“นี่ นี่ นี่มัน…….”
เซียวจวงเสียงสั่น เหงื่อท่วมหัวนั่งอยู่บนรถเข็น สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จ้องหน้าหลินอิ่งตาไม่กะพริบ
คิดถึงตอนที่ถูกหลินอิ่งทำลายขาของเขา ความรู้สึกเหมือนกับใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ไอ้ไร้น้ำยาหลินอิ่งมันทำได้ยังไง? ทำให้หูโหม่งกับยอดฝีมือเยอะขนาดนี้ล้มไปได้อย่างง่ายดาย?
“ทำไม……ถึงได้เก่งกาจขนาดนี้?” โม่เก๋อติงมองหลินอิ่ง สูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ในใจรู้สึกหวาดกลัว
น่ากลัวจริงๆ ทำเหมือนกับจัดการมดตัวเล็กๆ จัดการยอดฝีมือที่เก่งกาจบนเวทีทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ตั้งแต่หลินอิ่งขึ้นไปบนเวที จนถึงฆ่าทุกคนบนเวที น่าจะไม่เกินห้านาที?
พวกเขามองไม่ชัดด้วยซ้ำว่าหลินอิ่งใช้วิธีอะไรจัดการคนทั้งหมดบนเวที
ไม่มีข้อสงสัย คนของตัวเองไม่มีแม้แต่แรงต่อต้าน โค่นล้มได้อย่างง่ายดาย ฆ่าล้างจนหมดสิ้นอย่างง่ายดาย
ทุกคนงานสนามเงียบไปยี่สิบวินาที บนหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยสีหน้าแห่งความหวาดกลัว จากนั้นก็เป็นเสียงตะโกนโฮ่ร้องกันอย่างเสียงดัง
“ฉันคงไม่ได้ฝันไปหรอกนะ? บนโลกนี้มีคนเก่งกาจขนาดเลยเหรอ?”
“แม้แต่ในหนังยังไม่ได้แสดงขนาดนี้? ยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ไม่ได้เตะต้องตัวเขาแม้แต่น้อย ก็ล้มกันไปหมดแล้ว? นี่มันโหดเหี้ยมมากกว่าผู้ล้างโลกอีก”
“นี่ถึงจะเป็นยอดฝีมือตัวจริง ถ้ามีโอกาส ฉันอยากไหว้เขาอาจารย์ ฝึกวิชาที่แท้จริง……”
ชายหญิงทั้งหมดที่นั่งในนี้ต่างพูดคุยโต้แย้งกันขึ้นมา มองหลินอิ่งไปด้วยสายตาหวาดกลัว ในสายตาของพวกเขาตอนนี้ หลินอิ่งก็เป็นเหมือนคนในตำนาน
สีหน้าหลินอิ่งเรียบเฉย มือข้างหนึ่งไขว้หลัง เดินเข้าไปหาโม่เก๋อติงกับเซียวจวงอย่างช้าๆ
โม๋เก๋อติงและเซียวจวงมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าไม่ดี เหงื่อท่วมหน้าผาก ถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว
“นี่คือ? สถานการณ์ตอนนี้ เซียวจวงกับประธานโม่แพ้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำตามเดิมพัน? เขา กล้าไปเอาชีวิตของคุณชายเซียวกับประธานโม่เหรอ?”
“นี่มันเป็นเกมเดิมพันชีวิต คุณชายเซียวกับประธานโม่จะชดใช้ชีวิตไหม?”
“นี่ นี่มันก็พูดยาก พวกเขาไม่ชดใช้ชีวิต ถ้าหลินอิ่งเข้าไปเอาด้วยตัวเอง?”
หลินอิ่งเข้าไปเอาชีวิต?
คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนในสนามต่างรู้สึกหวาดกลัว ต่างก็คิดถึงภาพเหตุการณ์ที่หลินอิ่งฆ่าคนเมื่อครู่ ในใจยังรู้สึกหวาดกลัว
ซาตานอย่างหลินอิ่ง เหมือนดั่งยมทูต มาล่าชีวิตคน นั่นมันเป็นเรื่องน่ากลัวแค่ไหน?
บรรยากาศเคร่งเครียดไปทันที
ทุกคนที่นั่งต่างปิดปากเงียบ ไม่กล้าออกเสียงแม้แต่น้อย
พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด หลินอิ่งจะจัดการกับคนมีอำนาจใหญ่โตแห่งเมืองก่างสองคนนี้เซียวจวงและโม่เก๋อติงยังไง?
“หลินอิ่ง แก แกอย่าเข้ามานะ แกอยากทำอะไร?” เซียวจวงถามอย่างหวาดกลัว แกล้งทำเป็นใจเย็นมีสติไม่ได้อีกแล้ว รถเข็นที่นั่งอยู่ก็สั่นอย่างรุนแรง
“หลินอิ่ง แกอย่าทำเกินไปนะ” โม่เก๋อติงสีหน้าตกใจถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ให้บอดี้การ์ดขวางอยู่ข้างหน้า “เรื่องการเดิมพันชีวิต นับไม่ได้ ฉัน ฉันสามารถชดใช้ของอย่างอื่นให้แก…….”
“นับไม่ได้?” หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้น “พวกคุณแพ้แล้ว จะไม่ยอมรับเหรอ?”
“ไม่ยอมรับ? ฉันไม่ยอมรับ แกจะทำอะไรได้? อย่าลืมนะ ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน” โม่เก๋อติงพูดเสียงเย็นชา สายตายังมีแววอาฆาต
ถึงแม้จะถูกฝีมืออันโหดเหี้ยมของหลินอิ่งทำให้ตกใจ แต่ว่า จะให้เขาส่งชีวิตตัวเองออกไป นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“เร็ว เข้าไปขวางมันไว้”
“พวกแกเข้าไปพร้อมกัน ขวางมันไว้”
โม่เก๋อติงกับเซียวจวงรีบตะโกน สั่งบอดี้การ์ดข้างกายให้เข้าไปขวางหลินอิ่ง
หลินอิ่งมุมปากยังคงยิ้ม แล้วก็เดินเข้าไปทีละก้าว บอดี้การ์ดของโม่เก๋อติงกับเซียวจวงสีหน้าหวาดกลัว ต่างก็หลีกทาง ไม่มีใครกล้าเข้าไปขวางทาง ต่างก็ถูกฝีมืออันร้ายกาจของหลินอิ่งทำให้ตกใจและหวาดกลัว
คนโหดที่เปรียบเสมือนผู้ล้างโลก ใครจะไปกล้าขวาง?
“ไม่ ประธานโม่ คุณต้องรีบคิดหาวิธี ที่นี่เป็นถิ่นของคุณ จะให้มันทำตามใจชอบได้ยังไง?” เซียวจวงเลื่อนรถเข็นด้วยความหวาดกลัว ถามโม่เก๋อติงที่อยู่ข้างๆ
โม่เก๋อติงสีหน้าก็แย่จนถึงสุดขีด พูดอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไร อย่างมากก็ล้มโต๊ะเท่านั้น มันจะเก่งแค่ไหน ฉันไม่เชื่อว่ามันจะขวางทางพวกเราหนีออกไปได้”
“หนีก่อน หนีออกไปแล้วค่อยว่ากัน”
โม่เก๋อติงโบกมือ จากนั้นก็รีบวิ่งไปทางออกฉุกเฉิน ส่วนเซียวจวงก็กลิ้งลงจากรถเข็น ถูกบอดี้การ์ดสองคนพยุงวิ่งหนี
“รีบยิงมัน เอามันให้ตาย”
ก่อนออกไป โม่เก๋อติงยังออกคำสั่งฆ่าด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
เหลือบอดี้การ์ดต่างชาติยี่สิบกว่าคน ดึงปืนDesert Eagleออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
ชิ๊ว
ขณะที่บอดี้การ์ดกำลังหยิบปืนออกมา ร่างของหลินอิ่งก็พุ่งออกไปดั่งสายลม
คักคักคัก
บอดี้การ์ดแต่ละคนยังไม่ทันได้ยิงปืน หลินอิ่งมือข้างละคน หักข้อมือของพวกเขาทันที ยึดปืนทันที
เสียงฮวั๊ก ปืนตกพื้นทันที บอดี้การ์ดต่างร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วล้มลงกับพื้น จับแขนตัวเองร้องโหยหวน
จากไหวพริบและความแข็งแกร่งของร่างกายพวกเขาแล้ว ถือปืนที่ตัวหลินอิ่ง ก็เหมือนส่งอาหารให้เท่านั้น
อาวุธปืนต่อหน้าหลินอิ่งแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษทองแดงและเหล็กเน่าเสีย
จัดการมือปืนที่เข้ามาขวางแล้ว ลูกน้องที่เหลือของโม่เก๋อติงและเซียวจวง ต่างก็พากันถอยห่างด้วยสีหน้าหวาดกลัว แม้แต่หยิบปืนออกมายังไม่กล้า
“แม่งเอ้ย ประธานโม่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ กลับหยิบปืนออกมาแล้ว รีบไปกันเถอะ”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว หนีเข้าไปทางออกฉุกเฉินก่อนค่อยว่ากัน”
คราวนี้ แขกในห้องต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน ต่างพากันยิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง วิ่งเข้าไปในทางออกฉุกเฉิน
“ดี คนถึงแล้ว ยิงกราดเลย ยิงไม่ยั้ง ต้องทำให้หลินอิ่งมันตายในชั้นนี้” โม่เก๋อติงตะโกนเสียงดังดั่งสัตว์ดุร้าย มองหลินอิ่งสายตาอาฆาตโหดเหี้ยม
ฮวั๊ก คนต่างชาติในทุกทหารพร้อมอาวุธปืนพุ่มออกมาจากทุกทิศทุกทาง ทุกคนต่างใส่ชุดเกราะ แบกปืนไรเฟิลกันทุกคน
ซือซือซือ
เวลาเดียวกัน ระเบิดควันทางยุทธวิธีถูกโยนขึ้นมาจากอุโมงค์ ทันใดนั้นควันโขมงแสบจมูกไปทั่วห้อง เพียงแค่พริบตาก็ปกคลุมไปทั่วห้อง
ระเบิดควันชนิดนี้เป็นเกสน้ำตาและสามารถทำให้หายใจไม่ออก ระเบิดควันทำให้กระทบต่อการเคลื่อนไหว หากสูบเข้าไปแล้ว ยังทำให้ร่างเกิดอาการประสาทชาจนเป็นลมไปได้
หลินอิ่งอยู่ท่ามกลางหมอกควัน ตั้งสติกลั้นหายใจ การมองเห็นถูกบดบังไปหมดแล้ว ก็พึ่งการได้ยิน
ปัง ปัง ปัง ปัง
เวลานี้ ทางออกทุกทิศ เป็นทหารรับจ้างต่างชาติแต่ละนาย กราดยิงด้วยสีหน้าเย็นชา กระสุนในมือดังปังปังปัง จู่โจมอย่างกระชั้นชิด ยิงเข้าไปท่ามกลางหมอกควัน
กระบอกปืนพ่นกระสุนไม่หยุด ปลอกกระสุนก็ร่วงลงพื้น ดังเปรี๊ยงปรั้ง ห้องอันกว้างใหญ่นี้ โต๊ะคริสตัลและหน้าต่างกระจกถูกยิงจนแตกกระจาย สถานการณ์น่ากลัวมาก