“แก! แกหาที่นี่เจอได้ยังไง?” ปรมาจารย์ถามด้วยใบหน้าที่แตกตื่น แววตาก็แตกตื่นไม่ต่างกัน ต่อให้พยายามทำหน้าสงบแค่ไหน แต่มือทั้งสองข้างกลับกำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
การปรากฏตัวอย่างเหนือธรรมชาติของหลินอิ่งทำให้เขาแทบจะสิ้นหวังไปแล้ว
ปรมาจารย์ลองคิดอีกมุมหนึ่ง ในด้านวิชาการต่อสู้ของแก๊งมังกรนั้นไม่ได้ขาดการวิเคราะห์แบบปราชญาเลย……
พลาดแล้วไง! ลืมจุดนี้ไปสนิทเลย! ดันพานักบวชเฒ่าที่อยู่ในวัดนั่นติดตัวมาด้วย นักบวชเฒ่านั่นเพิ่งพบกับหลินอิ่งเมื่อกี้ เพิ่งเห็นหน้ากันไป
ที่สำคัญกว่านั้นคือ นักบวชเฒ่าอาศัยอยู่ที่วัดเต๋าซานซิงมาเป็นปี ในวัดก็มีแต่ร่องรอยของเขาเต็มไปหมด เก้าอี้กับเบาะสานเขาก็เคยนั่งมาแล้ว พวกมันต่างก็เป็นวัตถุธรรมชาติที่สามารถเอามาวิเคราะห์ได้
ส่วนคนคนนั้นก็ได้รับการถ่ายทอดจากประมุขคนก่อนมาอย่างถ่องแท้ เขามีครบทั้งจังหวะเวลา สถานที่และการดึงดูดผู้คน ถ้าต้องการคาดการณ์ตำแหน่งของนักบวชเฒ่าว่าอยู่ตรงไหนในเมืองโบราณนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก!
“ท่าน ท่านคือผู้สืบทอดของประมุขคนก่อนเหรอครับ?” ปรมาจารย์น้ำเสียงสั่นเครือ เขาพูดออกมาอย่างระมัดระวัง
หลินอิ่งยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ แววตาเย็นเยือกอย่างถึงที่สุด “เมื่อกี้คุณยังพูดอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าผมเป็นคนทรยศของแก๊งมังกรน่ะ?”
“ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ พูด!”
น้ำเสียงที่เย็นเยือก ราวกับสายฟ้าที่ดังสนั่นหวั่นไว้อยู่ในหัวของปรมาจารย์ มันทำให้เขายืนอึ้งอยู่กับที่ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ผะ……ผมยอมพูดแล้วครับ” ปรมาจารย์ก้มหน้าก้มตา แล้วพูดออกมาช้าๆ
ซิ่ว!
เพียงพริบตาเดียว แสงแวบหนึ่งวิ่งผ่านดวงตาของปรมาจารย์ไป เขาตัดสินใจลงมือทันที
“เอื้อ!”
“อ้า!”
ปรมาจารย์ไม่ได้ลงมือกับหลินอิ่ง แต่หันหันไปเลื่อนมือผ่านลำคอของคนชุดดำทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเขา
ในเวลาสั้นๆ คนชุดดำสองคนที่ตกอยู่ในความกลัวก็ถูกมีดในมือของปรมาจารย์เชือดผ่านลำคอไปโดยไม่ทันตั้งตัวเลือดสดๆ ไหลออกมามากมาย จนล้มตายไปในทันที!
แม้แต่นักบวชเฒ่าที่นอนอยู่บนพื้นก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน ถูกมีดบินเชือดผ่านลำคอไป จนสิ้นชีพไปทันที
ปรมาจารย์ลงมือได้อย่างรวดเร็ว เรียบง่ายแต่เด็ดขาด
“อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันคิดว่าต่อหน้าคนคนนี้พวกแกไม่มีทางเก็บความลับอยู่อย่างแน่นอน ส่วนฉัน เดี๋ยวก็ได้ลงไปอยู่เป็นเพื่อนพวกแกแล้ว……” ปรมาจารย์มองดูลูกน้องทั้งสองที่เพิ่งตายไปด้วยสายตาที่เจ็บปวด แล้วพูดอยู่คนเดียวราวกับคนเสียสติ
ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเห็นแล้วช่างชวนขนลุกเหลือเกิน
“ให้เป็นคนสั่งให้คุณมาเฝ้าที่นี่? ใครทำให้คุณจงรักภักดีได้ขนาดนี้?” หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ถามไปอย่างใจเย็น
“ฮึๆฮึ……” ปรมาจารย์ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ แก๊งมังกรได้เปลี่ยนประมุขไปนานแล้ว มันสายไปแล้ว! ถ้ายังคิดจะตามสืบต่อไป คุณก็คงรอดได้อีกไม่นานหรอก!”
“เมื่อก่อน ผมเคยติดหนี้บุญคุณประมุขคนก่อนมาก่อน เพื่อเห็นแก่บุญคุณครั้งนั้น ผมจะบอกคุณอย่างหนึ่งว่า ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด คุณก็ควรซ่อนตัวต่อไป! ทิ้งความคิดเรื่องตำแหน่งประมุขไปซะ ล้มเลิกเรื่องที่จะครอบครองแก๊งมังกรไปได้เลย”
“ความจงรักภักดีนั้นมีให้แค่คนคนเดียว นี่คือข้อมูลสุดท้ายที่ผมจะบอกคุณได้ สำหรับประมุขคนก่อนผมก็ถือว่าทำอย่างสุดความสามารถแล้ว! ส่วนข้อมูลอื่นๆ คุณก็อย่างหวังจะได้อะไรจากปากผมอีกเลย”
ซิ่ว!
พูดจบ ปรมาจารย์ก็ใช้มีดในมือเชือดผ่านลำคอของตัวเองทันที
เสียงฉึกดังขึ้น ปรมาจารย์คุกเข่าลงพื้นอย่างแรง เลือดมากมายไหลออกมาจากทางลำคอ เขาเลือดที่จะปลิดชีพตัวเองไป
หลินอิ่งกระตุกคิ้วเล็กน้อย สีหน้าแสดงความนับถือ
ปรมาจารย์คนนี้ น่าจะเป็นปรมาจารย์ยามมังกรเขียวที่ซ่อนตัวอยู่ในตี้จิง
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรถึงทำให้เขาแปรพักตร์ไปได้ เขาหันไปอยู่คนละฝั่งกับตัวเองอย่างชัดเจน……เขาถึงขั้นออกมาเคลื่อนไหวตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังรอคอยตัวเองอยู่ตรงนี้อีกด้วย
บางทีสถานการณ์ของแก๊งมังกรอาจจะแย่กว่าที่เขาคิดก็ได้นะ
หลินอิ่งค่อยๆ หลับตาลง คาดการณ์ทุกความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้น
สิ่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ เกิดปัญหาขนาดใหญ่ขึ้นภายในแก๊งมังกร! มีคนแอบอ้างตำแหน่งประมุขของแก๊งมังกรอย่างมิชอบ!
ยามมังกรเขียวที่เคยซ่อนตัวอยู่ในตี้จิง ได้รับคำสั่งเด็ดขาดให้รออยู่ในจุดที่ยามมังกรเขียวซ่อนตัวอยู่เพื่อเฝ้ารอการมาของเขา!
ต้องรู้ก่อนว่า องครักษ์มังกรของแก๊งมังกรนั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยพลการได้
แก๊งมังกรสำนักอู่เหมินสิบสองต่างก็รับคำสั่งจากประมุขแก๊งเท่านั้น
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ได้ตกอยู่ในแผนการที่วางไว้มานานแล้ว
เห็นได้ชัดว่า แก๊งมังกรไม่ได้อยู่ในการควบคุมของประมุขแก๊งอย่างเขาแล้ว
แต่มีคนที่แอบอ้างตำแหน่งประมุขแก๊ง อีกทั้งยังมีตำแหน่งที่สูงส่งน่าเกรงขาม จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับแก๊งมังกรได้!
หลินอิ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้น พร้อมกับแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
หลายปีที่ตัวเองเก็บตัวอยู่นั้น เกิดอะไรขึ้นกับแก๊งมังกรบ้างนะ?
อาจารย์ที่ผ่านด่านความเป็นความตายไปได้ ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้วนะ?
“ประมุขแก๊ง” ที่ปรมาจารย์พูดถึงนั้นเป็นใครกันแน่?
ตั้งแต่ที่เขาออกจากภูเขามา นี่เป็นใครแรกเลยที่เขารู้สึกกดดันแบบนี้!
จะเคลื่อนย้ายองครักษ์มังกรง่ายๆ อีกไม่ได้……
ตอนนี้แก๊งมังกรที่อาจารย์ส่งต่อให้ได้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของตัวเองแล้ว แถมยังได้มองตัวเองเป็นผู้ทรยศของแก๊งแล้วด้วย!
มัน มันคือต้นตอของความอันตรายที่สุดของตนเองในตอนนี้แล้ว!
แก๊งมังกร มันเป็นถึงตัวตนที่สามารถส่งผลกระทบไปทั่วทั้งโลกได้เลยนะ!
ทั้งชีวิตของหลินอิ่งนั้น อาศัยอยู่ที่การค้าพบขั้นสูงสุดของชีวิต เขาสามารถมองข้ามตำแหน่งประมุขแก๊ง ไม่ลุ่มหลงในอำนาจ เขาสามารถกลับไปเก็บตัวได้เหมือนเดิม
แต่จิตใจที่รับผิดชอบของเขาไม่อนุญาตให้เข้าทิ้งขว้างแก๊งมังกรไว้แบบนั้น ปล่อยให้คนอื่นเก็บไป จากนั้นก็หันกลับมาไล่ล่าเขา!
ทางเหนือของประเทศหลุง เคยมีประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจควบคุมความเป็นไปของโลกใบนี้ สหภาพไซบีเรีย ด้วยความไม่เอาไหนของผู้นำคนหนึ่งนั่นแหละที่ทิ้งขว้างอำนาจลงพื้น จนถูกคนบ้าคนหนึ่งเก็บได้ ทำให้สหภาพถึงกับต้องล่มสลาย แตกซ่านจนไม่เหลือชิ้นดี ความสามารถของประเทศถดถอยประชาชนตกทุกข์ได้ยาก ถดถอยจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าไม่อาจพื้นคืนกลับมาได้อีก ถูกประเทศที่เป็นคู่อริกดขี่ข่มเหงจนถึงที่สุด
เขา หลินอิ่งคนนี้ ไม่มีทางนั่งดูแก๊งมังกรอันเป็นองค์กรขนาดใหญ่แบบนี้ต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่น แล้วไปก่อกรรมทำชั่วอย่างตามใจชอบได้หรอก!
ถ้ามีใครบอกว่า ด้วยกำลังของคนแค่คนเดียว แล้วคิดที่จะต่อต้านแก๊งมังกร คนอื่นก็จะคิดว่ามันเป็นเพียงคำพูดที่ไร้สาระกับความพยายามที่ไร้ความหมายของคนโง่เท่านั้น
แต่ว่า หลินอิ่ง ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางที่ยากลำบากแบบนั้นแหละ!
ทว่า เรื่องของแก๊งมังกรนั้น มันค่อนข้างใหญ่ ต้องค่อยๆ ดำเนินการ วันนี้ เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแก๊งมังกรเลย
หลังจากไตร่ตรองได้ซะพัก หลินอิ่งก็ทำหน้าจริงจัง จากนั้นก็เดินออกจากลานบ้านไป
……
ในวันเดียวกัน หลินอิ่งได้เดินจากอำเภอหลงซิงกลับมาที่ตี้จิง
เขตจงเทียน จงเทียนซิงเฉิง
หลินอิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ภายในห้องทำงานของประธาน บนโต๊ะมีชาแดงตั้งอยู่หนึ่งกา เขาค่อยๆ ดูดบุหรี่อย่างช้าๆ
ถังฮุยยืนอยู่ข้างๆ กำลังรายงานเรื่องที่คราวก่อนไปจัดการเรื่องของสวีฉางเฟิงอย่างยุติธรรมที่เขตหัวหยางให้เขาฟัง
คราวก่อนท่านอิ่งสั่งให้เขาพาฮาเดสไปทำงานที่เขตหัวหยาง ตอนที่กำลังสู้กับสวีฉางเฟิงและพวกเหยียนหลงอย่างเมามัน และเขาตั้งใจจะจัดการกับเหยียนหลงนั้นเอง
จู่ๆ ตระกูลสวีก็เลือกที่จะก้มหัวให้กับท่านอิ่ง ยอมละทิ้งเค้กก้อนใหญ่อย่างเขตหัวหยางไป ไม่เพียงเรียกตัวสวีฉางเฟิงกลับไป แถมยังจับตัวเหยียนหลงมาส่งให้อีกด้วย เขาจึงถือโอกาสทุบตีทั้งที่เหยียนหลงถูกมัดอยู่ ตีจนเหยียนหลงเสียผู้เสียคนไปเลย!
“ท่านอิ่งครับ ตอนนี้เขตหัวหยางได้สงบลงแล้ว คุณอยากให้ทำอะไรกับเขตหัวหยางอีกไหมครับ?” ถังฮุยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินอิ่งเหมือนไม่ตั้งสนใจฟังสิ่งที่เขารายงานมาเลย เอาแต่มองไปยังท้องฟ้าและก้อนเมฆที่อยู่นอกหน้าต่างด้วยแววตาอันเรียบเฉย พร้อมกับพ่นกลุ่มควันออกจากปาก
ถังฮุยเข้าใจและไม่คิดที่จะไปขัดจังหวะความคิดของหลินอิ่ง เขาได้แต่รู้สึกแปลกใจและสงสัย
ท่านอิ่ง วันนี้ดูเครียดๆ
มันจึงทำให้ถังฮุยรู้สึกแปลกใจมาก!