บทที่123 ความปีติยินดีงั้นเหรอ?
“คุณปู่ ใครเป็นคนรักษาเนี่ย?เป็นหมอที่เก่งที่สุดคนไหน?ฉันต้องไปตอบแทนเขาสักหน่อยแล้ว” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยความสงสัย
ฉีเวิ่นติ่งยิ้ม แล้วพูดว่า: “พี่ของคุณไง”
“พี่ชายเหรอ?” กงซุนชิวอวี่ตกใจ พลางมีแววตาสับสน
หลังจากที่เธอกลับประเทศ ก็ได้ยินเรื่องการปรับเปลี่ยนของตระกูลฉี บ้านต่างๆ ของตระกูลฉีต่างถูกตระกูลเหวินทำลายหมด……
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ไม่พูดอะไรออกมา เพราะไม่อยากให้คุณปู่รู้เรื่องพวกนี้
“คุณจำได้ไหม ตอนที่คุณยังเด็ก พี่ที่ชอบพาคุณมาเล่นที่จื่อหลงซานที่ชื่อพี่ฉีหยิ่นน่ะ?” ฉีเวิ่นติ่งพูดด้วยความยิ้มแย้ม
“พี่ฉีหยิ่นเหรอ?” กงซุนชิวอวี่ดันแว่นขึ้น ก่อนจะคิดอยู่สักครู่
นั่นมันเป็นตอนที่เด็กมาก จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ก็ยังจำได้แม่น ว่าตอนห้าหกขวบ ตัวเองอยู่ที่ตระกูลฉี คนที่เล่นด้วยสนุกที่สุดก็คือพี่ฉีหยิ่น
“จำได้ แต่ว่า พี่ฉีหยิ่นออกไปจากตระกูลฉีแล้วไม่ใช่เหรอ……” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยความสงสัย
พี่ฉีหยิ่นไม่ได้ออกไปกับป้าหลินเมื่อหลายปีก่อนเหรอ?
กงซุนชิวอวี่ยังจำตอนนั้นที่พี่ฉีหยิ่นไปได้ จำได้ว่าตัวเองร้องไห้หนักมาก รับไม่ได้เลยจริงๆ
“เขากลับมาแล้ว” ฉีเวิ่นติ่งพูดด้วยความยินดี “เขาเป็นคนรักษาฉัน”
กงซุนชิวอวี่ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ แล้วพูดว่า: “พี่ฉีหยิ่นกลับมาแล้วเหรอ?แถมยังรักษาเก่งขนาดนั้นด้วยเหรอ?งั้น คุณปู่ ติดต่อเขาหน่อยได้ไหม?ฉันอยากย้อนวันวานกับเขา แล้วก็ขอบคุณที่เขารักษาคุณปู่ด้วย”
ฉีเวิ่นติ่งยิ้ม “เขาไม่ได้ทิ้งเบอร์เอาไว้ แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็คงมา พวกคุณคงจะได้เจอกัน”
กงซุนชิวอวี่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า: “งั้น คุณปู่ คุณฟื้นแล้ว ก็พักที่จื่อหลงซานก่อนเถอะ อย่าเพิ่งออกไปไหน จริงสิ ฉันรู้ว่าเมืองนอกมีที่พักผ่อนที่ไม่เลวเลย ถ้าเกิดว่าปู่สนใจ เราออกไปเที่ยวกันนะ”
เธอทนไม่ได้ที่จะให้คุณปู่รู้เรื่องของตระกูลฉี สำหรับคนแก่นั้น มันโหดร้ายเกินไป
“เหอะๆ ……” ฉีเวิ่นติ่งหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะมีแงงววตาคมดั่งมีด “เด็กน้อย คุณกำลังกังวลว่าถ้าปู่รู้อะไรแล้ว จะไม่สบายใจงั้นเหรอ?”
“ไม่ ไม่ใช่นะ คุณปู่คิดมากไปแล้ว ไม่มีเรื่องอะไร ก็เรื่องของคุณลุงที่สาม ถ้าคุณปล่อยวางได้แล้วก็ดี จริงสิ นี่เป็นของโบราณที่ฉันเอามาจากเมืองนอก เป็นของรางวงศ์หมิงที่คุณชอบไงล่ะ” กงซุนชิวอวี่รีบเปลี่ยนเรื่อง
ฉีเวิ่นติ่งมองออกไปข้างนอกไกลๆ ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า: “ถ้าเกิดคุณปู่เด็กกว่านี้ยี่สิบกว่าปี ครั้งนี้ จะเปลี่ยนประเทศหลุงให้พลิกเป็นอีกอย่างเลย!”
คุณท่านฉีพูดออกมาอย่างเรียบเฉย ผ่านพ้นไปไม่ได้ เหมือนกับว่ามีความยิ่งใหญ่โอ่อ่าอยู่ไม่น้อย!
ถ้าเป็นฉีเวิ่นติ่งตอนอายุยี่สิบกว่า การพัฒนาเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างคาดไม่ถึงนั้น คงจะไม่ได้อยู่แค่ในคำพูดแล้ว!พวกคนเลวที่กลั่นแกล้งตระกูลฉีในตี้จิงก็หนีไม่พ้น?
ตี้จิงตระกูลเหวิน ถ้าเกิดว่าไม่ได้เป็นสายลับนอกเครื่องแบบอยู่สิบกว่าปี มีเส้นสายอยู่ลับๆ มาโจมตีตระกูลฉีจนสาหัส แถมคุณท่านฉีก็ไม่ฟื้นขึ้นมา เลยได้ยึดครองอะไรไปหมด ไม่อย่างนั้น จะกล้ามาแหย่ตระกูลฉีในตี้จิงได้อย่างไร?
“ทำอะไรไม่ได้ เวลาผ่านไป คนก็แก่ลง ไม่มีประโยชน์แล้ว” ฉีเวิ่นติ่งถอนหหายใจ แววตาปลงมากขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วงลูกหลานหรอก”
กงซุนชิวอวี่ไม่พูดอะไร เทียบกับสิ่งที่ผ่านมาของคุณท่านฉี เธอเป็นแค่เด็กน้อย พูดไปก็สู้คุณท่านฉีไม่ได้
“แต่ว่า คุณปู่กลับมีคนอยู่เบื้องหลัง ถือว่ายังโชคดี” ฉีเวิ่นติ่งพูด “มีคนทำเรื่องการเปลี่ยนแปลงแทนแล้ว”
“ใครเหรอ?” กงซุนชิวอวี่ถามด้วยความสงสัย เพราะฟังน้ำเสียงของคุณปู่ออก ในใจนั้นสงสัยมาก ว่าใครจะได้รับความสนใจจากฉีเวิ่นติ่งขนาดนั้น?แถมยังน่านับถืออีก?
“อิ่งเอ๋อ” ฉีเวิ่นติ่งพูดด้วยความเชิดชู ก่อนจะคิดถึงเงาในตอนวัยเยาว์
ฉีเวิ่นติ่งใช้ชีวิตมาแปดสิบกว่าปี เริ่มต้นจากธรรมดากลายเป็นผู้แข็งเกร่ง สายตาเลวทรามมาก เคยเห็นวีรบุรุษนับไม่ถ้วน เป็นคนหรือผี เป็นมดหรือมังกร แค่มองก็แยกแยะออกแล้ว
หลานเพียงคนเดียวของเขา เลยต้องใช้แค่สี่คำนี้ ให้ตระกูลฉีออกโรง!
“พี่ฉีหยิ่นเหรอ?” กงซุนชิวอวี่แปลกใจ ไม่ได้เจอหลายปี สงสัยในตัวพี่ที่โตมาด้วยกัน อยากจะเจอหน่อย ว่าเขาเก่งกาจขนาดไหน คุณปู่ถึงได้ชื่นชมขนาดนี้?
เขตจงเทียน อาคารเจ๋อเฉิง ตึกใหญ่ที่สูงหกสิบกว่าชั้น เป็นที่ที่เจริญที่สุดในแวดวงธุรกิจ
หลินอิ่งลงจากรถ คนขับก็รีบขับรถออกไป
หลินอิ่งมองไปรอบๆ
ถนนสะอาดตา ร้านต่างๆ ปิดหมดแล้ว ไม่เห็นแม่แต่เงาคน เมื่อลมพัดมา ก็มีใบไม้ปลิว
ที่นี่ รู้เลยว่าถูกผู้มีอิทธิพล ทำการกวาดล้าง!
หลินอิ่งยิ้มขึ้นด้วยความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินไปที่ประตูใหญ่ แค่กลับไม่มีใครในอาคารเจ๋อเฉิงเลย
ขณะที่หลินอิ่งโผล่หน้ามานั้น
ดาดฟ้าอาคารเจ๋อเฉิง ก็มีชายชุดดำมองมาจากกล้องส่องทางไกลของทหาร พลางหันมาพูด: “รายงานพี่จิ่ว มีคนมา ดูจากกล้องแล้ว ยืนยันว่า เป็นคนที่มาหาหยูจื๋อเฉิงครั้งก่อน”
ในตอนนั้นเอง ดาดฟ้าของตึกใหญ่ หยูจื๋อเฉิงเต็มไปด้วยเลือดแล้ว เขาถูกทำร้ายจนไม่เหลือความเป็นคน และแขวนอยู่บนเหล็ก ห้อยต่องแต่งหายใจโรยริน
ชายชุดดำสามคน แววตาเยือกเย็น ดูมีแต่ความอาฆาต
นี่มันคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย!ขนาดหยูจื๋อเฉิงที่มีความสามารถขนาดนั้น มีเรี่ยวแรงเต็มที่ มีมือปืนอยู่มากมาย กลับมาถูกมัดแล้วตีแบบนี้!
“เหวินเอ้อสือ ยิงปืนเลยเถอะ” ชายชุดดำคนแรกพูดอย่างสงบ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าตกปลาสีดำลงมา
“ไม่มีปัญหา”
เหวินเอ้อสือรับกระเป๋านั้นไป ก่อนจะค่อยๆ รูดซิปออก แล้วเอาปืนบาร์เร็ตต์ที่ดำขลับเหมือนหมึก และพร้อมจะฆ่าออกมา
เมื่อกระสุนเข้าไปในกระบอก เหนี่ยวไก เล็ง ด้วยความรวดเร็ว
เหวินเอ้อสือคุ้นชินแล้ว เพียงห้าวินาทีก็ประกอบจนเสร็จ ก่อนจะชี้ขึ้นฟ้า ส่องลงมามองหลินอิ่งที่อยู่ด้านล่างของตึก
“พวกไม่รู้จักกลัวตาย กล้ามาให้หยูจื๋อเฉิงสืบหาคุณนายงั้นเหรอ?เตรียมตัวตายเสียเถอะ!” ชายชุดดำคนหนึ่งพูดเสียงเย็นชา
“เหอะๆ สามารถทำให้หยูจื๋อเฉิงซื่อสัตย์ขนาดนั้นได้ โดยไม่ยอมเปิดปากเลย ต้องมีคนอื่นในตี้จิงคอยอยู่เบื้องหลังแน่” เหวินจิ่วพูดเบาๆ “พวกเราตระกูลเหวินรุ่งเรือง มันปกติมากที่จะมีคนสอดส่อง”
“ได้ยินว่าไอคนนี้ก็ไม่เลวเลย ไม่ได้ด้อยไปกว่าหยูจื๋อเฉิงเลย” เหวินจิ่วพูดหยอก “เหวินเอ้อสือ คุณอย่าพลาดนะ สู้กับคนมีฝีมือ มีโอกาสแค่นัดเดียวเท่านั้น!”
“พี่จิ่ว เด็กนั่นมันมีอะไรเก่งงั้นเหรอ?” เหวินเอ้อสือพูดอย่างไม่แยแส “ฉันจะส่งเขากลับไปยมโลก ด้วยความปีติยินดี!จะยิงนัดเดียวให้หัวกระจุยเลย!”
พูดไป เหวินเอ้อสือก็ยิ้มออกมาด้วยความเยือกเย็น ภาพในลำกล้องนั้น กำลังล็อกที่หน้าผากของหลินอิ่งอยู่
เขามีสีหน้าโหดร้าย ก่อนจะลั่นไก
ปัง!
กระสุนแหวกอากาศ มีเสียงลมต้าน ภายในอากาศ ฟังแล้วแสบหูเป็นอย่างมาก!