ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1342 ไม่รู้ว่ากลายเป็นผู้นำไปได้อย่างไร

การเสนอราคาประมูลแสตมป์ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจมาก เขาจึงกระซิบถามเออร์บักเสียงเบาว่าทำไมทุกคนถึงได้กระตือรือร้นขนาดนี้
เออร์บักตอบว่า “อาจจะมีเหตุผลอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือทุกคนกระหายกิจกรรมประเภทนี้ อย่างที่สองอาจจะเป็นเพราะแสตมป์ชุดนี้มีมูลค่ามาก จากที่ฉันรู้มาตอนนี้ในตลาดของนักสะสม แสตมป์ออมทรัพย์เพื่อการสงครามที่สมบูรณ์ครบชุดมีราคาอย่างต่ำอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์”
เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากราคาขึ้นมาถึง 5,000 ดอลลาร์ ระดับความดุเดือดของการแข่งขันก็เริ่มลดต่ำลง และเมื่อราคาประมูลขึ้นไปถึง 6,000 จำนวนของคนที่เสนอราคาประมูลก็ยิ่งลดน้อยลง
เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนหลังจากนั้นก็มีคนเสนอราคาเพิ่มอีกสี่คน ราคาประมูลขึ้นมาอยู่ที่ 6,400 ดอลลาร์ พอถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มแล้ว
ฉินสือโอวมองดูวินนี่ที่กำลังดำเนินรายการอยู่บนเวที เขายิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นพูดว่า “7,000 ดอลลาร์!”
ผู้เข้าร่วมการประมูลหันมามองเขาเป็นตาเดียว แสตมป์ชุดนี้ไม่คุ้มค่ากับราคาที่สูงขนาดนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่มีใครแข่งขันกับเขาอีก ต่างคนก็ต่างส่ายหัวแล้วล้มเลิกความคิดไป
วินนี่ประกาศราคาออกมาสามครั้ง ไม่มีใครเสนอราคาต่อแสตมป์ชุดนี้จึงตกเป็นของฉินสือโอว
ตามกฎของการประมูลเพื่อการกุศล ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือไปรอบๆ เพื่อเป็นการแสดงมารยาทให้กับทุกคน หลังจากนั้นทุกคนก็จะปรบมือให้เขากลับ
ที่ต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นจากคนบางพวก ที่ประมูลสินค้าไปแล้วแต่สุดท้ายกลับปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน ซึ่งแบบนี้เมื่อผู้ประมูลยืนขึ้นให้คนอื่นได้รู้จักตัวตนแล้ว หลังจากประมูลชนะก็จะเป็นฝ่ายไปชำระเงินเอง นอกเสียจากว่าจะเป็นพวกหน้าไม่อายจริงๆ
หลังจากนั้นสินค้าประมูลก็ถูกนำออกมาจัดแสดงทีละชิ้น คาดไม่ถึงว่าในนั้นจะมีปืนกลเบรนด้วยหนึ่งกระบอก รูปโฉมภายนอกของปืนรุ่นนี้ดูคล้ายคลึงกับปืนกลสาธารณรัฐเช็กที่คนจีนคุ้นชินกันดี เป็นปืนดีที่องอาจดุดันเป็นอย่างยิ่ง
วินนี่ประกาศราคาออกไป ปืนกลกระบอกนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สงครามแห่งชาติแคนาดาอีกทั้งยังได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในสินค้าที่ถูกนำออกมาร่วมประมูลเพื่อสนับสนุนงานที่ระลึกในพื้นที่ต่างๆ โดยมีราคาขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 22,000 ดอลลาร์แคนาดา
ฉินสือโอวให้ความสนใจกับการสะสมสิ่งของประเภทนี้ที่สุด เขาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับปืนกลเบรนที่อยู่บนจอใหญ่อย่างพินิจพิจารณา คาดไม่ถึงว่าปืนกระบอกนี้จะยังมีกำลังในการสู้รบเหลืออยู่ อีกทั้งยังไม่เคยถูกดัดแปลงมาก่อน พูดได้ว่าแค่ใส่จานกระสุนเข้าไป ก็จะสามารถใช้ปืนกระบอกนี้เป็นปืนกลหนักได้เลย
ราคาประมูลของปืนกระบอกนี้จะเพิ่มขึ้นครั้งละ 500 ดอลลาร์ แต่ชาวแคนาดาที่ชอบของพวกนี้กลับมีอยู่แค่นิดเดียวเสียด้วยซ้ำไป เนื่องจากปกติทุกคนก็สามารถเข้าถึงปืนได้อยู่แล้ว สำหรับพวกเขาอาวุธปืนจึงไม่ได้มีความลึกลับน่าค้นหาและแรงดึงดูดแต่อย่างใด คนที่ร่วมแข่งขันประมูลจึงเป็นพวกนักสะสมยุทโธปกรณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเป็นเสียส่วนใหญ่
ฉินสือโอวเองก็ร่วมเสนอราคาเช่นกัน ไม่ว่าใครจะเสนอราคามา เขาก็จะเสนอราคาเพิ่มอีก 500 ดอลลาร์ทุกครั้ง หลังจากบวกเพิ่มไปแค่สี่ครั้ง ท้ายที่สุดเขาก็สามารถคว้าปืนกระบอกนี้มาได้ในราคา 26,500 ดอลลาร์
เออร์บักกระซิบบอกกับเขาว่า “ถือว่านายได้ของถูกแล้วนะ ปืนกลสมัยสงครามโลกครั้งที่สองแบบนี้เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นการประมูลระดับนานาชาติ จะขายในราคาห้าหมื่นดอลลาร์หรือขายราคาเป็นแสนก็ทำได้ง่ายๆ!”
ฉินสือโอวกะพริบตาแรงๆ แล้วพูดว่า “ที่ผมซื้อมันมา ไม่ใช่เพราะจะเก็บไว้เป็นของสะสมเพียงอย่างเดียวหรอกนะครับ”
ตามบทบัญญัติกองทัพบก กองกำลังพิทักษ์ชาติเรนเจอร์ที่เขาเป็นผู้บัญชาการ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่พวกเขาถูกจำกัดให้สามารถใช้ได้เฉพาะอาวุธเบาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้น ซึ่งได้แก่ ปืนพกลูกโม่เว็บเล่ย์ขนาด .445 ปืนไรเฟิลเอ็นและปืนกลเบรนฟิลด์รุ่นนี้
สินค้าประมูลชิ้นสุดท้ายคือเครื่องเพชรชิ้นหนึ่ง มันเป็นเครื่องประดับแบบจีนที่หญิงชราคนหนึ่งเป็นผู้จัดหามา เรียกว่าลูกปัดพู่ระย้ามรกตสีม่วงประดับเงินชุบสีเขียวมรกต
พู่ระย้าเส้นนี้ทำขึ้นจากเงินประสานและสร้อยไข่มุกที่ถูกย้อมเป็นสีม่วงสามเส้น ส่วนบนของเงินประสานถูกตกแต่งเป็นลายค้างคาวและชุบด้วยสีเงินสีเขียวมรกต ฝังทับทิมไว้ที่ส่วนปลายทั้งสองฝั่ง ตรงบริเวณลายค้างคาวถูกเจาะให้เป็นรูเพื่อเชื่อมติดกับลูกปัดไข่มุกทั้งสามเส้น ลูกปัดไข่มุกทุกเส้นมีลูกปัดตัวอักษรมงคลสองเม็ดที่ทำมาจากปะการัง และห้อยทับทิมไว้ที่ส่วนปลายด้านล่างของลูกปัดไข่มุก ดูสวยงามตระการตา
ขณะนำเสนอวินนี่ตั้งใจสวมมันให้ทุกคนดูเป็นกรณีพิเศษ ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ผู้ประมูลหลายคนเริ่มรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะประมูลของชิ้นนี้อย่างดุเดือด
ถึงแม้ว่าวินนี่จะสวมชุดเดรสที่ดูทันสมัย แต่เธอมีความสง่างามอย่างหญิงยุคโบราณ ดังนั้นพู่ระย้าเส้นนี้จึงดูเหมาะสมกับเธอมาก ยามที่เธอหมุนตัวให้ทุกๆ คนได้ดู พวกผู้ชายทั้งหลายก็จ้องเธอเป็นตาเดียวจนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
ทว่าราคาของพู่ระย้าชิ้นนี้ก็ไม่ได้น้อยเลย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สองแสนดอลลาร์ ราคาประมูลเพิ่มครั้งละสองพันดอลลาร์ ราคาเริ่มต้นของสินค้าทุกชิ้นที่ผ่านมารวมกันแล้วก็ได้เท่ากับเงินจำนวนนี้
แต่แน่นอนว่าเครื่องประดับชิ้นนี้ก็มีมูลค่าสมกับราคาของมัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วัตถุโบราณจากราชสำนักจีน แต่ข้อมูลนำเสนอบอกไว้ว่าเครื่องประดับชิ้นนี้มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปีเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นหากขายในราคาสามสี่แสนก็คงจะไม่เป็นปัญหา
รอบๆ ตัวเอี๋ยนตงเหล่ยมีคนกำลังมองวินนี่ที่กำลังดำเนินรายการประมูลอยู่บนเวทีด้วยสายตาร้อนแรงพร้อมกับกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนี้ เอ่อไม่สิ พู่ระย้าชิ้นนี้สวยจริงๆ พี่ตงเหล่ยสนใจจะประมูลมันสักหน่อยไหม? เอากลับไปให้พี่สะใภ้ไงพี่ มันต้องเป็นของขวัญที่ดีมากแน่ๆ”
เอี๋ยนตงเหล่ยหัวเราะออกมา เขาชี้ไปหาฉินสือโอวที่อยู่อีกฝั่งแล้วพูดว่า “เห็นเขาหรือยัง? นายรู้จักเขาไหม?”
“รู้จักสิ เสี่ยวฉินไง ตอนนี้เขาเป็นที่รู้จักในบรรดาคนจีนแบบเราๆ แถมยังรวยที่สุดอีกต่างหาก”
“ผู้หญิงที่อยู่บนเวทีน่ะเป็นภรรยาของเขา เสี่ยวฉินคนนี้เป็นเศรษฐีที่ชอบซื้อของไร้สาระคนแรกตั้งแต่ที่ฉันเคยเจอมา ต่อให้ฉันอยากจะประมูล แต่นายคิดว่าฉันจะประมูลได้สำเร็จไหม?”
การแข่งขันประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว ฝูงคนต่างก็กำลังเสนอราคาอย่างดุเดือด เออร์บักจึงพูดด้วยความตื่นตกใจว่า “ไม่ใช่ว่าตอนนี้เศรษฐกิจในนครเซนต์จอห์นไม่ค่อยดีเท่าไรหรอกเหรอ? ที่จริงแล้วทุกคนๆ ก็ยังมีเงินอยู่เยอะเลยนี่”
ฉินสือโอวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนที่เสนอราคาประมูลได้ก็มีแต่ชนชั้นกลางขึ้นไปทั้งนั้นแหละครับ ต่อให้เป็นเรื่องเศรษฐกิจพวกเขาก็ได้รับผลกระทบไม่มากเท่าไรหรอก”
ราคาพุ่งสูงขึ้นถึงสามแสนดอลลาร์แล้ว แต่ก็ยังมีคนที่กำลังเตรียมตัวสู้ราคาอยู่ นั่นเป็นเพราะราคาประมูลในตอนนี้ยังไม่ถึงราคาปกติของเครื่องประดับชิ้นนี้ คาดว่าการแข่งขันประมูลคงยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อีกสักพัก
ฉินสือโอวไม่อยากรอแล้ว เขาจึงยกมือขึ้นเสนอราคาทันที “สี่แสน!”
ราคาถูกปัดขึ้นหนึ่งแสนดอลลาร์ภายในชั่วพริบตาเดียว ทันใดนั้นภายในห้องโถงใหญ่ก็มีสูดหายใจด้วยความตกตะลึงดังขึ้นมาทันที เอี๋ยนตงเหล่ยหันไปมองผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาพร้อมกับพูดว่า “เป็นไงล่ะ ไม่ได้ผิดจากที่ฉันพูดเลยใช่ไหม? เสี่ยวฉินตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะต้องชนะ”
เครื่องประดับที่เหมาะกับวินนี่ถึงขนาดนี้ ฉินสือโอวจะปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่นได้อย่างไรกัน?
ราคาสี่แสนไม่ถือว่าสูงมาก ต่อจากนั้นจึงมีคนประมูลเพิ่มอีกหนึ่งหมื่น ฉินสือโอวเลยเสนอราคาเพิ่มเป็นสี่แสนห้าหมื่นทันที จากเดิมที่เขาคิดไว้ว่าจะเดินเกมไวด้วยการประมูลเพิ่มครั้งละแสน เท่านี้ก็นับว่าเขาให้ความเกรงใจมากพอแล้ว
ราคาประมูลขึ้นมาอยู่ที่ห้าแสนแต่ก็ยังคงมีคนร่วมประมูลแข่งกับเขา ฉินสือโอวทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงเพิ่มเงินไปอีกหนึ่งแสน “หกแสน!”
คราวนี้ทั่วทั้งห้องโถงจึงสงบลงแล้ว คนบางส่วนที่สนใจเครื่องประดับชิ้นนี้หันไปมองมันด้วยความอาลัยอาวรณ์ก่อนจะวางป้ายประมูลที่อยู่ในมือลง ถ้ายังสู้ต่อราคาก็จะสูงเกินไปแล้ว
วินนี่เคาะค้อนไม้สำหรับการประมูลพร้อมกับแย้มรอยยิ้มงดงาม การประมูลสิ้นสุดลงแล้ว จึงมีพนักงานบริกรเดินมาติดต่อผู้ชนะการประมูลให้เดินไปที่หลังเวทีเพื่อชำระเงินและรับของประมูลกลับไป
ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ วินนี่พกบัตรเครดิตมาด้วย เธอจะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้เอง
ต่อจากนั้นเป็นช่วงเวลาของกิจกรรมอิสระ เอี๋ยนตงเหล่ยพาชาวจีนกลุ่มใหญ่มาหาฉินสือโอว พอได้พบกันหนึ่งในคนกลุ่มนั้นก็คำนับให้เขาพร้อมกับพูดว่า “ยินดีด้วยๆ เสี่ยวฉินเป็นผู้ชนะใหญ่ในการประมูลครั้งนี้ ออกฝีมือได้องอาจผ่าเผยจริงๆ สมแล้วที่เป็นผู้นำชาวจีนในนิวฟันด์แลนด์ของพวกเรา”
พอได้ยินคำพูดประโยคแรกของเขา ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ทว่าเมื่อได้ยินประโยคหลังเขากลับหัวเราะไม่ออกแล้ว ผู้นำชาวจีนอะไรกัน? เขาเป็นผู้นำชาวจีนในนิวฟันด์แลนด์ตั้งแต่เมื่อไร?
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset