคิ้ว สีหน้ารำคาญ ลุกขึ้นไปเปิดประตู
“พ่อ ลุงหยิน คุณหลิน ขอโทษค่ะ รบกวนทุกท่านคุยธุระ หนูไม่มีทางเลือก ข้างนอกเกิดเรื่องแล้ว” ฉู่ฉู่พูดด้วยสีหน้ารีบร้อน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบร้อนขนาดนี้?” ฉู่สงซานลุกขึ้น ถามอย่างสงสัย
“เมื่อกี้หยินจุนเรียกคนมาจากข้างนอก ตอนนี้กำลังต่อสู้อยู่กับบอดี้การ์ดของคุณหลิน สู้กันรุนแรง จนเห็นเลือดแล้ว”
ฉู่ฉู่พูดด้วยสีหน้ารีบร้อน “พวกเราขวางไม่อยู่แล้ว หรือว่า พวกพ่อออกไปดูหน่อยไหมคะ?”