บทที่ 163 คุณรักษาให้หายดีได้ กราบคุณ
ณ วิลล่าฉงหลง วิลล่าหรูหราที่อยู่ใจกลาง มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดทั้ง4ด้าน รวมๆ แล้วมีบอดี้การ์ดเจ็ดแปดสิบคน เดินตระเวนและเฝ้าดูวิลล่าไปทั่ว ทำให้เห็นถึงความมีระดับดูดี
หลินอิ่งและสองพ่อลูกกงซุนเฟยหงเดินเข้าไปด้านในวิลล่า
ด้านในนั้นมีการตกแต่งที่ละเอียดอ่อนและประณีต ทางเดินยาวร้อยเมตรนั้นเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดแว่นดำที่สีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาทั้งหมดก็มหน้าลงทำความเคารพเนื่องจากกงซุนเฟยหงมาถึง
เมื่อเดินไปถึงสุดทางของทางเดินร้อยเมตรแล้ว นั่นเป็นห้องกว้างสไตล์จีน สไตล์การตกแต่งด้านในนั้นมีกลิ่นอายของความเก่าแก่ มีภาพวาดชื่อดังแขวนอยู่รอบๆผนัง
หลินอิ่งเดินเข้าประตูไป ก็มีสายตาที่พิจารณาจับจ้องมาที่เขาจำนวนมาก
ในห้องนั้นมีชายหนุ่มและหญิงสาววัยกลางคนที่สวมใส่ชุดสูทจำนวนมาก สีหน้าแต่ละคนต่างก็กังวลเป็นอย่างมาก
ตรงกลางของเตียงใหญ่ๆ มีคนเฒ่าที่ผมหงอกนอนอยู่ สีหน้าขาวซีด หายใจอย่างเร็ว เขากำลังอยู่ในอาการโคม่า
เขาก็คือกงซุนฉงหลง นายท่านของตระกูลกงซุนนั่นเอง
“พี่ใหญ่ครับ ท่านนี้ก็คือท่านที่ชิวอวี่พูดถึงหรือ? เป็นหมอเทพแห่งเมืองตุงไห่?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งมองดูที่หลินอิ่งด้วยความสงสัย สายตาของเขาไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
“ใช่ครับ ผมขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักหน่อยนะครับ ท่านนี้คือหมอเทพที่มาจากเมืองตุงไห่ หลินอิ่ง อาจารย์หลิน”
กงซุนเฟยหงแนะนำด้วยสีหน้าที่จริงจังเคร่งขรึม “อาจารย์หลินเป็นอาจารย์ที่ผมเชิญมาเพื่อรักษานายท่านโดยเฉพาะ”
“พี่ใหญ่ครับ นี่พี่กำลังล้อเล่นอะไรกันหรือ? ช่วงเวลาสำคัญขนาดนี้ของนายท่าน พี่กลับให้ชายหนุ่มน้อยมารักษาอาการป่วยให้นายท่าน?” ชายวัยกลางคนพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ ราวกับว่าเขามีความขัดแย้งต่อหลินอิ่งเป็นอย่างมาก
หลินอิ่งมองไปที่เขาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา เขาสังเกตว่ารูปร่างหน้าตาของชายคนนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกันกับกงซุนสือ หน้าบานหูกางพุงโต
คิดๆ แล้ว นี่คงจะเป็นพ่อของกงซุนสือ สันดานเดียวกันเลย
“ถูกต้องแล้วครับ เฟยเทียน พี่จะบอกอะไรให้ฟังอย่างจริงจังนะ อาจารย์หลินมารักษาอาการป่วยของนายท่าน ส่วนคำถามอื่นๆ ก็ขอให้พวกคุณอย่าถาม อาการของนายท่านสำคัญกว่า จะมาเสียเวลาตรงนี้ไม่ได้” กงซุนเฟยหงพูดด้วยความเคร่งเครียด
กงซุนเฟยเทียนทำเสียง หึ ออกมาอย่าไม่พอใจและกล่าว “พี่ใหญ่ครับ พี่เบลอแล้วรึเปล่า หลินอิ่งโดนประจานตัวคนที่แท้จริงออกมาตั้งนานแล้ว เป็นลูกเขยต้มตุ๋นที่ไม่เอาไหนที่มีชื่อเสียงมากในเมืองตุงไห่ พี่ให้เขามารักษาอาการป่วยให้นายท่าน ถ้าเกิดว่าผิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
กงซุนเฟยหงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ว่ากงซุนเฟยเทียนคงรู้เรื่องของกงซุนสือลูกชายเขาแล้ว คราวนี้เขาไม่พอใจอย่างแน่นอน
“พี่ใหญ่ครับ ผมไม่ได้จะต่อต้านพี่นะครับ แต่ว่าหมอต้มตุ๋นเช่นนี้ พี่ให้เขาทุบตีกงซุนสือ และยังให้สือเอ๋อเลียรองเท้าให้เขา? พี่ทำแบบนี้มันเกินไปไหมครับ” กงซุนเฟยเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
คิ้วของกงซุนเฟยหงก็ขมวดขึ้นมา และดุด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก!”
“ตอนนี้เรื่องของนายท่านสำคัญที่สุด ถ้าใครกล้าที่จะทำให้เสียเวลาอีกล่ะก็ อย่าหาว่าผมนิสัยเสียแล้วกัน!”
กงซุนเฟยหงเผยอำนาจออกมา หลังจากที่เขาตะคอกต่อว่าไป คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ล้วนปิดปากไว้อย่างสนิท
“อาจารย์หลินครับ ขอเชิญให้ท่านไปจับชีพจรของนายท่านด้วยครับ” กงซุนเฟยหงพูดด้วยความเคารพ แล้วผายมือเชิญ
สีหน้าของหลินอิ่งดูปกติ เขาเดินไปที่ข้างเตียงของกงซุนฉงหลง
“เดี๋ยวก่อน!”
สายตาของกงซุนเฟยเทียนมองไปที่หลินอิ่งอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็มองไปที่กงซุนเฟยหง และพูดอย่างเคร่งขรึม “พี่ใหญ่ครับ ผมว่าไม่ดีกว่านะครับ เมื่อสักครู่นี้อาจารย์ลูได้เขียนใบสั่งยาให้นายท่านแล้วนะครับ ตอนนี้อาการคงที่แล้ว ถ้าเกิดว่าโดนนักต้มตุ๋นคนนี้ทำให้มันวุ่นวายขึ้นมา เกิดมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจะทำเช่นไรครับ?”
ในใจของกงซุนเฟยเทียนไม่พอใจอยู่แล้ว ครั้งนี้พี่ใหญ่ทำเกินไปจริงๆ ไม่คาดคิดว่าเขาจะช่วยคนนอก ทำให้ลูกชายของตนโดนกระทืบขนาดนี้ นี่กำลังตบหน้าคนเป็นพ่ออย่างเขาชัดๆ เลย!
“อะไรนะ? อาจารย์ลู?” กงซุนเฟยหงถามด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่ากงซุนเฟยเทียนไปหาอาจารย์ลูมาจากไหนกัน แถมยังทำให้อาการของนายท่านคงที่แล้วด้วย?
พี่ใหญ่ครับ ผมมาแนะนำให้พี่ได้รู้จัก ท่านนี้คือผู้มือยอดฝีมือแห่งมณฑลเกาหยาง หมอเทพลูเหลียงยู่ อาจารย์ลูครับ” กงซุนเฟยเทียนด้วยความสีหน้าภูมิใจ
“สวัสดีครับ ท่านหัวหน้าครอบครัว ผมชื่อลูเหลียงยู่”
คนแก่ที่อายุราวๆ 50กว่าๆ ปากแหลมแก็มแดงคิ้วสีขาวพูดและยิ้มให้กับกงซุนเฟยหง
กงซุนเฟยหงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วมองไปที่อาจารย์ลูด้วยสายตาสงสัย
“พี่ใหญ่ครับ เมื่อสักครู่พี่ไม่ได้เห็นฝีมือการฝังเข็มที่น่าทึ่งของอาจารย์ลู หลังจากที่ฝังเข็มให้นายท่านและเขียนใบสั่งยาแล้ว ก็ทำให้อาการของนายท่านคงที่ขึ้นมาทันที” กงซุนเฟยเทียนกล่าวพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ
“ใช่ครับ พี่ชายรองเก่งมากครับที่สามารถเชิญผู้ยอดฝีมืออย่างอาจารย์ลูมาได้ แล้วช่วยทำให้อาการของนายท่านคงที่ได้โดยเร็ว”
“ถูกต้องครับ คราวนี้พี่ชายรองมีผลงานชิ้นใหญ่นะครับเนี่ย”
คราวนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ชื่นชมกงซุนเฟยเทียนขึ้นมา
กงซุนเฟยเทียนได้ใจ แบบนี้ก็ถือว่าได้กดขี่อำนาจที่กงซุนเฟยหงมีในตระกูลลง
เขาช่างเบลอไปแล้วจริงๆ เชิญชายหนุ่มเด็กน้อยที่ยังไม่ทันโตมารักษาอาการให้นายท่าน จนทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับตนที่ชัดเจนขึ้นมา
สีหน้าของกงซุนเฟยหงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขามองไปที่หลินอิ่งอย่างกังวลใจเล็กน้อย ถ้าเกิดว่าฝีมือการแพทย์ ของหลินอิ่งสู้อาจารย์ลูท่านนี้ไม่ได้ นั่นจะเป็นการกระทบต่ออำนาจของเขาอย่างมาก
“หึหึ ได้ข่าวว่านายก็คือหลินอิ่งหมอต้มตุ๋นชื่อดังหรือ?” ลูเหลียงยู่พูดด้วยความเย่อหยิ่ง “ผมเรียนการแพทย์มาสามสี่สิบปี จึงจะกล้าเรียกตนเองว่าหมอเทพ คุณอายุเท่านี้ คงไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะเป็นเด็กรับใช้ให้กับผม!”
“ช่างเป็นคนที่ไร้ยางอายจริงๆ ลูกเขยไม่เอาไหนที่ดังไปทั่วเมืองตุงไห่ เมื่อมาถึงมณฑลเกาหยางก็จะผันตัวเป็นหมอเทพหรือ? มีใครกล้าหลอกลวงคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งแบบนายไหม?” ลูเหลียงยู่พูดอย่างไม่มีความเกรงใจ และสีหน้าที่ไม่พอใจ
หลินอิ่งหัวเราะอย่างเยือกเย็น และถาม “ผมอยากถามนะครับ ว่าคุณรักษาอาการของนายท่านกงซุนยังไงกัน? เป็นอาการอย่างไร? วิธีไหน?”
สีหน้าของลูเหลียงยู่มั่นใจในตัวเองและกล่าว “สิ่งที่ข้าใช้นั้นเป็นวิชาฝังเข็มของข้าเอง เพื่อเป็นการทำให้ไหลเวียนโลหิตของนายท่านดีขึ้น และสั่งใบยาเพื่อบำรุง ไม่เกิน7วันท่านจะดีขึ้นเหมือนเดิมแน่นอน นายท่านแก่แล้ว เลือดไหลเวียนไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นก็อยู่ในอาการโคม่าอยู่นาน”
หลินอิ่งมองไปที่กงซุนฉงหลง แล้วส่ายหัว “หมอต้มตุ๋น”
“นายว่าอะไร? กล้าบอกว่าข้าเป็นหมอต้มตุ๋นหรือ?” ลูเหลียงยู่กล่าวด้วยเสียงเข้ม สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“ปากเก่งนะเนี่ย คนที่ยังอายุน้อยขนาดนี้ยังกล้าแต่งตั้งตัวเองว่าเป็นหมอเทพ? เสแสร้งต่อหน้าอาจารย์ลูเหรอ?”
“ไร้ยางอายจริงๆ ไม่รู้ว่าได้อ่านตำราเรียนหมอมาสักกี่เล่ม กล้าที่จะเปรียบเทียบกับอาจารย์ลูได้อย่างไร?”
คนของตระกูลกงซุนต่างก็พูดจาเยาะเย้ย สีหน้าไม่แคร์ใครและไม่มีความเกรงใจเลย
ในสายตาของพวกเขา หลินอิ่งก็เป็นแค่นักต้มตุ๋น ไม่รู้ว่าหัวหน้าครอบครัวคิดอย่างไร ถึงได้เชิญหนุ่มอายุ20ต้นๆ มารักษานายท่าน? ถ้าเกิดรักษาแล้วเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร?
หลินอิ่งขี้เกียจที่จะอธิบาย เขากล่าว “หลีกไป ฝีมือการรักษาแค่นั้นของคุณ อย่าเอามันออกมาขายหน้าเลยดีกว่า”
“ฝีมือแค่นี้” ลูเหลียงยู่ขำแห้ง “ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงจริงๆ เลย ได้! ในเมื่อท่านหัวหน้าครอบครัวเป็นคนเชิญท่านมา ผมเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคุณมีความสามารถแค่ไหนกันแน่”
“ความสามารถแค่นั้นของคุณ ถ้าเกิดว่าสามารถรักษานายท่านให้หายได้ ผมจะกราบขอโทษคุณ!”
ลูเหลียงยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถ้าเกิดว่ารักษาไม่หาย คุณก็กราบขอโทษผม คุณกล้าไหม?”