บทที่ 254 คุณชายสวี
หลิวเป่าพูดอย่างไม่มีเยื่อใย เหยียบหน้าสวีเหอไว้ใต้เท้าโดยสิ้นเชิง ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
“คุณ……” สวีเหอสีหน้าแดงก่ำ อย่าตอบกลับ แต่ก็ไม่กล้า
คำพูดของหลิวเป่าเป็นความจริง ในวงการเครื่องประดับตี้จิง ฐานะของสวีเหอยังห่างหลิวเป่าอีกเยอะ ความสามารถก็เทียบไม่ได้
หากไม่ไว้หน้าหลิวเป่าจริง แค่คำเดียว เขาก็ไม่ต้องทำธุรกิจในวงการเครื่องประดับอีกต่อไป
ถ้าหากธุรกิจเครื่องประดับในมือได้รับผลกระทบ ตำแหน่งสวีเหอในตระกูลสวีอันน้อยนิดที่มีอยู่ ก็จะไม่เหลืออีกต่อไป
“พอแล้ว สวีเหอ คำพูดฉันก็พูดถึงตรงนี้ หวังว่าคุณจะรู้จักเจียมตัว” หลิวเป่าพูดช้าๆ “คุณหลินกับคุณนายหลินเป็นแขกพิเศษของผม คุณจงใจหาเรื่องพวกเขา ก็คือหาเรื่องผม เข้าใจหรือยัง?”
หลิวเป่าไม่ได้มีสวีเหออยู่ในสายตา ตระกูลสวีถือว่ามีชื่อเสียงในตี้จิง แต่ลูกหลานตระกูลสวี รวมกันแล้วมีเป็นร้อย ตำแหน่งอย่างสวีเหอในตระกูลสวีไม่ใช่อะไรเลย ได้แค่ใช้ชื่อตระกูลสวีข่มขู่คนอื่นข้างนอกเท่านั้น
ความจริง พอสวีเหอทำธุรกิจเครื่องประดับได้ไม่ดี ก็จะหมดความเชื่อมั่นในตระกูลสวีทันที ไม่มีความสำคัญในตระกูลสวีแม้แต่น้อย
“คุณหลิน คุณนายหลิน เชิญทางนี้ ผมพาพวกคุณเยี่ยมชมงาน” หลิวเป่าไม่ได้สนใจพวกสวีเหอ สีหน้ายิ้มแย้มพูดกับหลินอิ่งจางฉีโม่
“อืม” หลินอิ่งพยักหน้า
ตามนั้น หลิวเป่านำทางอยู่ข้างหน้า เดินเข้าไปในงานพร้อมพูดคุยกับหลินอิ่งด้วยรอยยิ้ม
ภาพนี้ดูในสายตาของพวกสวีเหอกับจูฟางแล้ว สีหน้าแดงก่ำ รู้สึกอาบอาย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไอ้ไร้น้ำยาเกาะเมียกินนี่ยังรู้จักกับหลิวเป่า?” จูฟางพูดด้วยสีหน้าไม่ดี คิดไม่ถึงว่าจะโดนไอ้ลูกเขยไร้น้ำยาคนนี้ทำหน้าแตกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เข้าใจจริงๆ เขามีความสามารถอะไรกันแน่ เอามนุษยสัมพันธ์พวกนี้มาจากไหน
“ไอ้ไร้น้ำยาแซ่หลินคนนี้ หางยาวจริงๆ ก็แค่สุนัขกระดิกหางเกาะคนอื่นเท่านั้น”
สวีเหอสีหน้าหม่นหมอง พูดอย่างไม่พอใจ “ต้องเป็นเพราะถังฮุยแน่นอน ไอ้ไร้น้ำยานี้ให้ถังฮุยแนะนำให้รู้จักหลิวเป่า”
ตอนแรกวันนี้เตรียมตัวจะมาแก้แค้นหลินอิ่ง ปรากฏว่าโดนหลิวเป่าทำเอารับมือแทบไม่ทัน โดนเขาด่าต่อหน้าผู้คนอีกแล้ว สวีเหอโมโหจนอยากฆ่าคน
“คุณชายสวี นี่มัน หรือว่า พวกเราทำอะไรมันไม่ได้จริงๆ?” จูฟางถามด้วยสีหน้าลังเล เริ่มสงสัยความสามารถของสวีเหอ
ถ้าสวีเหอยังทำอะไรหลินอิ่งไม่ได้ ถ้ากลับเมืองตุงไห่แล้ว เธอต้องขายหน้ามากแน่ไหน อีกหน่อยในวงการเครื่องประดับเมืองตุงไห่ จะเงยหน้าต่อหน้าจางฉีโม่ยังไง?
“เหอะ ทำอะไรไม่ได้?” สวีเหอหัวเราะเย็นชา สายตายิ่งดูเย็นชา “เมื่อกี้ถ่ายรูปของจางฉีโม่หรือยัง? ส่งมาให้ฉัน ฉันจะติดต่อพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้”
“รอพี่ชายฉันมา หลิวเป่าก็เถอะ ถังฮุยก็ช่าง ก็ต้องยอมก้มหัวก็โดยดี” สวีเหอหัวเราะเจ้าเล่ห์ สีหน้าเลวร้าย
อีกฝั่งหนึ่ง หลินอิ่งกับจางฉีโม่มาถึงศูนย์กลางลานแสดงสินค้า มีตู้กระจกขนาดใหญ่วางอยู่หลายตู้ ด้านในเป็นผลงานของหลิวเป่าที่เขาภูมิใจหลายชิ้น ผลงานที่มีชื่อเสียง จี้พลอยราคาพันล้าน และงานแกะสลักหยก
“คุณหลิน คุณนายหลิน เรื่องที่พวกคุณพูดผมเข้าใจ” หลิวเป่าพูดขึ้นใจเย็น “คุณนายหลิน ข้อมูลของบริษัทคุณผมได้รับแล้ว เดียวทางผมจะจัดการเอง ใช้ทางสมาคมจัดทำการโฆษณาให้บริษัทคุณ ถ้าหากมีความสนใจอยากร่วมงาน บอกผมได้ตลอด ตลาดเครื่องประดับในตี้จิงผมคุ้นเคยดี ผมสามารถช่วยพวกคุณแก้ปัญหาได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอขอบคุณอาจารย์หลิวด้วยค่ะ” จางฉีโม่พูดอย่างเกรงใจ
“ฮาฮา คุณนายหลินเกรงใจเกินไป ความจริงแล้ว คุณนายหลิน ภาพออกแบบเครื่องประดับที่คุณเอามาในครั้งนี้ และงานออกแบบหลายชิ้น ผมรู้สึกชอบมาก มีความพรสวรรค์จริงๆ อายุยังน้อยก็สามารถออกแบบเครื่องประดับที่สร้างสรรค์ขนาดนี้ได้ อนาคตไกลแน่นอนครับ” หลิวเป่ายิ้ม พูดชื่นชม “ตอนผมอายุเท่าคุณ ยังเป็นเด็กฝึกงานในตลาดหยกอยู่เลย”
“โดยเฉพาะงานจี้ที่ชื่อว่า‘King of the world’ช่างงดงามเหลือเกิน ผมได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว และไปเห็นมากับตา พูดตามตรง ช่างเป็นงานที่น่าสะสมอันดับหนึ่งในประเทศหลุงจริงๆ” หลิวเป่าพูดชื่นชม “ถ้ามีโอกาส และหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณนายหลินเพื่อสร้างแบรนด์เครื่องประดับขึ้นมาเอง”
“อาจารย์หลิวชมเกินไปค่ะ” จางฉีโม่พูดด้วยรอยยิ้ม “งานจี้ King of the world ความจริงแล้วเป็นไอเดียของสามีฉันหลินอิ่งสักส่วนใหญ่”
King of the world เป็นงานที่สร้างชื่อเสียงของจางฉีโม่ เป็นงานที่เธอรู้สึกภูมิใจ และมีความหมายกับเธอมาก
จนถึงวันนี้ จี้ราคาล้ำค่าชิ้นนี้ยังคงเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อของจางฉีโม่ ทุกวันก่อนนอน เธอก็จะนำมาใส่ดูทุกวัน รักและหวงแหน เพราะนี่คือของขวัญที่หลินอิ่งให้เธอ
“ครั้งนี้ ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของอาจารย์หลิวมาก ถ้ามีเวลา ฉันขอเชิญอาจารย์หลิวทานข้าวด้วยกัน” จางฉีโม่พูดอย่างจริงใจ
“ฮาฮา คุณนายหลินเกรงใจแล้วครับ นี่ไม่ใช่ผมช่วยเหลือ แต่เป็นเพราะคุณนายหลินมีความสามารถจริง ระดับงานออกแบบเครื่องประดับของบริษัทคุณ ก็อยู่อันดับต้นๆในวงการแน่นอน” หลิวเป่าพูดสีหน้าจริงจัง
ขณะที่ทั้งสามคนพูดคุยกันรื่นเริง ทันใดนั้น บอดี้การ์ดชุดสูทกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามา เรียงแถวซ้ายขวา ท่าทางน่าตกใจ
หลินอิ่งกับจางฉีโม่อันไปมอง
เห็นเพียงชายชุดสูทเรียงกันสองแถว เคลียร์พื้นที่พรมแดงตรงกลางออกมา เสมือนต้อนรับดารา มีชายหนุ่มชุดสูทลายเสือเดินมาจากตรงกลาง ข้างหลังเขา สวีเหอเดินตามมา ท่าทางเหมือนลูกน้องติดตาม
หลิวเป่าก็หันไปมอง สายตาเปลี่ยนไปเหมือนตกใจ “นี่คือ? คุณชายสวี”
“คุณชายสวี วันนี้ทำไมถึงได้มีเวลาอาคารเหยียนหวงได้? มีธุระอะไรหรือครับ” หลิวเป่าทักทายสีหน้ายิ้มแย้ม
หลินอิ่งขมวดคิ้ว เขาดูออกจากสีหน้าท่าทางของหลิวเป่า ดูเหมือนหลิวเป่าจะเกรงกลัวชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อย
“หลิวเป่า? วันนี้ผมไม่ได้มาหาคุณ คุณหลบไปข้างๆแล้วอยู่เฉยๆ แต่ว่า เดี๋ยวผมมีเรื่องจะหาคุณ อยู่เฉยๆไว้” คุณชายสวีพูด คำพูดโอหัง เหมือนเห็นงานแสดงสินค้าเป็นบ้านตัวเอง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา
“เอ่อ…..ครับ คุณชายสวีมีอะไรก็สั่งได้เลยครับ ผมจะทำให้สุดความสามารถ” หลิวเป่าท่าทีใส่ใจ “คุณชายสวี” คนนี้มา ตอบคำถามจนเหงื่อท่วมหัว เหมือนมีความกดดันมาก