บทที่ 7 ทำดีมาก
“เลียและกลืนกลับไปให้สะอาดหรอ?”
จางหงจูน เผยสีหน้าถอดสีทันที คิดไม่ถึงว่าตัวแทนประธานนิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่ที่สูงศักดิ์จะมีความคิดน่ารังเกียจแบบนี้!
“ประธานอู ครับ จางเถียนไห่ ไม่ค่อยรู้เรื่อง ได้โปรดเห็นแก่หน้าของผม….” จางหงจูน พูดขอร้องขึ้น
“Stop!” อูหยาง พ่นภาษาอังกฤษหนึ่งคำ พร้อมยกมือให้ จางหงจูน หุบปาก
“สิบวินาที” อูหยาง ยิ้มและจ้องมอง จางหงจูน แวบหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเย็นชาทันที “หากทำไม่ได้ล่ะก็ จางหงจูน คุณสามารถลาจากตำแหน่งได้เลย พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่อาคารเป่าติ่ง อีก”
“ร้านอัญมณีภายใต้การรับผิดชอบของคุณทั้งหมด แผนการดำเนินการค้าอัญมณีทุกอย่าง รวมทั้งโรงงานแปรรูป ผมสามารถส่งทีมงานของผมจัดการได้ ด้วยนิสัยของทีมงานนิ่งซื่อกรุ๊ปของพวกเราแล้ว หากดำเนินการขอเวลาเพียงยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้น”
ในฐานะผู้ที่อยู่วงการธุรกิจมาเนิ่นนาน ประสบการณ์ทางด้านธุรกิจแบบไหน เขาล้วนประสบมาหมดแล้ว
วินาทีต่อมาจู่ๆสถานการณ์ก็ยิ่งกดดัน จนทำให้คนของตระกูลจาง เงยหน้าไม่ขึ้น
จางหงจูน มีสีหน้าขาวซีด และตัวสั่นเทา จนหายใจลำบาก
คำพูดของ อูหยาง เหมือนกับลูกต้นอันหนักอึ้งลูกหนึ่งทุบบนหน้าอกของเขา จนทำให้เขาหายใจลำบาก
จางหงจูน เชื่อว่า อูหยาง มีความสามารถจัดการได้ ถ้าหากไม่ทำตามคำพูดของ อูหยาง เขาคงต้องออกจากอาคารเป่าติ่ง แน่ และยังต้องสูญเสียทุกอย่างด้วย ทั้งเงินทอง ฐานะทางสังคม หุ้นส่วนโรงงาน…..
หากต้องสูญเสียอำนาจทั้งหมด คนที่เขาเคยโอ้อวดและดูถูกคงต้องมาเหยียดหยามเขาแน่…..
เพียงแค่คิดผลลัพธ์ จางหงจูน ก็หวาดกลัวจนตัวสั่น
“ไอ้ลูกเนรคุณ!” จางหงจูน โกรธจนหน้าแดงหน้าดำ แล้วหันหน้ามอง จางเถียนไห่ ด้วยสายตาเย็นชา “ไอ้เด็กโง่ ยังไม่รีบทำตามในสิ่งที่ประธานอู บอกอีก!”
ปัง! ปัง!
จางหงจูน ตบใส่หน้าของ จางเถียนไห่ อย่างหนักสองที จนเห็นเป็นรอยฝ่ามือห้านิ้วแดงก่ำ
“พ่อ! ผม!” จางเถียนไห่ มีสีหน้าขาวซีด และรู้สึกน้อยใจจนน้ำตาเกือบไหลออกมา
เขาไม่รู้ว่าไปมีปัญหากับใครจริงๆ! ถึงต้องมาประสบเหตุการณ์น่าขายหน้าแบบนี้!
ที่ต้องเลียเศษอาหารบนโต๊ะให้สะอาดต่อหน้าคนตระกูลจาง นับสองร้อยกว่าคน……
แล้วแบบนี้ ต่อไปเขาจะเอาหน้าอยู่จางซื่อกรุ๊ป และอยู่เมืองชิงหยูนได้ยังไงกัน?
ปัง!
จางหงจูน ตบใส่หน้า จางเถียนไห่ อีกครั้ง จนเขาฟุบลงบนโต๊ะ
“ไอ้ลูกเนรคุณ อยากให้พ่อคนนี้อกแตกตายหรอ?” จางหงจูน กัดริมฝีปากอย่างแรง พร้อมจับกดหัวของ จางเถียนไห่ ไว้
จางเถียนไห่ ร้องไห้ออกมาเหมือนสุนัขเลย ขณะเดียวกันก็เลียเศษอาหารให้สะอาด พร้อมกลืนกลับไป
คนของตระกูลจาง ในงานเห็นฉากนี้ทั้งหมด ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าแปลกใจ
พวกเขาได้เห็นถึงอำนาจอิทธิพลอันน่าเกรงขามของตัวแทนประธานอู ท่านนี้แล้ว
ขณะเดียวกัน ในใจก็ถอนหายใจเงียบๆ
เห็นได้ชัดเจนว่า จางเถียนไห่ เจ้าคนโง่เขลาคนนี้ไม่รู้ไปมีปัญหากับนิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่ยังไง จนทำให้ตัวเองต้องตกระกำลำบากแบบนี้ แถมพวกเขายังต้องโดนด้วย
ดังนั้นคนของตระกูลจาง ที่อยู่ในห้องประชุมไม่เพียงไม่รู้สึก จางเถียนไห่ แต่กลับแอบรู้สึกสมน้ำหน้าในใจเงียบๆ
อูหยาง เริ่มเปลี่ยนสีหน้าเหมือนเดิม และไม่เหลือบมองพ่อลูกคู่นี้แล้ว
“ทุกท่านครับ เวลาห้านาที ผมเชื่อว่าพวกคุณคงอ่านแผนรับซื้อเสร็จแล้ว” อูหยาง พูดขึ้น
“ที่ทางนิ่งซื่อกรุ๊ปรับซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ เพราะเห็นถึงศักยภาพของบริษัทเครื่องประดับจางซื่อที่มีความสามารถเติบโตได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหุ้นส่วนทุกท่านไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะเสียผลประโยชน์เลยครับ”
“วิสัยทัศน์ของทีมงานนิ่งซื่อกรุ๊ปของเราคือ จะทำให้บริษัทก้าวไกลมากยิ่งขึ้น หุ้นส่วนทุกท่านครับ ขอเพียงปฏิบัติตามกฏระเบียบที่ผมแก้ไขไว้อย่างเคร่งครัด อนาคตของธุรกิจต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน”
หุ้นส่วนยี่สิบกว่าคนที่อยู่ในงานต่างพยักหน้าตอบรับ และต่างยอมรับ
แผนรับซื้อของนิ่งซื่อกรุ๊ป พวกเขาต่างอ่านอย่างละเอียดแล้ว
และพบว่า นิ่งซื่อกรุ๊ปไม่ได้วางแผนกำจัดบริษัทเครื่องประดับจางซื่ออย่างสิ้นซาก
สำหรับหุ้นส่วนตัวเล็กๆอย่างพวกเขาแล้ว ข้อสัญญาทั้งหมดนี้ไม่ได้มีผลกระทบด้านลบกับพวกเขาเลย ซึ่งขณะเดียวกันยังมีสวัสดิการปันผลกำไรด้วย
พวกเขาเองก็พอมองออกว่า ปัญหาธุรกิจครั้งนี้ต้องการเล่นงาน จางหงจูน และ จางหงจูน อย่างเห็นได้ชัดเจน
คณะกรรมการบริหารสองคนนี้ได้รับความเสียหายมากที่สุด ไม่เพียงสูญเสียหุ้นส่วนใหญ่และอำนาจของบริษัทแล้ว อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในการดูแลก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก
โดยเฉพาะ จางหงจูน น้องสามของตระกูลจาง ที่ถูกโค่นล้มอำนาจ ไม่เพียงสูญเสียอำนาจการควบคุมบริษัทแล้ว แถมยังเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย เรื่องของวันนี้คงถูกแพร่งพรายทั่วเมืองชิงหยูนแน่ ซึ่งคงอยากที่จะกอบโกยหน้ากลับมาแล้ว
“สิ่งที่ประธานอู พูดมาถูกต้องทุกอย่าง ผมเห็นด้วยกับประธานอู เป็นอย่างมากครับ!” หุ้นส่วนตระกูลจาง คนหนึ่งลุกขึ้นชื่นชมและปรบมือ
ตึงตึงตึงตึง!
เหล่าพนักงานและหุ้นส่วนเล็กๆต่างพากันยิ้มแย้ม และลุกขึ้นปรบมือ จนภายในห้องประชุมมีเสียงปรบมือดังสนั่น
พวกเขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่า สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้พลิกผันแล้ว มีเพียงคล้อยตามประธานอู ถึงจะสามารถได้รับผลประโยชน์จากบริษัทต่อไป
จางหงจูน และ จางหงจูน ต่างมีสีหน้าหดหู่ แต่ยังคงฝืนยิ้ม และปรบมือยินดี
ทั้งสองคนต่างรู้สึกไม่พอใจ แต่แค่สามารถยืนมั่นคงในบริษัทต่อไปก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แล้วจะกล้าต่อต้านได้ยังไงกัน
……
หกชั่วโมงต่อมา ช่วงพลบค่ำ
โรงแรมสวยหรูแห่งหนึ่ง ในห้องที่หรูหรา
อูหยาง ก้มโค้งเคารพแล้วยืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะ เหมือนรอคำสั่ง ส่วนบนโซฟามีชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคนหนึ่งนั่งอยู่
ในตอนนี้ชายหนุ่มกำลังถือโน๊ตบุ๊คที่กำลังถ่ายทอดเหตุการณ์ภายในห้องประชุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับจางซื่อกรุ๊ปวันนี้อยู่…..
“ทำดีมาก” หลินอิ่ง มองดูภาพเหตุการณ์ภายในห้องประชุมพลาง และชื่นชมในความสามารถของ อูหยาง พลาง
“ขอบคุณประธานหลิน มากครับ เพื่อความต้องการของคุณ ผมทำได้ทุกอย่างครับ” อูหยาง พูดขึ้น
อูหยาง ติดตามเคียงข้าง นิ่งซวน มาหลายปี เลยมีความรู้กว้างขวาง เขาเห็นมากับตาว่า ตอนที่ประธาน นิ่งซวน อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้มีท่าทางระมัดระวัง และเกรงกลัว เลยปฏิบัติตนอย่างไม่ประมาท
อีกอย่าง นิ่งซวน เอ่ยปากด้วยตัวเองด้วยว่า หาก หลินอิ่ง ต้องการอะไรให้ทำอย่างเต็มที่ ไม่มีข้อยกเว้น ถ้าหากทำไม่ได้ให้รายงานต่อเขาเลย แต่ถ้าทำให้ หลินอิ่ง ไม่พอใจให้ตัวเองไม่ให้กลับมานิ่งซื่อกรุ๊ปอีก
ดังนั้น สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว รู้สึกชื่นชอบ อูหยาง มากกว่า นิ่งซวน อีก
“ประธานหลิน ครับ แผนการรับซื้อครั้งนี้ล้วนจัดการตามที่คุณต้องการครับ ทุกอย่างราบรื่นดีครับ ในตอนนี้ จางหงจูน สูญเสียอำนาจแล้ว และยังมีศัตรูทางธุรกิจรอสมน้ำหน้าด้วยครับ” อูหยาง รายงานด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ถ้าหากความสัมพันธ์ของ จางหงจูน กับตระกูลซูน แน่นแฟ้นกัน แล้วทางตระกูลซูน ออกหน้าช่วยเหลือ ฐานะทางการเงินของพวกเขาอาจมีการพลิกผัน และทำให้ธุรกิจของพวกเขามั่นคงด้วย ไม่ทราบว่าคุณต้องการโค่นล้มตระกูลของพวกเขาไหมครับ?”
“ไม่ต้องหรอก” หลินอิ่ง พูดขึ้น
พี่ใหญ่ของตระกูลจาง ทำธุรกิจมาหลายปี และมีประสบการณ์โชกโชน จนสร้างธุรกิจอย่างมั่นคง ดังนั้นสามารถผ่านพ้นปัญหาครั้งนี้ได้ก็ถือว่าอยู่ในการคาดการณ์ของตัวเอง
“จริงสิ เรื่องของโรงงาน โรงงานเครื่องประดับซิ่วเฟิง นายช่วยจัดการด้วย” หลินอิ่ง นึกบางอย่างออก เลยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จัดการทุกอย่างตามปกติ มอบผลประโยชน์หุ้นส่วนเล็กๆให้กับ จางซิ่วเฟิง หัวหน้าโรงงานด้วย”
ก่อนหน้านี้เขาได้วางแผนรับซื้อบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การดูแลของสองพ่อลูก จางหงจูน ด้วย ซึ่งในจำนวนนั้นสิทธิเจ้าหนี้ของโรงงานอัญมณีของพ่อตาด้วย
ขณะเดียวกันก็วางแผนให้ อูหยาง จัดการมอบสวัสดิการแบ่งปันกำไรของโรงงานอัญมณีทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกันด้วย
แบบนี้โรงงานอัญมณีของพ่อตาก็จะกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง โดยไม่โจ่งแจ้งจนน่าสงสัยเกินไป
“ครับ ผมจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณครับ” อูหยาง พูดต่อว่า “ประธานหลิน ครับ ไม่ทราบว่าต้องการจัดตั้งตำแหน่งสูงในบริษัทให้กับ จางซิ่วเฟิง ไหมครับ?”
“นายไม่ต้องอวดฉลาดกับฉันหรอก” หลินอิ่ง พูดต่อว่า “ทำตามที่ฉันสั่งก็พอแล้ว”
“ขออภัยครับ ประธานหลิน รับทราบครับ” อูหยาง รีบกล่าวขอโทษทันที
เขารู้ฐานะทางสังคมของ หลินอิ่ง เลยคิดอยากประจบสอพลอ แต่ หลินอิ่ง มีแผนการของตัวเองแล้ว ดังนั้นต่อไปเขาคงต้องทำตามอย่างเดียวก็พอแล้ว
หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย อูหยาง เป็นคนฉลาด เลยไม่ต้องพูดอะไรมาก
“หลังจากนายกลับบริษัท ใช้อำนาจตำแหน่งกรรมการประกาศรับสมัครผู้จัดการออกแบบ หัวหน้าออกแบบ และนักออกแบบอัญมณีด้วย” หลินอิ่ง พูดขึ้น
“รับทราบครับ” อูหยาง ตอบขึ้น
“อืม กลับไปเถอะ เดียวค่อยมารายงานกับผม” อูหยาง พูดขึ้น