ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1336 ตัดสินใจ

เพื่อการต้านทานแรงดันน้ำ หมวกของชุดดำน้ำรุ่นที่ฉินสือโอวซื้อมาจึงมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ชั้นนอกทำมาจากโลหะส่วนชั้นในเป็นพลาสติกโพลีเมอร์ แต่กลับถูกกระแทกจนชำรุดเสียหาย ดังนั้นจึงทำให้ทราบได้ว่านกใหญ่ที่จู่โจมเขามีพละกำลังและกรงเล็บที่แหลมคมแค่ไหน
นอกจากนกตระกูลอินทรีทอง ก็นึกไม่ออกแล้วว่ามันคือตัวอะไร
เขารีบถอดหมวกออกราวกับถูกไฟจี้ไฟลาม ฉินสือโอวถึงค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง เขาแอบยื่นหัวออกไปมองดูเหนือผิวน้ำ นกอินทรีทองยักษ์ใหญ่ตัวนั้นยังคงบินวนอยู่บนอากาศตรงบริเวณเหนือศีรษะของเขา สายตาเฉียบคมจดจ้องผิวทะเลอย่างอาฆาตมาดร้าย
ทีแรกฉินสือโอวเดาว่านกอินทรีทองคงจะแค่เข้าใจผิดว่าหัวของเขาที่สวมหมวกดำน้ำคือปลาตัวใหญ่ จึงคิดจะเข้ามาจับ ตอนนี้ดูท่าว่าเขาคงจะคิดอะไรง่ายดายเกินไป
ฉินสือโอวโยนหมวกดำน้ำออกไป ส่วนตัวเขาก็หลบซ่อนอยู่ใต้น้ำทะเลต่อ ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่ออกไปเหนือผิวน้ำ เพราะเขารู้ว่านกอินทรีทองมีสายตาที่แหลมคมมาก หากผมของฉินสือโอวโผล่ออกไปแค่หย่อมเดียวมันก็คงหาเขาเจอแล้ว
พอหมวกดำน้ำลอยออกไปบนผิวน้ำ ในตอนนี้นี่เอง นกอินทรีตาเดียวที่บินวนอยู่บนท้องฟ้าก็บินดิ่งลงมาด้วยความรวดเร็วทันที กรงเล็บหยาบหนาทรงพลังดั่งมีดแหลมคมทั้งสองข้างจิกยึดหมวกดำน้ำไว้อย่างจัง ต่อจากนั้นก็ทุ่มแรงสะบัดปีกทั้งสองข้างบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง ไอ้นกเวรตัวนี้มันอยากจะฆ่าเขาชัดๆ!
เขาไปทำอะไรให้? ฉินสือโอวโมโหมากจริงๆ นกอินทรีทองทำกันเกินไปแล้ว มันกินปลาของเขา ทำร้ายนกที่เขาเลี้ยง ขโมยไก่ของเขาไปกิน แต่ก็ยังคิดจะฆ่าเขาอย่างนั้นน่ะเหรอ?
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ นกอินทรีทองก็อยากจะก่อกบฏ ทั้งๆ ที่อยู่ที่ฟาร์มปลามาแล้วตั้งปีครึ่ง แถมช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ไปยั่วโมโหนกนิสัยดุร้ายพวกนี้เลย แล้วก็ที่จริงแล้วนอกจากเอาไข่นกอินทรีทองไปหนึ่งใบ เขาก็ไม่เคยไปแหย่พวกนกอินทรีทองเลย
และถ้าจะบอกว่านกอินทรีทองตัวนี้รู้แล้วว่าเขาเป็นคนเอาแคลร์ไป ฉินสือโอวก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว นกอินทรีทองไม่ใช่สัตว์มีสติปัญญาสูงด้วยซ้ำ ไม่มีทางนึกย้อนกลับไปได้เด็ดขาด
หรือจะบอกว่ามันเป็นสายลับของศัตรู? นั่นยิ่งเหลวไหลไปกันใหญ่…
หลังจากจิกหมวกดำน้ำบินวนอยู่บนท้องฟ้าไปสองรอบ นกอินทรีทองก็ทิ้งหมวกดำน้ำลงมาแล้วบินขึ้นไปข้างบนพร้อมกับใช้สายตาดุร้ายจับจ้องผิวน้ำอีกครั้ง
ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่านกตัวนี้ยังไม่ยอมแพ้ มันยังคิดที่จะจัดการกับเขาให้ได้
ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับหัวใจโพไซดอนฉินสือโอวจึงปฏิบัติต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างค่อนข้างให้ความเคารพอยู่เสมอ ถึงครอบครัวนกอินทรีทองจะขโมยปลาในฟาร์มของเขาไปกินแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะไล่พวกมันไป แต่แม้กระทั่งพระเจ้าก็มีโทสะ ถ้านกอินทรีทองคิดจะทำร้ายกันแบบนี้ เขาก็เองอดกลั้นต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว!
เขาส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป ฉินสือโอวอยากจะเรียกคราเคนแห่งทะเลเหนือให้มาที่นี่ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาสั่งให้นายพลอันดับหนึ่งภายใต้การบังคับบัญชาให้ไปคุ้มกันเรือขนแร่ทองคำที่มหาสมุทรอินเดีย ด้วยเหตุนี้จึงต้องเรียกพวกบอลหิมะ ไอซ์สเกตกับบีนมาแทน
ฉินสือโอวโผล่หัวพ้นผิวน้ำเพื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นก็เป็นเหมือนกับที่เขาคิดไว้นกอินทรีทองหาเขาเจอจริงๆ มันกระพือปีกบินตรงเข้ามาเหมือนพายุหมุน กรงเล็บแหลมคมเล็งมาที่ยอดศีรษะของเขา
ในตอนนี้อยู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกถึงกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิมในตำนานกับเหมยเชาเฟิงคนสวยในเรื่องมังกรหยกภาคปัจจุบัน
รอจนนกอินทรีทองโผลงมาข้างล่างแล้ว เขาก็ดำน้ำลงไปให้ลึกกว่าเดิมทันที ขณะเดียวกันจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่สายก็ควบคุมน้ำทะเลรอบๆ ให้กลายเป็นคลื่นทะเลที่ซัดขึ้นลง คล้ายกับกำแพงทั้งสี่ด้านที่สาดซัดเข้าไปหาตรงกลาง
นกอินทรีทองที่บินโฉบลงมาจึงถูกคลื่นทะเลตีกระทบทันที มันร้องโหยหวนด้วยการส่งเสียงแหลมสูงออกมา แล้วหลังจากนั้นก็ถูกกดลงสู่น้ำทะเล
สามเกลอที่ได้รับคำสั่งกำลังรอคอยให้ศัตรูเข้ามาหา พอนกอินทรีทองร่วงลงมาในน้ำ ไอซ์สเกตที่กล้าหาญองอาจและชำนาญศึกที่สุดก็อ้าปากใหญ่ๆ แล้วงับลงไปทันที
ในตอนนี้เอง นกอินทรีทองมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็วมากมันกระพือปีกทั้งสองข้างอย่างรุนแรง แล้วบินทะลุผ่านผืนน้ำออกไปอย่างเหนือความคาดหมาย หนีรอดจากปากขนาดใหญ่ของไอซ์สเกตไปได้ด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด ทุ่มแรงตีบินหนีออกไปสู่ผิวน้ำ
แบบนี้ฉินสือโอวก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ต่อให้เขาจะควบคุมคลื่นทะเลอีกก็ไม่ทันแล้ว
แต่นกอินทรีทองที่ประสบเคราะห์ร้ายก็ไม่กล้ารั้งรอที่จะสู้ต่อเช่นกัน มันถึงกับไม่กล้าบินลงมาด้านล่างอีก บินวนอยู่ในชั้นอากาศสูงอีกไม่กี่รอบสุดท้ายก็ต้องบินจากไปอย่างไม่เต็มใจ
ฉินสือโอวขึ้นมาบนฝั่งแล้ว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่านกอินทรีทองตัวนี้จู่โจมเขาเพื่ออะไรกัน?
พวกชาวประมงเห็นชุดดำน้ำเสียหายจึงถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉินสือโอวเล่าเรื่องนี้ให้พวกเขาฟังตามความเป็นจริง เมื่อได้ฟังที่เขาพูดพวกชาวประมงก็พากันประหลาดใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
มีเพียงแซ็กที่คาดเดาเรื่องนี้แล้วพูดออกมาว่า “ตั้งแต่ที่นกอินทรีทองตัวนี้เสียดวงตาอีกข้างไป มันก็หาโอกาสแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา ที่เมื่อก่อนมันยังไม่ได้ลงมือสักที เกรงว่าอาจจะเป็นเพราะเหตุผลสองอย่างนี้ หนึ่ง มันหาโอกาสตอนที่คุณอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้แถมยังเป็นตอนที่มันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สอง เมื่อเร็วๆ มานี้มันเพิ่งจะรู้ว่าคุณเป็นเจ้านายของพวกแร็ปเตอร์ หรือพูดได้ว่าเพิ่งจะเจอศัตรูที่แท้จริง”
ฉินสือโอวพูดงงงวยว่า “ให้ตายเถอะนกอินทรีทองก็มีความนึกคิดแบบนี้ด้วยเหรอ? มันรู้จักคำว่าลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สายด้วยหรือไง?”
แซ็กจึงพูดกับเขาด้วยท่าทีเคร่งขรึม “คุณอย่าดูถูกสัตว์พวกนี้นะครับบอส นกอินทรีทองอาจจะไม่ได้ฉลาดที่สุดในบรรดาสัตว์ปีก แต่มันมีใจอาฆาตรุนแรงที่สุดเลยล่ะ”
แอร์แบ็คที่เคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกันก็พยักหน้ารับแล้วพูดว่า “เคยมีข่าวใหญ่ในรัฐเท็กซัส ในข่าวเล่าว่ามีคาวบอยที่ใช้ปืนยิงนกอินทรีทองตัวหนึ่งตาย นกอินทรีทองอีกตัวที่เป็นคู่ของมันเลยมาปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้าเหนือบ้านพักของเขาอยู่เป็นประจำ ตลอดเวลาหนึ่งปีมันไม่เคยจู่โจมเขาเลยสักครั้ง แต่ต่อมาคาวบอยคนนั้นมีลูก พอถึงตอนที่ไม่มีคนคอยดูเด็ก มันก็บินลงมาแล้วทึ้งเด็กคนนั้นจนตาย!”
ในตอนนี้แม่ของฉินสือโอวพาเสี่ยวเถียนกวาออกมาเล่นข้างนอกพอดี ขณะที่กำลังมองดูลูกสาวตัวนุ่มนิ่ม พอฉินสือโอวได้ยินที่แอร์แบ็คพูดก็เกิดอาการหนาวสั่นขึ้นมาทันที เขาตัดสินใจแล้วพูดออกมาว่า “ถ้านกอินทรีทองเวรนั่นกล้ามาที่ฟาร์มปลาอีก ฉันจะเป็นคนจัดการมันเอง!”
จนถึงสิ้นเดือนนกอินทรีทองก็ไม่ได้มาที่นี่อีก และบัตเลอร์ก็จะกลับแล้ว ก่อนจะไปฉินสือโอวจึงตั้งใจไปหาเขาเพื่อคุยกันเรื่องโครงการขยายกิจการในต่างประเทศ
ร้านอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินสาขาญี่ปุ่นเปิดตัวได้อย่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก พวกเขาใช้ปลาทูน่าเป็นผลิตภัณฑ์หลักในการแข่งขันเพื่อตีตลาดโตเกียว และกำลังค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในร้านอาหารชั้นนำรอบๆ
ถึงแม้ว่าคนญี่ปุ่นจะมีความเป็นชาตินิยมอย่างมาก แต่เมื่อพบว่ามีเพียงฟาร์มปลาต้าฉินเท่านั้นที่มีปลาทูน่าคุณภาพระดับดีเยี่ยม แล้วพวกเขาจะเลือกอะไรได้อีก?
ต่อให้เราไม่ใช้แต่คนอื่นก็อาจจะใช้ อีกทั้งลูกค้าก็ไม่ได้สนใจว่าปลาที่ร้านเป็นปลาทูน่าจากในประเทศหรือต่างประเทศ ร้านไหนทำอาหารอร่อยมีของคุณภาพดีพวกเขาก็ไปกินร้านนั้น นี่จึงบีบให้บรรดาเจ้าของร้านอาหารต้องนำเข้าอาหารทะเลต้าฉิน
บัตเลอร์ยังอยากเปิดตลาดต่างประเทศต่อ ครั้งนี้เขาเล็งที่ลอนดอนเอาไว้ โดยที่เขาวางแผนไว้ว่าจะใช้ลอนดอนเป็นสะพานเพื่อเชื่อมต่อกับทั่วทั้งทวีปยุโรป
ฉินสือโอวคิดว่าแบบนี้ก็เสี่ยงอยู่นิดหน่อย ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังครอบครองอัตราส่วนของตลาดในพื้นที่ได้ไม่มาก ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เปิดสาขาย่อยในแคนาดาเลยด้วยซ้ำ
บัตเลอร์กำหมัดเลียนแบบท่าทางของฮิตเลอร์ แล้วพูดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่แผ่กระจายออกมา “พวกเราต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่นทะเยอทะยาน! ฉิน พวกเรามีกองทัพที่ดีที่สุดในโลก…เอ่อ ไม่ใช่สิ พวกเรามีอาหารทะเลที่ดีที่สุด สรุปได้ว่า พวกเราอยู่ในจุดที่ไม่มีวันพ่ายแพ้!”
ฉินสือโอวจึงพูดว่า “เพื่อน ที่นายพูดก็มีเหตุผล ฮิตเลอร์ก็คิดแบบนายนี่แหละ เขามีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่นายควรจะรู้ด้วยว่าแบบนี้จะทำให้เรามีคู่ต่อสู้มากที่สุดเหมือนกัน! เชื่อฉันสิ ไม่ต้องรีบรุกหรอก พวกเราคว้าตลาดอเมริกาเหนือมาให้ได้ก่อนดีกว่า!”
หลังจากปรึกษากันไปแล้วพักหนึ่ง ท้ายที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจว่าก้าวต่อไปก็คือร้านสาขาในแคนาดา บัตเลอร์ไม่ค่อยเห็นด้วยกับก้าวนี้เท่าไรนัก เขาคิดว่าแคนาดามีระดับการบริโภคสินค้าชั้นสูงที่ไม่ดีเท่าไรนัก
ตอนนี้คุยกันถึงแค่เท่านี้ก่อน บัตเลอร์กลับไปแล้ว เขาต้องรวบรวมกำลังคนเพื่อเตรียมตัวเปิดร้านสาขา ฉินสือโอวขอติดเที่ยวบินไปด้วย เพราะเขาต้องไปนิวยอร์กเพื่อเตรียมแหวนแต่งงาน
ยิ่งกว่านั้น การไปนิวยอร์กครั้งนี้เขายังมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง คำแนะนำของบัตเลอร์ชี้ให้เขาเห็นว่า ที่พวกเขาไม่สามารถขยายกิจได้ตามอำเภอใจก็เพราะพวกเขามีรากฐานธุรกิจที่ไม่มั่นคง แต่ถ้าเกิดว่าเขาสามารถหาคู่ค้าที่มีรากฐานมั่นคงได้ล่ะ?
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset