คืนวันต่อมา
เมืองก่าง สนามบินนานาชาติเชียงเจียง
หลินอิ่งลงจากเครื่อง โดยมีฮาเดสที่ไม่พูดไม่จาเดินตามมาด้วย
ทั้งคู่ออกจากสนามบิน เดินขึ้นไปในถนนที่แสนกว้างขวาง
เมืองก่างในยามค่ำคืน แสงไฟส่องจ้าจนแสบตา ข้างเชียงเจียงนั้นเต็มไปด้วยอาคารสูงใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง
ข้างๆ ถนนมีแสงไฟสีเหลืองส่องแสงสลัว มีลมเย็นๆ พัดผ่าน
“ประธานหลิน คุณมาถึงเมืองก่างรึยังครับ ข้าน้อยได้สั่งให้คนไปรับคุณที่ถนนของสนามบินแล้วนะครับ ข้าน้อยได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับที่เขตเชียงมู่เรียบร้อยแล้วครับ” เสียงที่นอบน้อมของนายคริสดังออกมาจากมือถือ
“ดีมาก รอคำสั่งจากผมอีกที” หลินอิ่งสั่งการนายคริสไปนิดหน่อย จากนั้นก็วางสายไป
บรึ้นๆๆ!
ทันใดนั้นเอง บนท้องถนนที่เงียบสงบก็ได้มีเสียงที่แสบแก้วหูดังขึ้น ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจ
หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหลียวไปมอง เห็นแต่รถสปอร์ตหลากสีที่สวยงามหลายคันกำลังเร่งเครื่องเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วสูงสุด ปะทะกับลมจนเกิดเป็นเสียงดัง พวกมันวิ่งอยู่บนถนนอย่างน่าเกรงขาม
หนึ่งในคนที่ขับลัมโบร์กินีสีน้ำเงินคนหนึ่งเหมือนกำลังเมา ขับส่ายไปส่ายมา แล้วพุ่งเข้าใส่เด็กผู้ชายอายุประมาณเจ็ดแปดขวบ
ซิ่ว!
เสียงลมพัดผ่าน หลินอิ่งรีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวเด็กจนสามารถรอดชีวิตจากการถูกรถชนได้
เอี๊ยดดดดด!
ล้อรถยนต์เสียดสีกับพื้นซีเมนต์จนเกิดเสียงดัง ลัมโบร์กินีสีน้ำเงินคันนั้นได้หยุดอยู่ข้างทาง
“แม่งเอ๊ย ยังสติดีอยู่รึเปล่า? ตาบอดจนไม่เห็นรถของฉันรึไงห๊ะ?”
ทันทีที่รถจอดสนิท ก็ได้มีวัยรุ่นที่ใส่เสื้อผ้าสีสันลายตาคนหนึ่งลงมาจากรถ เขาสวมนาฬิกาโรเล็กซ์สีทอง พุ่งเข้ามาก็เริ่มต่อว่าหลินอิ่งทันที
ทันใดนั้น รถสปอร์ตที่เร็วแรงอีกสี่ห้าคันก็จอดลงเช่นกัน และได้มีวัยรุ่นชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินลงจากรถ แต่ละคนต่างจ้องมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
หลินอิ่งเหลียไปมองด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ถ้าไม่ได้เขาเข้ามาช่วยเด็กคนนี้ไว้
จากสถานการณ์เมื่อกี้ ลัมโบร์กินีคันนั่นที่วิ่งมาด้วยความเร็วสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง เด็กคนนี้คงถูกชนจนร่างกายเละเทะจนตายคาที่ไปแล้ว
เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเลยแท้ๆ แต่ไอ้เวรตะไลนี่พอลงรถมา ก็ชิงด่าเขาก่อนเลย?
หลินอิ่งหันไปมองเด็กน้อยที่ใส่ชุดนักเรียน แล้วถามไปว่า “เธอชื่ออะไร? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?”
“ผะ ผมชื่อฉู่เสี่ยงฝันครับ ผม ผมกับพ่อแม่เพิ่งลงจากเครื่องบิน แล้วคลาดกัน แงงงงง!” ฉู่เสี่ยงฝันตกใจกับรถพวกนั้นเขาร้องไห้ออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด
“เซ็งจริงๆ เลยโว้ย ไอ้หน้าโง่นี่มันโผล่มาจากไหนกัน? ทำเอาคืนนี้เราแข่งกันไม่ได้เลย?” ชายหนุ่มกำยำที่ใส่แว่นดำคนหนึ่งเดินเข้ามา จ้องมองหลินอิ่งด้วยแววตาที่โกรธเคือง
“สงสัยคงเพิ่งลงจากเขา คงเป็นคนจนๆ จากนอกเมื่อที่มาท่องเที่ยวล่ะมั้ง? ดูท่าทางจนๆ ของมันสิ อุบาทว์ตาจริงๆ!” หญิงสาวที่คาบบุหรี่คนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
หลินอิ่งพิจารณาคนพวกนี้ไปแวบหนึ่ง แล้วสังเกตเห็นแววตาของวัยรุ่นพวกนี้กำลังล่องลอย ล่องลอยอย่างมาก ดูแล้วจะไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่
“เมาเหรอ? เมาแล้วยังขับเร็วแบบนี้อีก?” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง พวกคุณรู้รึเปล่าว่าเกือบชนคนตายแล้ว?”
“ฉันจะกินเหล้ายังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก? ฉันคนคนตายแล้วแกมายุ่งอะไรด้วย? อยากเป็นฮีโร่ใช่มั้ย?” ชายที่เป็นเจ้าของลัมโบร์กินีรู้สึกโกรธมาก เขาชี้มาที่หน้าของหลินอิ่ง เผยให้เห็นรอยสักตรงแขน “แกมันก็แค่ไอ้บ้านนอกต่อให้ฉันชนไอ้เด็กเวรนั่นตายไปจริงๆ แล้วมันจะยังไง? ก็แค่ชีวิตที่ต่ำต้อยชีวิตเดียว แค่ชดใช้นิดหน่อยก็พอ เทียบกับล้อรถของฉันยังไม่ได้เลย!”
“เพราะ” อ้าบัดซบอย่างแกแท้ๆ ทำให้รถของฉันต้องเสียหลัก ทำเอาใจหายหมดเลย! ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับฉันจนฉันได้รับบาดเจ็บจะทำยังไง? ชีวิตที่ไร้ค่าของพวกแกสองคนรวมกันยังเทียบกับนิ้วเดียวของฉันไม่ได้เลย พอถึงตอนนั้นพวกแกต้องได้ตายทั้งครอบครัวเข้าใจมั้ย?”
“คือจะไม่ยอมคุยกันด้วยเหตุผลสินะ?” หลินอิ่งถามไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ชายรอยสักถ่มน้ำลายออกมา จากนั้นก็ทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม “เหตุผลบ้านแม่แกสิ กับแค่ไอ้บ้านนอก ไอ้ยาจกอย่าแก ยังคิดจะมาคุยเรื่องเหตุผลกับฉันอีกเหรอ? แกมีคุณสเหรอ?”
“ฮึฮึ คุณชายเลี่ยว มันบอกว่ามันอยากจะคุยด้วยเหตุผล ได้ เดี๋ยวฉันจะคุยกับมันด้วยเหตุผลเอง” ชายร่างกำยำนั้น ถกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นนาฬิกาวาเชอรองคองสตองแตงของเขา ท่อนแขนที่กำยำของเขาเต็มไปด้วยรอยสักที่เป็นอักษรภาษาอังกฤษกับรูปไม้กางเขน
“แกรู้รึเปล่าว่าเราเป็นใคร? เคยได้ยินชื่อคลับแข่งรถในตี้จิงมั้ย?” ชายหัวโล้นพูดออกมาอย่างสนุกปาก “เลี่ยวยุ่นเฟยพ่อของคุณชายเลี่ยวก็คือเจ้าของของคลับแข่งรถเฟยเหา! และยังเป็นประธานของบริษัทเฟยเหาด้วย ในสนามบินเชียงเจียงนี้ ใครที่ไม่รู้บ้างว่าถนนเส้นนี้เป็นสนามแข่งรถของคลับในตี้จิง? คงมีแต่แกกับไอ้เด็กเวรนั่น ไอ้บัดซบที่ไม่แหกตาดู ถึงกล้าเดินเข้ามาในถนนเส้นนี้ ถูกชนตายก็สมควรแล้ว!”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย พูดออกไปอย่างใจเย็นว่า “ฮาเดส โทรหานายคริส ให้เขาเช็กดูอย่างละเอียดว่าเจ้าของบริษัทเฟยเหาเป็นใคร”
ฮาเดสจ้องมองวัยรุ่นพวกนั้นด้วยที่หน้าที่เย็นชา แล้วหยิบมือถือออกมาโทร
ลูกผู้ดีพวกนี้ เมาแอ๋กันทุกคน แถมยังเล่นยาอีก เมาไม่ได้สติแล้วยังมาซิ่งรถตอนดึกอีก ไม่รู้รอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง? ดูแล้ว คงเส้นใหญ่ในเมืองก่างหน้าดู
“โอะโอ๋? คิดจะเรียกคนมาอีก? ไอ้ยาจกอย่างแกยังคิดจะแหกตากันอีกเหรอ? ฉันว่าแกมันก็แค่รนหาที่ตายเท่านั้น!” ชายหัวโล้นตะโกนด่า เงื้อมมือขึ้นมาแล้วเหวี่ยงใส่หลินอิ่งไป
พรึบ!
ฮาเดสยื่นมือมารับหมัดของชายหัวโล้นเอาไว้ พอบิดข้อมือ ทันใดนั้น ชายหัวโล้นก็ลอยขึ้นมาหนุนกลางอากาศร้อยแปดสิบองศา จนกระแทกลงไปนอนกระอักเลือดกับพื้น
“เอื้อ! คุณชายเลี่ยว มันกล้าทำร้ายฉัน ต้องเอามันให้ตายเลย!” ชายหัวโล้นตะโกนออกมาเสียงดัง
“เชี่ย กล้าใช้กำลังเหรอ? แม่ง อยากมีเรื่องนักใช่มั้ย? ได้ ถึงฉันชนไอ้เด็กเวรนี่ตายมันก็เรื่องของฉันแกคิดว่าแกเก่งนักใช่มั้ย? รู้สึกว่าไม่สะใจรึไง?” เลี่ยวยุ่นเฟยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“วันนี้ฉันต้องชนไอ้ชาติหมาอย่างแกจนตายให้ได้!” เลี่ยวยุ่นเฟยพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม
สีหน้าของหลินอิ่งค่อยๆ เยือกเย็นเข้าไปทุกที นี่มันไม่มีขื่อไม่มีแปเอาซะเลย กินเหล้าเมายาขับรถชนคนอีก ยังสามารถทำตัวมั่นอกมั่นใจได้แบบนี้อีก?
บรึ้นๆ!
เลี่ยวยุ่นเฟยขึ้นไปนั่งบนรถลัมโบร์กินีคันนั้น พอเหยียบคันเร่ง รถสปอร์ทก็ดังขึ้นมา มันกำลังจะกลับรถมาชนหลินอิ่ง
“มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร คุณชายเลี่ยวซิ่งรถจนชนคนตายในเมืองก่าง อย่างมากก็แค่ชดใช้ค่าเสียหายนิดหน่อยก็จบแล้ว”
“ถูกต้องที่สุด ทางบ้านของคุณชายเลี่ยวน่ะรู้จักทนายใหญ่ๆ ตั้งหลายคน สามารถจัดการเรื่องนี้ได้สบาย”
พวกลูกผู้ดีต่างมองหลินอิ่งด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ รอที่จะได้เห็นหลินอิ่งถูกชนจนกระเด็น จนไปนอนจมกองเลือดกับพื้น
หลินอิ่งที่สีหน้าเรียบเฉย พูดขึ้นมาว่า “ทำให้พวกนั้นส่างเมาหน่อยสิ”
ฮาเดสพยักหน้า พุ่งเข้าไปก็ถีบใส่ เสียงดังสนั่น รกลัมโบร์กินีที่เพิ่งติดเครื่องเมื่อกี้ถูกถีบจนท้องหงาย
จากนั้นฮาเดสก็ลากคอเลี่ยวยุ่นเฟยออกมาจากรถ ป้าบๆ ตบใส่หน้าไปสองที ทำเอาเขาหมุนค้างอยู่กลางอากาศสองรอบก่อนจะตกลงไปนอนกระอักเลือดอยู่ที่พื้น
“อ้า! ทำไมแรงมันถึงได้เยอะแบบนี้?”
เชี่ย กล้าทำร้ายแม้กระทั่งคุณชายเลี่ยวเลยเหรอ?”
ทุกคนต่างตื่นตกใจกับการกระทำของบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายหลินอิ่ง
พลังการต่อสู้ที่ฮาเดสแสดงออกมา มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“อ้า! กล้าทำร้ายฉัน พ่อฉันคือเลี่ยวจ้งชิวนะ! เดี๋ยวฉันจะตามคนมาให้กระทืบ” ไอ้บ้านนอกอย่างแกสองคนจนตายเลย” เลี่ยวยุ่นเฟยแหกปากดังลั่น ถูกฮาเดสกระทืบจนทั้งโกรธทั้งกลัว