บทที่ 165 รีบกราบเดี๋ยวนี้
“นายท่านครับ ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”
“ใช่ค่ะคุณปู่ รู้สึกดีขึ้นไหมคะ?”
ไม่นาน คนของตระกูลกงซุนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ถามไถ่ขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
ตาของกงซุนฉงหลงหรี่ลงเล็กน้อย แล้วมองดูคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไปหนึ่งรอบ ถามด้วยเสียงเบาๆ “ใช้ได้ เมื่อสักครู่นี้หมอเทพท่านไหนรักษาข้าให้หายดี?”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าของคนในเหตุการณ์ต่างก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะลูเหลียงยู่และกงซุนเฟยเทียน สีหน้าของเขาสองคนแย่จนถึงขีดสูงสุด
นี่มันอะไรกัน? ไอ้คนบ้านนอกที่ชื่อว่าหลินอิ่งแค่ทำการรักษาอย่างสะเพร่า นายท่านก็ฟื้นมาแล้ว? หมอสากลหมอยาจีนทั้งหมดที่เสียเงินจ้างมาเป็นล้านก่อนหน้านี้ พวกขาทำอะไรกัน?
กงซุนชิวอวี่และกงซุนเฟยหงแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา พวกเขากำลังจะเอ่ยปากพูดอย่าง
“เพราะอาจารย์ลูครับ!” กงซุนเฟยเทียนพูดออกมาอย่างเด็ดขาด “พ่อครับ ก่อนหน้านี้อาจารย์ลูฝังเข็มช่วยให้การไหลเวียนโลหิตของพ่อดีขึ้น แล้วเขียนใบสั่งยาให้ ตอนนี้ท่านจึงได้ฟื้นขึ้นมาครับ”
“ใช่ครับ นายท่านครับ ตอนนี้นายท่านดีขึ้นหรือยังครับ?” ลูเหลียงยู่ก็พูดตามน้ำไป และเสแสร้งขึ้นมา
“ดูเหมือนว่า ท่านจะหายดีขึ้นเยอะแล้วนะครับ ใบสั่งยานี้ได้ผลดีจริงๆ”
เขาทั้งสองรีบเดินเข้าใกล้นายท่านกงซุน และพูดขึ้นมาด้วยความประจบ
กงซุนชิวอวี่เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกตะลึงขึ้นมาทันที หน้าด้านเกินไปรึเปล่า? เห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อสักครู่นี้พี่ฉีหยิ่นเป็นคนรักษานายท่านจนฟื้นกลับมา
แต่พวกเขากลับพูดว่าเป็นฝีมือของตัวเองอย่างไร้ยางอาย?
“อะแฮ่ม เฟยเทียน อาจารย์ลู พวกคุณพูดอะไรระวังกันหน่อยได้หรือไม่?” กงซุนเฟยหงจ้องมองไปที่ทั้งคู่ด้วยสายตาที่เย็นชา
และพูดอย่างจริงจังว่า “พ่อครับ คนที่รักษาพ่อจนฟื้นกลับมาเมื่อสักครู่นี้คืออาจารย์หลิน เป็นหมอเทพที่มาจากมณฑลตุงไห่ ชิวอวี่เป็นคนไปเชิญท่านที่มณฑลตุงไห่โดยเฉพาะครับ”
พูดไปกงซุนเฟยหงก็ผายมือแนะนำหลินอิ่งไปด้วย
“อาจารย์หลินที่มาจากมณฑลตุงไห่?” กงซุนฉงหลงขมวดคิ้วขึ้นมา และมองไปที่หลินอิ่ง สายตาของเขาไม่ค่อยเชื่อถือ เขาเองก็รู้สึกว่าอาจารย์ท่านนี้อายุยังน้อย เพิ่งจะอายุ20ต้นๆ?
“พี่ใหญ่ครับ พี่ยังเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของลูกเขยไม่เอาไหนคนนี้อยู่ใช่ไหม? ไอ้คนแซ่หลินมันหลอกลวงชัดๆ! ทำตัวเสแสร้งหลอกลวง” กงซุนเฟยเทียนพูดอย่างเด็ดขาด “นี่เป็นผลจากการที่อาจารย์ลูฝังเข็มและจ่ายยาต่างหาก สุดท้ายไอ้คนแซ่หลินก็มาแย่งผลงานไป และแสร้งว่าเป็นเพราะฝีมือของตน”
“ถูกต้องครับ” ลูเหลียงยู่พูดพร้อมเอามือลูปเครา “ทุกท่านครับ เมื่อสักครู่นี้ผมได้อธิบายเกี่ยวกับอาการของนายท่านให้พวกท่านฟัง และยังฝังเข็มไปครึ่งชั่วโมง และสั่งจ่ายยาราคาแพง ขั้นตอนนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก ทุกคนก็คงเห็นเช่นกัน และเพราะการทำงานอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ของเรา อาการของนายท่านจึงดีขึ้น”
“สิ่งที่อาจารย์ลูพูดสมเหตุสมผลมากเลยครับ! พี่ใหญ่ครับ ชิวอวี่ พวกคุณลองคิดดูสิ แค่หลินอิ่งนักต้มตุ๋น หยิบเข็มขึ้นมาแล้วทำท่าทีฝังเข็ม ก็สามารถทำให้อาการของนายท่านดีขึ้นได้อย่างนั้นหรือ?”
กงซุนเฟยเทียนกล่าว “เห็นได้ชัดเลยว่า นี่เป็นผลงานของอาจารย์ลู ส่วนหลินอิ่งก็แค่เสแสร้งทำเหมือนรักษาเพียงเท่านั้น แค่ฝีมือการฝังเข็มกระจอกๆ ของเขา มันจะได้ผลอะไร”
ทั้งคู่พูดตามน้ำกันไป ราวกับว่าเรื่องมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ
“พี่ใหญ่ครับ พี่อย่าเชื่อนักต้มตุ๋นที่แซ่หลินเลย สิ่งที่พี่ชายรองพูดสมเหตุสมผลกว่า นี่เป็นผลจากการรักษาของอาจารย์ลูอย่างแน่นอน”
“นายท่านครับ เรื่องราวเป็นมาเช่นนี้ครับ ไอ้นักต้มตุ๋นแซ่หลินคนนี้เขาแค่แสร้งทำเป็นรักษาท่าน คนที่รักษาท่านจนหายดีคืออาจารย์ลูครับ”
คนของตระกูลกงซุนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ออกตัวพูดเช่นเดียวกัน ล้วนพูดจาเข้าข้างอาจารย์ลูและกงซุนเฟยเทียนกันหมด
ในสายตาพวกเขา หลินอิ่งยังหนุ่มเกินไป แค่จับเข็มทองทำท่าทีว่าฝังเข็ม ก็กล้าที่จะเรียกตัวเองว่าหมอเทพงั้นเหรอ? แน่นอนว่าเขาต้องแย่งผลงานจากอาจารย์ลูมาอย่างแน่นอน และยังกล้าพูดอีกว่าตนเป็นคนรักษาท่านจนหายดี
บนโลกนี้จะมีวิชาที่มหัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร การฝังเข็มเพียงไม่ถึง
3นาที ก็สามารถทำให้นายท่านที่ป่วยอย่างหนักหายดีได้?
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” สีหน้าของกงซุนฉงหลงนิ่งและถามด้วยเสียงหนักแน่น
“นี่มัน……. พ่อครับ เป็นเรื่องจริงที่หลังจากที่อาจารย์หลินฝังเข็มให้ท่าน ท่านก็ฟื้นขึ้นมาเลยครับ” กงซุนเฟยหงพูดอย่างเคร่งขรึม
“พ่อครับ พี่ใหญ่สับสนไปแล้วครับ นักต้มตุ๋นที่อายุน้อยเช่นนี้ พี่เชื่อว่าเขาเป็นหมอที่เก่งกาจราวกับเทพหรือ” กงซุนเฟยเทียนกล่าว เขาดูถูกและเยาะเย้ยหลินอิ่ง “ท่านดูซิ อาจารย์ลูเขียนใบสั่งยาที่ละเอียดและดีให้กับท่านด้วยนะครับ อาจารย์ลูเป็นถึงหมอยอดฝีมือประจำมณฑล ไอ้หลินอิ่งเป็นตัวอะไร? เป็นแค่คนที่มีชื่อเสียงในมณฑลตุงไห่เรื่องไม่เอาไหน และยังกล้าพูดอย่างไม่กลัวตายว่าท่านโดนยาพิษเรื้อรัง นี่พูดจาขู่กันชัดๆ?”
“นี่มัน พ่อครับ เรื่องนี้มันไม่ง่ายขนาดนี้อย่างแน่นอนครับ ร่างกายของท่าน ท่านรู้ดีที่สุด เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ครับ?” กงซุนเฟยหงถาม
พวกชายรองเอาแต่ใส่ร้ายอีกฝ่ายต่อหน้านายท่าน ใจดำจริงๆ เลย แย่งผลงานของอาจารย์หลินที่ตนเชิญมาก็แล้ว ถึงยังไงร่างกายของนายท่านกลับมาดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
แต่ว่า พวกเขากลับตำหนิอีกฝ่าย แล้วต่อไปนี้จะให้เขาพูดยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้านายท่านฉี? แล้วเขาจะรักษาอำนาจตนเองเมื่ออยู่ในตระกูลไว้ได้อย่างไร?
โดยเฉพาะ อาจารย์หลินเคยพูดถึงเรื่องที่นายท่านโดนยาพิษเรื้อรัง เรื่องนี้ถ้าไม่กล่าวให้ชัดเจน ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาเยอะขนาดไหน
“นายว่ายังไงนะ? อาจารย์หลินคนนั้นบอกว่าฉันโดนยาพิษเรื้อรังงั้นหรือ?” กงซุนฉงหลงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และถามด้วยความสงสัย
“ใช่ครับ! พ่อครับ ท่านว่าคนแบบนี้สมควรตายใช่ไหมครับ? กล้าที่จะมาใส่ร้ายตระกูลกงซุนของเราได้อย่างไร เดี๋ยวผมจะจัดการเขาเองครับ! ” กงซุนเฟยเทียนพูดอย่างรอช้าไม่ได้ “โดยเฉพาะที่เขามาที่ตระกูลกงซุนเป็นต้นมา เขาก็เสี้ยมให้ความสัมพันธ์ระหว่างชิวอวี่และสือเอ๋อแตกหัก แถมยังเหยียบหน้าสือเอ๋อด้วยครับ นั้นเป็นหลานสุดที่รักของท่านเลยนะครับ”
สีหน้าของกงซุนฉงหลงดูปกติ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองดูผู้คนที่อยู่ในนั้นด้วยสีหน้าที่น่าเกรงขาม ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“หลินอิ่ง นายมานี่เลยนะ ไอ้หมาที่ไม่รู้ที่เป็นที่ตาย กล้าที่จะบอกอาการของนายท่านมั่วๆ ได้อย่างไร?”
กงซุนเฟยเทียนพูดอย่างโอหัง คราวนี้เขาพูดกล่อมหูนายท่านได้แล้ว พี่ใหญ่เองก็ไม่สามารถปกป้องไอ้คนแซ่หลินได้
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนายท่านเปลี่ยนไป กงซุนเฟยเทียนก็ดูสีหน้าแล้วก่อเรื่อง คราวนี้เอาขอหาใส่ร้ายนายท่านโบ้ยให้กับเขา ดูซิว่าใครจะกล้าปกป้องเขาอีก?
หลินอิ่งยิ้มอย่างเย็นชา แต่ไม่พูดอะไร ราวกับว่ากำลังดูละครตลกอยู่
“ยังกล้ายิ้มอีกหรือ? ทำไม? นายคิดว่าตัวเองหลอกพี่ใหญ่และชิวอวี่ได้แล้ว ก็คิดว่าอยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจงั้นหรือ?” กงซุนเฟยเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ตามที่เราคุยกันไว้ ตอนนี้นายรีบมากราบขอโทษอาจารย์ลูเดี๋ยวนี้เลย!”
“ไอ้แซ่หลิน คนได้ยินตอนพนันกันเยอะนะ รีบมากราบขอโทษตามที่เราพนันกันไว้เดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือไม่?”
ลูเหลียงยู่ยิ้มอย่างภูมิใจ “มิเช่นนั้น อย่าให้พี่เฟยเทียนต้องสั่งให้คนใช้กำลังจัดการ! ”
หลินอิ่งมีฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยมแล้วยังไง? สุดท้ายพวกเขาก็เอาผลงานของเขาไปอยู่ดี?
เป็นแค่คนบ้านนอก ยังจะกล้าทำตัวโอหังในสถานที่แบบนี้
หลินอิ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป
“อาจารย์หลิน นี่มัน…….อาจารย์หลินครับ…. พวกคุณอย่าทำเกินไป อาจารย์หลินเป็นแขกที่ผมเชิญมาเช่นกันนะครับ”
กงซุนเฟยหงกล่าว ตอนนี้อยู่ต่อหน้านายท่าน เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรที่แสดงอำนาจของเขาออกมา
“โอ๊ย พี่ใหญ่ครับ พี่ไม่เห็นหรือว่าทำให้นายท่านโกรธแล้ว? ไอ้นายคนนี้กล้าพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าว่านายท่านโดนยาพิษเรื้อรัง ถ้าไม่จัดการให้ดี ก็คงคิดว่าอำนาจของเหล่าตระกูลกงซุนเป็นสิ่งที่สามารถลบหลู่ได้?” กงซุนเฟยเทียนพูดด้วยสีหน้าที่หยิ่งผยอง “มากราบเดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือไม่?”
ปั๊ง!
หลินอิ่งแตะขาไปอย่างกะทันหัน แล้วกระโดดถีบจนทำให้เข่าของกงซุนเฟยเทียนดังลั่น แล้วคุกเข่าลงทันที
จากนั้นเขาก็หมุนตัวไปจับตัวลูเหลียงยู่ไว้ แล้วตบหน้าเขาจนตัวหมุนอยู่กับที่ แล้วเขาก็คุกเข่าต่อหน้าเขา
“กราบเดี๋ยวนี้! ”
แววตาของหลินอิ่งแหลมคม แล้วมองไปที่ลูเหลียงยู่ที่สีหน้าตกใจเกร็งกลัวตรงขาของตนด้วยสายตาที่เย็นชา