ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1413 จองตัวลูกสาวลูกชาย

หลังจากผ่านวันรำลึกถึงผู้เสียสละในสงคราม ต่อไปก็เทศกาลคริสต์มาส เทศกาลนี้จำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมงานล่วงหน้าเกือบครึ่งเดือน เพราะว่านี่เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของปีนี้ ฉินสือโอวได้เริ่มเตรียมตัวแล้ว
ปรากฏว่าหลังจากที่สั่งซื้อของตกแต่งวันคริสต์มาสจากอินเทอร์เน็ตมาแล้ว เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากซีอีโอของบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซากูนิส บริดจ์ เขาถามฉินสือโอวว่าการเตรียมเงินเป็นอย่างไร การประชุมผู้ถือหุ้นภายในบริษัทบอมบาร์เดียร์สิ้นสุดลงแล้ว พวกเขาตกลงที่จะร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อก่อตั้งบริษัทย่อยทางด้านการเงิน…ชื่อบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซี แอร์ไลน์ โฮลดิ้ง
ฉินสือโอวถามว่า “เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเลย ผมเตรียมเงินไว้เจ็ดร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา น่าจะเพียงพอสำหรับเค้กก้อนหนึ่งล่ะมั้ง?”
ซากูนิสยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ็ดร้อยล้านดอลลาร์? ผมนี่บ้าจริงๆ คุณทำได้ดีมาก! ผมกล้ารับประกันได้เลย ฉิน ต่อไปคุณจะขอบคุณการลงทุนในวันนี้ นี่คือการลงทุนและได้กำไรโดยที่ไม่เสียเงินเลยสักนิด! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกอย่างผ่านไปมูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”
ทั้งสองคนคุยกันอย่างเรียบง่าย ซากูนิสบอกให้เขาเตรียมตัวให้ดี ช่วงนี้บอมบาร์เดียร์จะส่งเครื่องบินพิเศษไปรับเขา หลังจากนั้นก็ไปยังมอนทรีออลเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น
ฉินสือโอวบอกว่าไม่มีปัญหาเขาจะรอให้วันนั้นมาถึง หลังจากวางสายไปได้ไม่ได้ วินนี่ก็มาหาเขา เธอพูดว่า “เฮ้ คุณตัดสินใจหรือยังว่าจะไปที่บ้านของเหมาเหว่ยหลงเมื่อไหร่?”
ฉินสือโอวรู้สึกสับสน เขาพูดขึ้นว่า “ไม่นะ ผมไม่ได้เตรียมตัวไปหาเขา ทำไมเหรอ?”
วินนี่แสดงสีหน้าออกมาเหมือนว่าแพ้ให้เขาแล้วออกมา พลางพูดขึ้นว่า “ลูกของพี่น้องที่แสนดีของคุณกำลังจะคลอดแล้วนะ ตามการคาดเดาของฉัน อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนนี้ อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้วางแผนที่จะไปเยี่ยม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทันใดนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย เขาลืมไปเลยอย่าหลิวซูเหยียนใกล้ครบกำหนดคลอดแล้ว
เขาต้องรีบจัดแพลนไปเที่ยวทะเลอาทิตย์หน้าแล้ว ฉินสือโอวจูบวินนี่หนึ่งที วันนั้นเขาต้องไปบินไปยังแฮมิลตัน จากนั้นก็ตรงไปยังฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง
ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่ฟาร์มเขากลับไม่เจอใครเลย พอดีกับที่พอลลี่ขับรถกระบะออกมาทำอะไรไม่รู้อยู่พอดี เมื่อเห็นฉินสือโอวเขาก็โบกมือให้อย่างดีใจ “ฉิน? เฮ้ เพื่อนรักของฉัน นายมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ?”
“เอ่อ ภรรยาของเหมาใกล้คลอดลูกแล้ว ดังนั้นฉันเลยมาเยี่ยมเผื่อว่าจะมีอะไรให้ช่วยได้บ้าง” ฉินสือโอวตอบกลับ
เมื่อได้ยินดังนั้น พอลลี่ก็หัวเราะออกมา เขากวักมือพลางพูดว่า “รีบขึ้นรถมาเร็ว เพื่อนยาก ลูกของเหมาและภรรยาของเขาได้คลอดที่โรงพยาบาลพระแม่มารีย์ในแฮมิลตัน ฉันกำลังจะรีบไปนี่แหละ ภรรยาของฉันไปก่อนแล้ว ไปกันเถอะ พวกเราไปด้วยกันเถอะ”
ฉินสือโอวรู้สึกทำอะไรไม่ถูก หากไม่เป็นเพราะวินนี่เตือนเขา ครั้งนี้ถือว่าเขาทำเกินไปจริงๆ ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นที่วินนี่คลอดลูก เหมาเหว่ยหลงอยู่กับเขาตลอดเวลา
หลังจากที่มีประสบการณ์ เขาจึงรู้ว่าในช่วงเวลานี้เหมาเหว่ยหลงต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด ภรรยาคลอดลูกเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนี่เป็นครั้งแรกที่เหมาเหว่ยหลงจะเป็นพ่อคนครั้งแรก
เรื่องของตอนนั้นตั๋วตั่วไม่จำเป็นต้องให้เขาเข้าไปยุ่ง
รถกระบะขับไปยังโรงพยาบาล ตอนที่ฉินสือโอวเจอกับเหมาเหว่ยหลง ไม่รู้เป็นเพราะว่าเขาคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่เพื่อนของเขาคนนี้กลับถือโทรศัพท์มือถือเล่นเกมอยู่ และมีตั๋วตั่วที่พิงอยู่ด้านข้างเขาอย่างตื่นเต้น กลับกลายเป็นว่าเป็นเขาเองที่รู้สึกร้อนใจ ดวงตาเบิกกว้างทั้งสองข้างของเหมาเหว่ยหลงมองไปยังโทรศัพท์ ความสนใจของชายคนนี้อยู่ที่มือถือทั้งหมด
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวมา หลิวซูเหยียนที่นอนอยู่บนเตียงก็แสดงท่าทีตกใจออกมา เธอต้องการที่จะลุกขึ้นมาทักมาย แต่ฉินสือโอวส่ายหัวปฏิเสธ เขาเดินไปคว้าโทรศัพท์มือถือจากเหมาเหว่ยหลงออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เฮ้ อะไรของแกเนี่ย ฉัน…” เหมาเหว่ยหลงเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเป็นฉินสือโอวเขาจึงยิ้มออกมา “เหล่าฉิน? ทำไมแกมาที่นี่ได้ล่ะ? ฉันนึกว่าแกจะไม่มาแล้วเสียอีก”
ฉินสือโอวยังคงมีสีหน้าบึ้งตึง เขาตอบกลับว่า “ฉันไม่มาได้ด้วยเหรอ? วันสำคัญขนาดนี้เนี่ยนะ? น้องสะใภ้ฉันคลอดลูก จะไม่มาได้อย่างไร? แกพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร โคโกโร่ แกต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟัง”
เหมาเหว่ยหลงยิ้มออกมาพลางพูดว่า “เอาล่ะ อย่ามาเสแสร้งเลย แกจำวันครบกำหนดวันคลอดของซูซูได้เหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ไม่ใช่ว่าวินนี่เป็นคนเตือนแกหรอกเหรอ?”
หลังของฉินสือโอวเต็มไปด้วยเหงื่อ แม่งเอ้ย เหมาเหว่ยหลงมองเขาออก เขาจำวันครบกำหนดคลอดของหลิวซูเหยียนไม่ได้จริงๆ และเป็นเรื่องจริงที่วินนี่เตือนเขา
แน่นอน เขาจะยอมรับไม่ได้ ฉินสือโอวทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นว่า “พูดให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันจะลืมได้เหรอ? แค่ช่วงนี้ฉันยุ่งเท่านั้นเอง เลยไม่ได้มาก่อน จะว่าไป นี่มันเวลาอะไรแล้ว ทำไมกยังเล่นโทรศัพท์อยู่อีก”
เหมาเหว่ยหลงยิ้มออกมา “นี่ไม่ตื่นเต้นเกินไปหน่อยเหรอ? ผ่อนคลายหน่อย”
ฉินสือโอวคืนโทรศัพท์มือถือให้ตั๋วตั่ว ให้เธอเอาไปเล่น ตั๋วตั่วขึ้นมาจุ๊บปากเขาจนเกิดเสียงดัง ‘จุ๊บ’ จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นวิ่งไปที่อีกมุมหนึ่งของห้องเพื่อเล่นโทรศัพท์มือถือ
เหมาเหว่ยหลงขยิบตาให้เธอแล้วพูดว่า “กลับมา หนูสู้ไม่ได้หรอก บอสตัวนี้เก่งกาจมาก…”
ฉินสือโอวไม่ได้อารมณ์เสียกับสิ่งที่เขาทำ เขาลากเหมาเหว่ยหลงไปที่หัวเตียงของหลิวซูเหยียน แล้วพูดว่า “ดูแลภรรยาของแกให้ดี ไม่มีอะไรก็คอยพูดคุยกับเธอซะ ทำไมเรื่องแค่นี้ก็ไม่เข้าใจฮะ?”
หลิวซูเหยียนยิ้มกว้างมองคนทั้งสองคน ตอนนั้นเองเธอพูดออกมาว่า “เอาล่ะ อย่าคาดคั้นเสี่ยวหลงเลยค่ะ เขาเป็นคนอารมณ์ร้อย จะให้อยู่เงียบๆ ได้อย่างไร?”
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้นิ่งไม่เป็น แต่ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวก็น่าเบื่อเป็นธรรมดา พอฉินสือโอวมาหาเขาก็มีอะไรทำแล้ว ทั้งสองเล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน…
ฉินสือโอวรู้สึกขอบคุณวินนี่ โชคดีที่ภรรยาของเขาเตือน ไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ หลังจากที่เขาที่ไปโรงพยาบาลได้สองวัน หลิวซูเหยียนก็ย้ายไปยังห้องคลอด หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงพยาบาลก็อุ้มทารกคนหนึ่งออกมา
ฉินสือโอวตะลึงไป พลางถามออกมาว่า “แม้ว่าหลิวซูเหยียนจะบอกว่านี่ไม่ใช่ลูกคนแรก แต่มันก็ไม่ควรจะเร็วขนาดนี้? วินนี่ยังใช้เวลาตั้งมากกว่าครึ่งวันเลยนะ”
เหมาเหว่ยหลงวิ่งเข้าไปอุ้มลูกด้วยความตื่นเต้น ก่อนหน้านี้ที่ทำการอัลตราซาวน์หมอได้แจ้งเพศของลูกของเขาเรียบร้อยแล้ว นั่นคือเพศชาย
แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ความคิดที่ว่ารักลูกชายมากกว่าลูกสาวสำหรับชาวแคนาดาไม่ได้รุนแรง ตราบใดที่เจรจากับหมอได้พ่อแม่ก็สามารถรู้เพศของลูกได้ แบบนี้ทำให้สามารถเตรียมตัวได้ล่วงหน้า นอกจากนี้การเลี้ยงลูกเพศชายกับเพศหญิงก็ไม่เหมือนกัน
พยาบาลนำลูกของเหมาเหว่ยหลงไปเข้าห้องอบเพื่อเตรียมตัวตรวจร่างกาย นี่เป็นการตรวจเรื่องโครโมโซม เพื่อดูว่าเด็กจะมีปัญหาเรื่องโรคประจำตัวหรือไม่ การตรวจแบบนี้สามารถคาดการณ์โรคที่จะเป็นในอนาคตได้ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาก
เหมาเหว่ยหลงเดินตามพยาบาลไป ฉินสือโอวเดินตามไปข้างๆ เมื่อไปถึงห้องอบ ทั้งสองคนก็ยืนมองผ่านกระจกเข้าไป แต่ว่าลูกของเหมาเหว่ยหลงนั้นอยู่ด้านในสุด ทำไมมองไม่เห็น
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “ในที่สุดก็วางใจได้สักที”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ในที่สุดก็วางใจได้แล้ว!”
ฉินสือโอวกลอกตาแล้วพูดว่า “นายวางใจอะไรกัน? ฉันวางใจที่ลูกของนายเกิดออกมาแล้วน่าชังกว่าเถียนกวาของฉันเยอะ พูดจริงๆ นะโคโกโร่ เมื่อกี้ฉันเกือบจะร้องไห้เพราะความน่าชังของลูกนายแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงกำหมัดด้วยความโมโหหวังจะทุบตีฉินสือโอว ตอนนั้นเองนางพยาบาลก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วชี้ไปที่ป้ายไฟสีเขียวที่ผนังพลางพูดว่า “เงียบๆ ค่ะ โอเคไหม? ฉันคิดว่าพวกคุณคงไม่อยากให้ฉันเรียกรปภ.ขึ้นมาลากพวกคุณไปใช่ไหมคะ”
ฉินสือโอวใช้มือปิดปาก เหมาเหว่ยหลงยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มหวาน จนเมื่อนางพยาบาลเดินไป เขาก็หันไปมองฉินสือโอว แล้วพูดว่า “ลูกของฉันจะน่าชังก็ไม่ต้องตกใจไป อย่างไรก็ตามถ้าในอนาคตเขาอยากจะแต่งงานกับลูกสาวนาย ถ้าเถียนกวาไม่รังเกียจก็ใช้ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็ตกตะลึง เขาคิดขึ้นมาทันทีว่า ตัวเองกับเหมาเหว่ยหลงได้จองตัวลูกสาวลูกชายกันไว้แล้ว…
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset