ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1353 แขกผู้มีเกียรติมาถึง

ความจริงสิ่งที่ฉินสือโอวอยากทำคือซื้อเครื่องบินสักลำ
ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากฉินสือโอวเก็บสะสมเงินในมือได้ถึงหนึ่งร้อยล้านเหรียญแคนาดาแล้ว ก็คิดอยากจะซื้อเครื่องบินส่วนตัวสักลำ เครื่องบินลำใหญ่แบบจริงจัง
เหตุผลที่มีความคิดแบบนี้ ก็เพราะเก็บเงินสดไว้ในมือก็ไม่มีประโยชน์ สู้เอาไปใช้จะดีกว่า แถมยังสามารถนำมาหลีกเลี่ยงภาษีกับลดหย่อนภาษีได้ด้วย อย่างไรเสียช้าเร็วเขาก็ต้องซื้อเครื่องบินส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะฟาร์มปลามีรากฐานที่มั่นคงแล้ว ทำให้ฉินสือโอวมีเวลาว่างมาก เขาคิดอยากจะพาวินนี่ไปเที่ยวรอบโลกตามที่ใจปรารถนา
แต่ว่าการซื้อเครื่องบินไม่ใช่การซื้อรถยนต์ จำเป็นต้องพ่วงด้วยงานอีกมากมาย อย่างน้อยก็ต้องมีนักบินสองคน ถึงขั้นว่าต้องจ้างพนักงานแอร์โฮสเตสจำพวกนี้ด้วย ค่อนข้างวุ่นวาย เขาจึงยังไม่ได้ซื้อ
งานแต่งงานครั้งนี้เขาต้องรับผิดชอบค่าเดินทางไปกลับของคนจำนวนมาก ถ้าเป็นแบบนี้สู้เช่าเครื่องบินยังดีซะกว่า แต่ว่าค่าเช่าเหมาลำก็ไม่ได้ถูก ถือโอกาสซื้อเครื่องบินลำหนึ่งไปเลยดีกว่า เป็นการจ่ายเงินครั้งเดียวที่ภายหลังสามารถประหยัดเงินแถมยังประหยัดเวลาได้อีกด้วย
เสียดายที่ปัญหาคือ ซื้อเครื่องบินไม่ใช่การซื้อรถยนต์ ที่จ่ายเงินแล้วนำรถกลับก็ได้แล้ว แต่ต้องใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ บริษัทเครื่องบินล้วนเป็นแบบได้รับออเดอร์จากลูกค้าแล้ว ค่อยทำการต่อเครื่องบินตามความต้องการและความชอบของลูกค้าทั้งนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีถึงจะสามารถนำมาใช้ได้
เมื่อเป็นแบบนี้เป็นธรรมดาที่จะไม่ทันงานแต่ง ฉินสือโอวจึงทำได้แต่วางความคิดนี้ไว้ก่อน แล้วติดต่อเช่าเหมาลำเครื่องบินสองลำโดยผ่านบริษัทเอ็กซ์เพรสแทน
เครื่องบินสองลำนี้ล้วนเป็นแบบหรูหรา ลำหนึ่งเล็กลำหนึ่งใหญ่ เครื่องบินลำใหญ่คือเครื่องบินไอพ่นโกลบอล 7000 ที่ใช้ทางธุรกิจ สามารถรับผู้โดยสารได้ 18 ที่นั่ง ความเร็ว 0. 85 มัค สามารถบินได้ไกลกว่าหนึ่งหมื่นสองพันกิโลเมตร เป็นเครื่องบินส่วนตัวรุ่นท็อประดับโลก
เครื่องบินเล็กคือ TBM900 ที่ผลิตโดยบริษัทโซคาตาร์ เครื่องบินสามารถรับผู้โดยสารได้หกคน ความเร็วคือหกร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง บินได้ไกลสามพันกิโลเมตร
เครื่องบินลำใหญ่ใช้สำหรับรับส่งผู้โดยสารที่มาไกล ส่วนเครื่องบินเล็กไว้ใช้สำหรับการเดินทางระยะใกล้
ค่าใช้จ่ายที่ฉินสือโอวเช่าเครื่องบินสองลำนี้รวมกันอยู่ที่แปดแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา ระยะเวลาการเช่าคือเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่ห้าวันก่อนเริ่มงานแต่งงานจนถึงสองวันหลังเสร็จงานแต่งแล้ว แค่ค่าเช่าเครื่องบินแต่ละวันก็ต้องใช้ถึงหนึ่งแสนกว่าดอลลาร์แคนาดาแล้ว
หากว่ามีเวลาเหลือแล้วล่ะก็ ฉินสือโอวอยากซื้อเครื่องบินสักลำมากกว่า แน่นอนว่าหลังจากงานแต่งเสร็จสิ้นแล้ว เขาคงเลือกที่จะซื้อเครื่องบินอย่างแน่นอน
อาทิตย์สุดท้ายของเดือนกันยายน เวลารัดตัวเข้ามา ฉินสือโอวเตรียมงานในฟาร์มปลา ผู้คนที่มีอยู่ในมือก็เรียกมาใช้ทั้งหมด
นอกเหนือจากนั้น ตอนนี้เขายังประสบกับปัญหาเล็กๆ อีกอย่าง นั่นก็คือคนที่จะมาเป็นผู้ประกอบพิธีในงานแต่งงาน
ตามกำหนดการแล้ว สถานที่จัดงานแต่งจะจัดขึ้นในตัวเมือง ถึงเวลาตอนที่เขากับวินนี่แลกแหวนกันในโบสถ์ แน่นอนว่าต้องเป็นบาทหลวงกริมม์อยู่แล้วที่เป็นพิธีกรในงาน
แต่ว่าตอนนี้บาทหลวงกริมม์เกิดไม่สบายขึ้นมา งั้นก็ต้องเปลี่ยนคน เออร์บักแนะนำว่าให้เป็นมุขนายกคาบ็อท ศรัณหะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณปู่รองของเขา และเป็นผู้นำของศาสนาคริสต์ในนิวฟันด์แลนด์ด้วย
ตอนแรกฉินสือโอวนึกว่ามุขนายกจะเชิญยาก แต่พอเขากับเออร์บักไปหาผู้ดูแลของมหาวิหารเซนต์จอห์นเดอะแบ๊พติสท์ และหลังจากพวกเขารู้ถึงสาเหตุการมาของเขาแล้ว มุขนายกคาร์บ็อทก็ตอบตกลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที บอกว่าถึงเวลาเขาจะไปร่วมงานแน่นอน
ทางฝั่งวินนี่ก็ได้เตรียมการไว้แล้วเหมือนกัน หากว่าทางมุขนายกคาร์บ็อทไม่ตกลงมา ก็จะเชิญบาทหลวงจากโบสถ์ที่บ้านเกิดของวินนี่มาเป็นผู้ทำพิธี แต่การที่พวกเขาเชิญมุขนายกได้สำเร็จยิ่งดีกว่า
การที่ได้มุขนายกมาเป็นผู้ประกอบพิธีย่อมมีเกียรติกว่าให้บาทหลวงมาประกอบพิธีกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
ปลายเดือนกันยายน บริษัทจัดงานแต่งงาน OK-KNOT ก็เข้ามาถึงในเมืองแล้ว และได้เริ่มเตรียมสถานที่ โดยการเริ่มจัดเตรียมตั้งแต่ฟาร์มปลาไปจนถึงโบสถ์ในเมือง
พวกเขาพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาด้วยกลุ่มหนึ่ง หลังจากคนเหล่านี้มาถึงแล้วก็เริ่มทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ฟาร์มปลาใหม่ และบังคับเฮลิคอปเตอร์สองลำตั้งแต่งานแต่งงานเริ่มขึ้นจนจบงาน เฮลิคอปเตอร์สองลำนี้จะทำการบินอยู่บนฟ้าตลอดเวลา
หลังจากบริษัท OK-KNOT มาถึง บิลลี่ก็มาถึงแล้วเช่นกัน ฉินสือโอวถามเขาว่า “เป็นอย่างไรบ้าง แร่หินทองคำถูกส่งมาถึงพื้นดินหรือยัง?”
บิลลี่ถามอย่างแปลกใจว่า “นายรู้ได้อย่างไรว่าเรือของเราเทียบท่าแล้ว?”
ฉินสือโอวคอยเฝ้าสังเกตการณ์เรือลำเลียงแร่หินทองคำผ่านคราเคนและเหล่างูเหลือมทะเลมาตลอด แน่นอนที่เขาต้องรู้ว่าเรือลำนี้เข้าเทียบท่าแล้ว
แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถพูดออกไปได้ เขายักไหล่แล้วพูดว่า “แค่ถามดูเฉยๆ น่ะ เรือเข้าเทียบท่าแล้วเหรอ? เพื่อน ไม่ยอมรับไม่ได้นะว่า นายทำได้ดีมาก”
หลังจากถูกชม บิลลี่ก็ฉีกยิ้มออกมา จากนั้นก็ยื่นหนังสือพิมพ์ให้ฉินสือโอวฉบับหนึ่ง “เตรียมดูข่าวได้เลย ไม่นานบริษัทงมเรืออับปางของเราจะได้เป็นเรื่องเด่นในข่าวแล้ว”
ฉินสือโอวดูหนังสือพิมพ์ฉบับนี้สักพัก หนังสือพิมพ์ชื่อ ‘ขุมทรัพย์ของโลก’ ภาพบนนั้นคือรูปที่บิลลี่อุ้มแร่หินแล้วเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พาดหัวข่าวคือ ‘สุดยอดขุมทรัพย์ถูกเผย เขาได้กลายเป็นเศรษฐีพันล้านในชั่วข้ามคืน’
บิลลี่อธิบายว่า “การกระจายของหนังสือฉบับนี้ไม่มากนัก เพราะจะพิมพ์ออกมาให้นักล่าขุมทรัพย์และนักสะสมของเก่าทั่วโลกเห็นเท่านั้น ฉันแจ้งข่าวให้กับพวกเขาล่วงหน้า ผู้อำนวยการของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้สนิทกับพี่ชายของฉันมาก การแพร่ข่าวสารผ่านเขาจะทำให้ดูน่าเชื่อถือมากกว่า”
ฉินสือโอวพลิกดูหนังสือพิมพ์รอบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ขอแค่รัฐบาลอเมริกาของพวกนายไม่มาเล่นงานสมบัติของเราก็พอแล้ว”
บิลลี่หัวเราะอย่างได้ใจว่า “ฉันมีความคิดหนึ่ง แร่หินส่วนใหญ่ฉันลำเลียงกลับไปซ่อนไว้ที่ท่าเรือแล้ว มีบางส่วนก็ถูกนำไปกระจายไว้ในน่านน้ำแถบนี้ จากนั้นก็ให้คนอื่นไปงมก็ได้แล้ว”
ฉินสือโอวตบบ่าเขาเบาๆ อย่างพอใจ แล้วพูดว่า “ไม่เลวเลยนี่นา เพื่อน เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ศัตรูสับสนสินะ หัวไวใช้ได้เลย!”
บิลลี่ทำท่าโค้งคำนับแบบสุภาพบุรุษ แล้วพูดว่า “นี่เป็นของขวัญงานแต่งของนาย เศรษฐีพันล้าน”
หลังจากจัดการแร่หินทองคำ และหลังจากที่ฉินสือโอวหักค่าใช้จ่ายออกแล้ว เงินที่เขาได้รับจะสูงถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์อเมริกา หรือก็คือเกือบพันล้านหยวน!
การมาของบิลลี่ในครั้งนี้ก็นั่งเครื่องบินลำเล็กมาด้วยเหมือนกัน เป็นเครื่องบินรุ่น PA-42 ซึ่งถือเป็นเครื่องบินพลเรือน เป็นเครื่องที่ต่อขึ้นด้วยเครื่องยนต์ 6A-28 สองเครื่องที่ผลิตโดยบริษัทแพร็ตต์ แอนด์ วิทนีย์ มีความแรงอยู่ที่ 620 แรงม้า บนนั้นมีรูปหน้าตาของบิลลี่พ่นอยู่ด้วย
ฉินสือโอวนึกว่าเป็นเครื่องบินที่เขาเช่ามา แต่หลังจากคุยกันแล้วถึงรู้ว่า เจ้าหมอนี่เป็นคนซื้อเครื่องบินลำนี้ที่ราคาหนึ่งล้านแปดแสนดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่งได้มาไม่นาน
ที่บิลลี่ขับเครื่องบินมา ก็เพื่อเอามาให้ฉินสือโอวใช้ด้วย และฉินสือโอวก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้ว่า เจ้าหมอนี่ถึงกับมีใบขับขี่เครื่องบินสำหรับพลเรือนด้วย สามารถขับเครื่องบินเองได้ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกชื่นชมมาก บิลลี่สิที่เป็นเศรษฐีที่แท้จริง
วันที่หนึ่งเดือนตุลาคม ผู้คนที่มาร่วมงานแต่งกลุ่มแรกมาถึงแล้ว เพื่อนสมัยเรียนและเพื่อนที่ประเทศจีนของฉินสือโอวมาถึงแล้ว
ผู้คนที่มาส่วนมากจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย ล้วนเป็นเพื่อนพวกที่ค่อนข้างเข้ากันได้ ส่วนเพื่อนสมัยเด็กมีเพียงแค่ฉินเผิงเท่านั้นที่มา
เครื่องบินสามารถลงจอดตรงสนามบินส่วนตัวในฟาร์มปลาต้าฉินได้เลย เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ฉินสือโอวไปต้อนรับพวกเขาได้ง่ายขึ้น ประตูเครื่องบินเปิดออก คนที่เขามองเห็นคนแรกก็คือเหมาเหว่ยหลงลงที่เดินนำลงมาก่อน
หลังลงจากเครื่องบินแล้ว เหมาเหว่ยหลงพูดกับเขาว่า “ถ้าหลังจากนี้แกจะซื้อเครื่องบิน ก็ซื้อรุ่นโกลบอลอย่างบอมบาร์ดิเอร์เลยนะ ให้ตายเถอะ เป็นอะไรที่สุดยอดมากเลย เพื่อนแกอย่างฉันได้สัมผัสถึงความเป็นเศรษฐีจริงๆ เลย”
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset