ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1438 โรแมนติก ณ เขตขั้วโลก

อิลลูลิแซทตั้งอยู่ทางเหนือขึ้นไปสองร้อยเมตรจากวงกลมอาร์กติก เป็นทุนดรารกร้างที่ยังไม่ถูกทำลายโดยผู้คนที่ไปพบเจอ ทั้งยังเป็นที่ที่อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อลือนามที่สุดของโลก
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่พิเศษของเขตขั้วโลก ที่นี่จึงไม่มีต้นไม้สูงชัน มีเพียงพุ่มไม้เล็กๆ บนพื้นแข็งที่ต้านทานกับความหนาวเย็น ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความดิบเถื่อนและความศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน
ฉินสือโอวทอดสายตาไปยังผืนหิมะขาวโพลน แบล็คไนฟ์จึงหยิบแว่นตากันลมที่เตรียมมาให้ฉินสือโอว “บอส สวมนี่ก่อนครับ แสงแดดเริ่มจ้าแล้ว ระวังจะแสบตาเอาได้นะครับ”
ชายแก่ชาวอินูเปียตทิ้งรถลากเลื่อนหิมะไว้ รถคันนี้เป็นรถใหม่ตกแต่งอย่างหรูหรา โดยการปูเบาะด้วยหนังกวางหนาๆ และแกะสลักที่เท้าแขนไม้เล็กน้อย ซึ่งชาวประมงส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพหาปลาเป็นหลัก พูดได้ว่าเป็นชีวิตประจำวันของชาวอินูเปียตเลยก็ว่าได้
ฉินสือโอวและเหล่าทหารกล้าก็ทำการสวมบังเหียนให้พวกเด็กๆ หู่จือ เป้าจือ และหัวไชเท้าน้อยใส่ได้พอดี เพราะขนาดตัวพวกมันใหญ่กว่าหมาพวกนั้นเพียงแค่ไซต์เดียว แต่ฉงต้าใส่ไม่ได้เลยเพราะตัวมันนั้นทั้งอ้วนทั้งสูง จึงทำให้สวมบังเหียนไม่ได้
จริงๆ ถ้ารู้ว่าจะได้ใช้สัตว์ของตัวเองมาลาก ฉินสือโอวก็คงจะให้ปอหลัวที่ถูกสอนโดยกอร์ดอนกับเชอร์ลี่ย์มาสวมบังเหียนแล้ว ไหนจะถ้าได้ผู้ชำนาญในการลากอย่างกวางมูสมาก็คงจะดีไม่น้อย
ไม่มีปอหลัว ฉินสือโอวจึงให้ฉงต้าเป็นกำลังหลัก เพราะถ้าจะใช้แต่หู่จือเป้าจือและหัวไชเท้าน้อยก็กลัวว่าพวกมันจะเหนื่อยซะก่อน
พอเวนท์ลี่เห็นพวกเขาดูท่าวุ่นวายจึงเดินเข้าไปช่วย เขาหาบังเหียนไว้สำหรับกวางเรนเดียร์มาหนึ่งชุด แล้วยืดออกให้เป็นขนาดใหญ่ที่สุดนั่นถึงค่อยสวมใส่ให้ฉงต้าได้
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับ พร้อมกับสั่นกระดิ่งใบเล็กๆ แล้วเสียงใสของกระดิ่งก็ดังขึ้น แบล็กไนฟ์และคนอื่นๆ ก็พากันตื่นเต้นดีใจที่จะได้ขึ้นไปนั่งบนรถลากเลื่อนหิมะ
ฉินสือโอวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ตกใจแล้วร้องขึ้น “พวกนายจะทำอะไร?”
แบล็กไนฟ์จึงตอบออกไปอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนก็ขึ้นไปนั่งไงบอส”
ฉินสือโอวมองพวกเขาแล้วพูดขึ้น “แน่นอนบ้าอะไร รถลากเลื่อนหิมะนี้นั่งได้แค่สามสี่คนเท่านั้น ถ้าพวกนายขึ้นมาแล้วฉันกับวินนี่จะไปนั่งที่ไหน?”
ทริกเกอร์จึงพูดขึ้น “เอาล่ะ งั้นพวกเรามาเป่ายิงฉุบกับ ใครชนะคนนั้นได้นั่งรถลากเลื่อนหิมะ”
ฉินสือโอวเกือบหัวเราะออกมา “พวกนายคิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นหรือไงพวก ไม่ต้องหรอก ไม่มีใครได้ขึ้นทั้งนั้นแหละ!”
ทริกเกอร์ถามอย่างสงสัย “แต่ว่าคุณขับรถลากเลื่อนหิมะเป็นเหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างลำพองใจ “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วเพื่อน นายคิดว่าใครเป็นคนสอนกอร์ดอนกับเชอร์ลี่ย์ขับรถม้ากันล่ะ ก็ฉันนี่ไง!” พูดแล้วเขาก็หันไปพยักหน้าให้วินนี่ช่วยพูดเสริม “วางไว้เถอะที่รัก ผมขับเกวียนเป็นตั้งแต่อายุแปดขวบ นี่ก็คงไม่ต่างกัน”
แล้วแบล็คไนฟ์ก็พูดด้วยความเศร้าใจ “นี่ใช้คำสแลงภาษาจีนของพวกคุณพูดว่าอะไรนะ ใช่ถีบหัวส่งหรือเปล่า? ใจร้ายเกินไปแล้ว ก็พวกผมไม่ใช่เหรอที่ช่วยสวมบังเหียนให้เด็กๆ น่ะ”
ฉินสือโอวสั่นกระดิ่งแล้วพูดขึ้น “พวกนายรีบไปเช่าสโนว์โมบิลเถอะพวก แล้วก็ขอแก้นิดนึงนะ นี่ไม่ได้เรียกว่าถีบหัวส่งแต่เรียกว่าเสร็จศึกฆ่าโคต่างหาก!”
สโนว์โมบิลคือเครื่องมือในการเดินทางที่ชาวกรีนแลนด์ละแวกนี้ใช้เป็นประจำ ที่โรงแรมเวนท์ลี่ก็มี ทหารกล้าทั้งห้าจึงเช่ามาสามคันแล้วเร่งเครื่องขับออกไป
ฉินสือโอวไม่ใช้แส้ เขาหาไม้ตะบองมาหนึ่งท่อนแล้วเสียบเนื้อปลาค็อดทาน้ำผึ้งไว้ จากนั้นก็ล่อเอาไว้ข้างหน้าฉงต้าแล้วพูดขึ้น “เดินหน้าได้เด็กๆ!”
เมื่อฉงต้าเห็นน้ำผึ้งที่หยดติ๊งๆ บนเนื้อปลาค็อด ดวงตาน้อยๆ ของมันก็เปล่งประกายขึ้นทันที มันคำรามออกมาหนึ่งทีพร้อมกับออกแรงขาอ้วนๆ ของมันนำฝูงวิ่งไปข้างหน้า
มีฉงต้าร่างหนาคอยออกแรงอยู่ข้างๆ หู่จือเป้าจือและหัวไชเท้าน้อยก็เพียงแค่ทำตามมันไปก็ได้แล้ว
ฉงต้าออกแรงอย่างมากในการลากรถลากเลื่อนหิมะซึ่งก็ไม่ได้ดูว่าเร็วเท่าไร แต่ดูจากภายนอกเหมือนจะสบายๆ มาก เหมาะแก่การลากรถลากเลื่อนหิมะมากกว่าสุนัขลากรถพวกนั้นอีก
รถลากเลื่อนหิมะวิ่งอย่างกระฉับกระเฉงบนหิมะ บนรถมีกระดิ่งกลมๆ อยู่หนึ่งลูกคอยส่งเสียง ‘กุ๊งกิ๊งๆ’ รื่นหูให้ความรู้สึกถึงคริสต์มาสเป็นอย่างมาก
รถลากเลื่อนหิมะวิ่งไปตามถนนหนทาง ฉินสือโอวก็โอบวินนี่และลูกสาวพร้อมกับมองไปรอบๆ อิลลูลิแซทไม่สมกับที่จะเรียกว่าเมือง เป็นเพียงสถานที่รวมอาคาร อีกทั้งประชากรอยู่ถาวรก็มีน้อยมาก อาศัยแค่การประมงและการท่องเที่ยวของที่นี่ประคับประคองการดำเนินชีวิต
ที่นี่มีรีสอร์ตหลังคาสกายไลท์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สถานที่โรแมนติก ณ ขั้วโลก เปิดให้บริการเดือนกันยายนของทุกปีไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป ฉินสือโอวจึงอยากไปที่นี่
เนื่องจากยังคงอยู่ในช่วงท้ายของโพล่าร์ไนท์ ทางของเมืองเล็กๆ นี้จึงไม่ค่อยดีเท่าไร มีแต่หิมะเต็มไปหมด ซึ่งชั้นหิมะหนาๆ ถูกรถลากเลื่อนหิมะกับสโนว์โมบิลย่ำไปย่ำมาจนขรุขระไม่เรียบ เช่นนี้เมื่อหู่จือเป้าจือและหัวไชเท้าน้อยเร่งความเร็วขึ้น รถลากเลื่อนหิมะก็จะสั่นโคลงเคลงไม่นิ่ง
ฉินสือโอวกังวลว่ารถลากเลื่อนหิมะจะคว่ำ จึงรีบเก็บตะบองเนื้อปลาค็อดคืน ทำให้ฉงต้าหันหน้าหลับมามองฉินสือโอวอย่างน้ำลายไหลและลดความเร็วในทันที
หู่จือเป้าจือและหมาป่าขาวยังคงวิ่งต่อไป ผู้นำอย่างฉงต้าก็วิ่งเช่นกัน ฉินสือโอวรู้สึกว่าความเร็วประมาณนี้พอดีแล้ว เลยไม่เอาของไปล่อฉงต้าอีก
พอแดดออก ผู้คนและนักท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ ก็ทยอยกันเดินออกมา ทำให้บนถนนเต็มไปด้วยผู้คน รถและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาในเขตชุมชนยิ่งทำให้รถลากเลื่อนเคลื่อนตัวไม่ได้เลย
ฉินสือโอวตะโกนเพื่อให้ฉงต้าออกแรงอีกหน่อย ไม่เพียงแต่รถลากเลื่อนจะวิ่งได้ไม่เร็วแล้ว แต่ยังทำให้หู่จือเป้าจือออกแรงจนเหนื่อย พวกมันยังลากได้อยู่ก็จริงแต่เหงื่อก็ออกได้ง่ายเช่นกัน ยิ่งในอากาศเย็นแบบนี้แล้วถ้าพวกมันเหงื่อออกก็จะทำให้พวกมันไม่สบาย
บนถนนมีรถลากเลื่อนหิมะผ่านไปผ่านมา แต่ส่วนใหญ่แล้วมีแต่สุนัขที่ลากอยู่ ใช้กวางเรนเดียร์ลากซะส่วนน้อย จะมีก็แต่ฉินสือโอวที่ใช้หมีสีน้ำตาลลาก เป็นที่ดึงดูดสายตาประหลาดใจจากผู้คนบนถนนได้เป็นอย่างมาก
แล้วก็มีเด็กบางคนปั้นบอลหิมะโยนใส่ฉงต้า พอพ่อแม่พวกเขาเห็นก็รีบมาห้ามลูกของตัวเองไว้ เพราะกลัวหมีสีน้ำตาลร่างใหญ่จะโมโหขึ้นมา
“ช่างเป็นลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวต่อพยัคฆ์จริงๆ!” ฉินสือโอวมองไปที่เด็กพวกนั้นที่ยังคงพยายามกระโดดเข้าหาฉงต้าก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
แบล็คไนฟ์ขับสโนว์โมบิลไปถามทางข้างหน้า พอถามเส้นทางในการไปโรงแรมชัดเจนแล้วเขาก็โบกมือให้ฉินสือโอว เป็นการบอกว่าสโนว์โมบิลจะนำหน้าไปก่อน
เมืองอิลลูลิแซทมีขนาดใหญ่เล็กน้อย ภายใต้การนำของแบล็คไนฟ์ ไม่นานฉินสือโอวก็มองเห็นอาคารที่ทำจากน้ำแข็งหิมะแล้ว
การหาโรงแรมโรแมนติก ณ เขตขั้วโลกไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากไม่มีคนนำทาง หิมะตกอย่างต่อเนื่องอาคารบ้านเรือนที่นี่ทุกหลังถูกปกคลุมด้วยหิมะซึ่งคล้ายกันหมดเมื่อดูจากภายนอก และเพื่อคงความดั้งเดิมของตึกน้ำแข็งหิมะ โรงแรมนี้จึงไม่ใช้ไฟนีออนเป็นป้าย เพียงแค่เขียนชื่อโรงแรมอย่างง่ายๆ ไว้บนก้อนน้ำแข็งเท่านั้น
ฉินสือโอวสั่งให้พวกหู่เป้าฉงหลัวหยุด จากนั้นเขาก็ลงจากรถลากเลื่อนหิมะ แล้วมองดูรอบๆ โรงแรม ข้างโรงแรมมีโบสถ์น้ำแข็งหิมะ ทั้งสองอยู่คู่กันซึ่งเป็นแลนด์มาร์กคู่ของเมืองเล็กๆ นี้
ดอร์แมนที่กำลังผิงไฟอยู่ในโรงแรม เมื่อได้ยินเสียงสั่นกระดิ่ง ใบหน้าอ้วนๆ ของเขาก็ชะโงกออกมาถามว่า “เพื่อนต้องการพักโรงแรมนี้…โอ้ว พระเจ้า รถลากเลื่อนหิมะของพวกคุณช่างไม่เหมือนใครเลยจริงๆ!”
ฉินสือโอวใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อให้พวกเด็กๆ ส่วนวินนี่ก็คลุมเสื้อโค้ตให้พวกมัน หู่จือและเป้าจือต่างก็เป็นหมาขนสั้น และภายใต้สภาพอากาศเขตขั้วโลกแบบนี้ พวกมันทนหนาวได้ไม่เท่าสัตว์ขนยาวอยู่ดี
พอทำธุระตรงนี้เสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวถึงค่อยเดินเข้าไปในโรงแรมแล้วพูดว่า “แน่นอน พวกผมต้องการเข้าพักในโรงแรมนี้ แนะนำหน่อยสิว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset