“พูดตามตรง หลินอิ่ง ตำแหน่งของนายในตระกูลจางในเมืองชิงหยูน นั้นก็แค่สวะไร้ค่าที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิง โดนตบหน้าไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรอ?”ลู่จิ้งพูดอย่างเย้ยหยัน “ครั้งนี้ทนไม่ไหวแล้วหรอ? เป็นเพราะว่าพี่สาวของฉันให้นายมาเจรจาธุรกิจในเมืองก่าง นายรู้สึกมีหน้ามีตาขึ้นมาแล้ว?”
“ออ? ลู่จิ้ง หลินอิ่งมักโดนตบหน้าในบ้านเกิดของเธอ?” คุณชายหลุ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
เดิมทีเขาตกใจกับบอดี้การ์ดที่ยืนข้างๆหลินอิ่ง เมื่อได้ยินเช่นนี้ มองไปยังหลินอิ่งด้วยสายตาดูถูกอีกครั้ง
“ใช่แล้ว อย่าว่าแต่ตบหน้าเขาเลย หลินอิ่งอยู่ในบ้านตระกูลจางของเรา แม้แต่สถานะของหมาตัวหนึ่งที่เลี้ยงในครอบครัวก็ยังสูงกว่า” ลู่จิ้งพูดด้วยความประหลาดใจ “บอดี้การ์ดข้างกายเขา เพราะว่าเป็นผู้ช่วยของพี่สาวของฉัน ถึงจะสามารถมีได้”
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นแค่กระดูกอ่อนที่ไร้ค่านี่เอง” คุณชายหลุ่ยพูดอย่างดูถูก มองหลินอิ่งอย่างสนุกสนาน “นายคิดว่านายพาบอดี้การ์ดมามันเก๋ามากใช่มั้ย? ยังทำร้ายคนอื่น? Ok งั้นเรามาแข่งกัน ว่าใครมีบอดี้การ์ดมากกว่ากัน?”
“ไปเรียกผู้จัดการของร้านอาหารผองเฟยมา”คุณชายหลุ่ยจุดซิการ์หนึ่งมวน และพูดอย่างมีสไตล์
“ให้บอดี้การ์ดลงมือ? หึๆ นายรู้มั้ยว่าในบ้านฉันมีบอดี้การ์ดกี่คน?” คุณชายหลุ่ยมองหลินอิ่ง พูดด้วยท่าทางขี้เล่น “ฉันจะบอกให้หน่อยนะ ฉันชื่อหลุ่ยซานกวน นายสามารถไปสอบถามชื่อของฉันในถนนอาหารแถวๆนี้ก็ได้ กลุ่มอาหารตระกูลหลุ่ยในเมืองก่างนี้เป็นของบ้านฉันเอง! ร้านอาหารมากกว่าครึ่งหนึ่งในถนนอาหารที่อยู่ใกล้เคียงสายนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวฉันเอง แม้แต่เจ้าของเจ้าของร้ายอาหารผองเฟยแห่งนี้ก็ยังเป็นเพื่อนของฉัน”
“ณ ที่แห่งนี้ คนไร้ประโยชน์อย่างนายยังกล้ามท้าทายฉัน งั้นแสดงว่าคงอยากตายใช่มั้ย” หลุ่ยซานกวนพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
ไอ้หลินอิ่งที่มาจากมณฑลบ้านนอก ได้ยินมาว่ายังเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เกาะผู้หญิงกิน? เอาอะไรมาสู้กับตัวเอง?
ถึงแม้ว่าพี่สาวที่ลู่จิ้งพูดถึง ทำธุรกิจอัญมณีที่ใหญ่โต เป็นเจ้านายที่มีทรัพย์สินไม่น้อย มาถนนอาหารสายนี้แล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาท้าทายกับเขาหลุ่ยซานกวน!
ในถนนสายนี้ มีวงการที่มืดและขาว ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพ เขาก็มีสายสัมพันธ์ทั้งหมด
“คุณชายหลุ่ย ได้ยินมาว่านายหาฉัน? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนหนึ่งที่สวมชุดทักซิโด้สีดำเดินมาจากเขาเตอร์ สีหน้าจริงจัง ข้างๆของเขายังมีบอดี้การ์ดที่สวมชุดสูทมาด้วย
“นี่! ประธานหยัง คุณก็อยู่ในร้านอาหารด้วยหรอ มาได้ทันเวลาจริงๆ!” หลุ่ยซานกวนทักทายอย่างสุภาพ
“พี่หยัง วันนี้ผมพาเพื่อนๆของผมมากินข้าวที่นี่ ชายหนุ่มที่ไม่ดูตาม้าตาเรือและมาจากมณฑลบ้านนอก พาบอดี้การ์ดของเขามาทุบตีเพื่อนทั้งสองของผม” หลุ่ยซานกวนยื่นมือชี้นิ้วไปยังหลินอิ่ง และพูดอย่างสบายๆ “ก็คือเขา พี่หยัง พี่ต้องช่วยผมจัดการเขา ให้เขาคุกเข่าลงก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่”
“สวัสดีครับ ประธานหยัง!”
“ประธานหยัง มานั่งดื่มด้วยกันสักแก้ว!”
ด้วยการมาถึงของประธานหยังของร้านอาหารผองเฟย ชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่ต่างก็ลุกขึ้นยืน ยกแก้วขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ
สำหรับลูกเศรษฐีพวกนี้แล้ว ประธานหยังคนนี้เป็นบุคคลที่สูงศักดิ์ ถนนอาหารสายนี้เขารวบกินธุรกิจทั้งมืดและขาว เรื่องอะไรก็สามารถจัดการได้ นี่ก็คือการดำรงอยู่ของเขา
โดยเฉพาะ ประธานหยัง ยังเป็นคนสำคัญของหวู่เฟยหัวหน้าใหญ่อสังหาริมทรัพยแห่งเมืองก่าง มีอำนาจล้นฟ้า!
ถ้าเกิดว่าสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลสำคัญได้ ถ้าอย่างนั้นการทำธุรกิจบนถนนสายนี้ก็จะราบรื่น!
“ที่แท้ก็เป็นประธานหยังมานี่เอง ได้ยินชื่อเสียงมานาน ทันทีที่ฉันมาเมืองก่างก็ได้ยินคุณชายหลุ่ยพูดถึงชื่อของคุณ!” ลู่จิ้งพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “คุณชายหลุ่ยเก่งจริงๆเลย มีมิตรภาพที่ดีแบบนี้กับประธานหยังที่เป็นบุคคลสำคัญ!”
ในขณะที่พูด ลู่จิ้งถือแก้วเหล้าไว้สองแก้ว แล้วเดินไปยังที่ประธานหยังและหลุ่ยซานกวนที่ยืนอยู่ สวมบทบาทเป็นนักสังคมสงเคราะห์ทันที
หลุ่ยซานกวนยิ้ม สำหรับคำพูดประจบประแจงแบบนี้มีผลต่อใจของเขา
แต่ประธานหยังยิ้มอย่างไม่เต็มใจ สายตามองไปยังหลินอิ่งที่หลุ่ยซานกวนชี้
“นี่ นี่คือ?” ประธานหยังเลิกคิ้ว จ้องมองไปยังฮาเดสที่ยืนอยู่ข้างๆหลินอิ่ง
เขาไม่รู้จักหลินอิ่ง แต่รู้จักกับฮาเดส
ในฐานะที่เป็นคนสำคัญของหวู่เฟย ในวันนี้เขารู้ว่าเจ้านายใหญ่หวู่เฟยมาที่ร้านอาหารผองเฟยเพื่อเจรจาธุรกิจใหญ่ หารือเรื่องการโอนย้ายผองเฟยกรุ๊ปกับบุคคลลึกลับ
ในขณะที่หวู่เฟยกำลังเจรจาเรื่องธุรกิจกับบุคคลลึกลับ เขายืนรอคำสั่งอยู่นอกห้อง
ในขณะนั้น บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ก็คือฮาเดส!
นี่……ชายหนุ่มคนนี่ ก็คือบุคคลลึกลับที่ซื้อผองเฟยกรุ๊ปกับเจ้านายใหญ่หวู่เฟยของเขา?
ใบหน้าของประธานหยังซีด จ้องมองด้วยสายตาที่ความว่างเปล่า ไม่กล้ายืนมือไปรับไวน์แดงที่ลู่จิ้งให้
เขารู้ข้อมูลวงในเล็กน้อย เจ้านายใหญ่หวู่เฟยวันนี้ได้นั่งเครื่องบินไปหลบซ่อนที่ต่างประเทศ เขาสั่งให้ตัวเองดูแลกิจการดีๆ ทำงานกับเจ้านายคนใหม่ประธานหลินดีๆ ยังบอกอีกว่าเจ้านายใหม่ประธานหลินคือผู้มีพระคุณของเขา รอให้เขาหลบมรสุมครั้งนี้เสร็จก็จะกลับมาที่เมืองก่างเอง
ยังพูดว่า บางทีในอนาคต หวู่เฟยก็ค่อยตามหลินอิ่งผู้มีพระคุณคนนี้ ต่อสู้กับคนในเมืองก่าง
“คุณ คุณคือประธานหลินใช่ไหม?” ผู้จัดการหยังพกเฉยต่อไมตรีของลู่จิ้งและหลุ่ยซานกวน มองไปยังหลินอิ่งและถามอย่างระมัดระวัง
หลินอิ่งเหลือบมองผู้จัดการหยัง พยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมเอง นายคือคนที่หวู่เฟยพูดถึงหยังเสียงคนนั้น รองประธานของผองเฟยกรุ๊ป? คือคนที่ดูแลบริการจัดการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม?”
“ใช่! ประธานหลิน ผมก็คือหยังเสียง คุณเรียกผมเสี่ยวเสียงก็ได้” หยังเสียงพูดอย่างจริงใจ ในใจรู้สึกตื่นเต้น แสดงใบหน้าที่เคารพนับถือ
ไม่ผิด เป็นประธานหลินจริงๆด้วย
ไอ้บ้าเอ๊ย หลุ่ยซานกวนไอ้โง่คนนี้ เกือบทำให้ตัวเองมีปัญหากับเจ้านายใหม่
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าฐานะเบื้องหลังที่แท้จริงของหลินอิ่งเป็นยังไง แต่ความสามารถของประธานหลินที่ซื้อผองเฟยกรุ๊ปแบบครบวงจรได้ และทำให้เจ้านายหวู่เฟยของเขายังต้องเคารพเขาขนาดนี้ งั้นก็แสดงว่า ต้องเป็นที่ใหญ่โต!
เพราะว่า ผองเฟยกรุ๊ปก็ถือว่ามีอันดับในเมืองก่าง เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนทางการเงิน และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ราคาตลาดของบริษัทมากกว่าหมื่นล้าน!
ประธานหลินสามารถซื้อผองเฟยได้ในทีเดียว ยังสามารถทำให้หวู่เฟยขายบริษัทด้วยความเต็มใจ มีความสามารถนี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“ประธานหยัง คุณไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรอ?” หลุ่ยซายกวนพูดด้วยใบหน้าที่สงสัย “คุณรู้จักกับคนไร้ประโยชน์คนนั้นหรอ?”
“ ประธานหยัง คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? หลินอิ่งเป็นลูกเขยที่ไร้ค่าและมีชื่อเสียงในที่ของพวกเรา เขาคือผู้ช่วยของพี่สาวของฉันเอง” ลู่จิ้งพูดอย่างสงสัย “คุณเกรงใจกับเขาขนาดนี้ทำไม? พี่สาวของฉันคือจางฉีโม่ คุณรู้จักกับพี่สาวของฉันใช่ไหม? หลินอิ่งก็เป็นแค่แมลงที่ตามก้นพี่สาวของฉันเท่านั้นเอง เขาไม่ได้มีฐานะอะไร”
ผู้จัดการหยังของร้านอาหารผองเฟยกลับให้ความเกรงใจกับเขาขนาดนี้?
งั้นแสดงว่า เป็นเพราะเส้นสายของพี่สาวแน่เลย ให้หลินอิ่งมาเจรจาธุรกิจ และทำให้คนไร้ค่าคนนี้มีโอกาสได้ประจบประแจงกับคนใหญ่คนโต
หลินอิ่งคนไร้ค่าคนนี้ รู้แต่อาศัยอำนาจของพี่สาวมาพูดพร่ำทำเพลง
“หลุ่ยซานกวน เมื่อกี้นายพูดว่าอะไร? นายจะจัดการกับประธานหลินที่ตรงนี้?” หยังเสียงพูดด้วยท่าทางที่เย็นชา
“ ใช่แล้ว ประธานหยัง ฉันเรียกคุณมาก็เพื่อมาช่วยจัดการกับคนไร้ค่าคนนี้” หลุ่ยซานกวนพูด “คือคนที่มาจากมณฑลบ้านนอก ไอ้หลินอิ่งไร้ค่า ฉันได้สืบภูมิฐานของเขามาก่อนหน้านี้แล้ว ก็คือคนที่เกาะเมียกิน คุณก็ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก”
ป๊าบ!
หลุ่ยซานกวนเพิ่งพูดจบ หยังเสียงก็ตบหน้าของเขาอย่างแรง ตีเขาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
“ ในลองพูดอีกครั้ง? ไอ้หมาโง่ นายยังกล้ามาด่าประธานหลิน?” หยังเสียงพูดด้วยความโกรธ
“ฉัน! ประธานหยัง นายตบฉัน พ่อของฉันคือหลุ่ยหวน ถึงแม้ว่านายไม่ให้หน้าฉัน แต่ก็ต้องให้หน้าพ่อของฉันมั้ย?” หลุ่ยซานกวนพูดยังไม่พอใจ จนพูดชื่อพ่อของเขาออกมา
โดนตบต่อหน้าผู้คนมากมาย ความคิดที่อยากตายก็มีแล้ว ศักดิ์ศรีของตัวเองถูกย่ำยีอย่างรุนแรง
“เห็นแก่พ่อนาย?” หยังเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “นายเก๋าขนาดนี้ พ่อแม่ของนายรู้ไหม?”
ป๊าบๆ!
หยังเสียงก็ตบหน้าของเขาแรงๆอีกสองที ตบจนปากของหลุ่ยซานกวนบวมเป๋ง จับใบหน้าและร้องอย่างเจ็บปวด
“ฉันโทรเรียกพ่อของนายมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะดูว่า พ่อของนายกล้าเก๋าแบบนายไหม” หยังเสียงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก