ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1129 ต้าป๋ายป่วยซะแล้ว

ฉินสือโอวถามแซนเดอร์ส ว่าสามารถเลี้ยงปูพวกนี้แบบปล่อยอิสระในฟาร์มปลาได้ไหม
ถ้าปูพวกนี้ยังอยู่ในฟาร์มเพาะพันธุ์ เช่นนั้นศาสตราจารย์สูงวัยก็จะวางมือจากมันไม่ได้ เขาต้องติดตามสภาพการรอดชีวิตและการเจริญเติบโตของปูอยู่ตลอดเวลา
การเพาะพันธุ์สัตว์ทะเลแตกต่างกับการเพาะพันธุ์สัตว์บก การเพาะพันธุ์สัตว์บกไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่หรือการเลี้ยงหมูเลี้ยงวัว สัตว์เหล่านี้จะมีกระบวนการจากการเจ็บป่วยไปสู่ความตาย เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้เลี้ยงก็จะมีเวลาในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ลงได้
ซึ่งสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับการเพาะพันธุ์สัตว์ทะเลก็คือข้อนี้ ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งหลายๆ ครั้งคนยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร พวกมันก็ตายไปก่อนแล้ว…
ปูดันเจเนสส์ถูกตัดสินว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีเงื่อนไขต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากพวกมันมาถึงมหาสมุทรแอตแลนติกก็ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับดินน้ำและสภาพอากาศ หลายๆ ครั้งตอนแรกปูฝูงใหญ่ยังกระโดดโลดเต้นอยู่ดีๆ แต่ต่อมากลับม่องเท่งไปแล้วซะอย่างนั้น
ฉินสือโอวมั่นใจว่าเขามีพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเป็นการรับประกัน ว่าปูดันเจเนสส์จะสามารถลงหลักปักฐานและมีชีวิตรอดอยู่ในฟาร์มปลาได้ ทว่าแซนเดอร์สไม่กล้ารับประกันอย่างนั้น หลายวันมานี้เขาไม่ได้นอนหลับสบายเลยสักวัน เขากลัวมากว่าตื่นมาแล้วจะได้ยินพวกนักศึกษามาบอกกับเขาว่า ปูดันเจเนสส์ในฟาร์มปลาตายแล้ว
นี่ทำให้ฉินสือโอวปวดกระบาลมากๆ เขาต้องการให้แซนเดอร์สให้ความสำคัญกับการวิจัยว่าเปลือกของแมลงยักษ์สีดำมีคุณค่าด้านการรักษาสุขภาพอย่างไรบ้าง แบบนั้นถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้ศาสตราจารย์สูงวัยแสดงความสามารถออกมาได้อย่างแท้จริง สำหรับเรื่องปูดันเจเนสส์พวกนี้ เขาเป็นได้แค่เพียงหน้าฉากเท่านั้น
น่าเสียดายที่เขาพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ทำได้แค่พูดกับเขาเป็นนัยๆ ว่า “ศาสตราจารย์ครับ ผมว่าถ้าพวกลูกปูไม่ได้กระจายตัวออกไปสู่โลกกว้างแบบนั้นจะทำให้เพาะเลี้ยงได้ยากนะครับ ดูสิ พวกมันก็ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอครับ? พวกเราเอามันไปปล่อยไว้ในฟาร์มปลาดีกว่าไหมครับ?”
เพียงแค่เอาปูดันเจเนสส์ไปปล่อยไว้ในฟาร์มปลา แซนเดอร์สก็จะสามารถเปลี่ยนหัวข้อวิจัยได้แล้ว
สีหน้าของแซนเดอร์สเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “ไม่ครับ บอส เรื่องนี้คุณอาจจะไม่เข้าใจ ยิ่งนานวันเข้า บททดสอบที่พวกเราต้องเผชิญก็จะยิ่งเยอะขึ้น ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะเอาพวกมันไปปล่อยลงในทะเล ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เราอาจจะได้เห็นซากปูกองใหญ่ที่ถูกกระแสน้ำพัดมาไว้บนฝั่ง”
ฉินสือโอวคิดว่าหัวข้อวิจัยของแมลงยักษ์สีดำคงไม่ได้ถูกยกขึ้นมาในวาระการประชุมเร็วๆ นี้แล้ว เขาจึงถอนหายใจออกมา เอาเถอะ ปล่อยให้แซนเดอร์สเล่นไปเถอะ ถึงอย่างไรปูดันเจเนสส์ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของฟาร์มปลาเหมือนกัน
แซนเดอร์สส่งข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการณ์ในช่วงนี้ให้กับฉินสือโอว ในนั้นบันทึกการเปลี่ยนแปลงของจำนวนปูดันเจเนสส์ที่ตายในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนแตกต่างกัน สิ่งนี้เองที่ทำให้ศาสตราจารย์สูงวัยไม่มีความเชื่อมั่น
ตอนที่เขาเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำทะเล จำนวนการตายของปูดันเจเนสส์ก็ลดน้อยลง แต่บางครั้งเมื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำทะเลจำนวนการตายก็เพิ่มครึ่ง แต่บางครั้งกลับลดลง…
แต่หากว่าตามกฎของการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แล้ว จำนวนการตายของปูดันเจเนสส์มักจะอยู่ในแนวเดียวกันตลอด หรือสามารถกล่าวได้ว่า ความสามารถในการมีชีวิตรอดของพวกมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับปริมาณออกซิเจนในน้ำ
วิเคราะห์ได้ง่ายมาก ปูดันเจเนสส์พวกนี้ไม่ได้ตายเพราะสภาพแวดล้อม แต่เป็นเพราะการต่อสู้ พวกปูดันเจเนสส์ทะเลาะวิวาทกันเพราะเรื่องอาณาเขต ทะเลาะกันเพราะเรื่องอาหาร ทะเลาะกันเพราะต้องการที่จะจับคู่ และบางครั้งยังทะเลาะกันเพราะอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย พวกที่ตายก็คือพวกมัน แล้วแบบนี้จะไปมีเกณฑ์วัดที่ตายตัวได้อย่างไร?
ฉินสือโอวทำเสียงจุ๊ปาก การสังเกตการณ์คราวนี้ทำให้เขาหาช่องโหว่เจอแล้วหนึ่งอย่าง เขาจะโลภจนปล่อยให้ปูดันเจเนสส์รอดชีวิตทั้งหมดไม่ได้ ต่อแต่นี้ไป เขาจะต้องเลือกปูดันเจเนสส์ฝูงหนึ่งที่จะไม่ถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ ปล่อยให้อัตราการตายมีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ถึงจะสามารถวิเคราะห์ได้ง่ายๆ
ทางด้านการเพาะพันธุ์ปูดันเจเนสส์ไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงไปติดตามการสร้างสวนดอกไม้ของเขาต่อ
อันเดร์ทำการแก้ไขแปลนของสวนดอกไม้ที่เขาได้เห็นเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว สรุปรวบยอดความคิดเห็นของเขา วินนี่ กับพวกเด็กๆ แล้วก็เออร์บักเข้าไว้ด้วยกัน แล้วจึงแก้ไขรายละเอียดปลีกย่อย ยิ่งทำให้สวนดอกไม้เต็มไปด้วยความมีเสน่ห์
หลับมาจากชมจันทร์บนท้องทะเลได้ไม่ถึงสองวัน อยู่ๆ วินนี่ก็พูดกับเขาอย่างอารมณ์ดีว่า “อีกไม่กี่วันพ่อกับแม่ของฉันจะมาเที่ยวที่นี่ คุณปู่คุณย่าของฉันก็อาจจะมา ฟอกส์กับสามีของเธอก็น่าจะมาเหมือนกัน”
ฉินสือโอวบีบจมูกของเธอแล้วพูดกับเธอว่า “พวกเขาจะมากินข้าวฟรีกันเหรอครับ?”
วินนี่ที่เป็นคนชอบพูดเล่นมาตลอดในตอนนี้เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมา แววตาที่รู้สึกซาบซึ้งประทับใจหลุกหลิกไปทั่วทุกทิศ หลังจากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะมาปรึกษากับคุณเรื่องงานแต่งของพวกเรา”
ฉินสือโอวนิ่งงันไปชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นในใจของเขาก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที นี่เป็นเรื่องดี ในที่สุดเขาก็จะได้แต่งงานกับวินนี่แล้ว!
ทว่าเขาไม่ได้แสดงสีหน้าของความปรารถนาแบบนั้นออกไป แต่กุมมือของวินนี่เอาไว้ แล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยน “ที่รักครับ ผมนึกว่าพวกเราแต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ชีวิตของพวกเรายังสวยงามขนาดนี้ ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่า หลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว ผมจะมีความสุขขนาดไหน”
สายตาของวินนี่วูบไหวไปเล็กน้อย เธอจับมือฉินสือโอวกลับ มุมปากยกขึ้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา “หลังจากแต่งงานกัน ฉันจะพยายามเป็นภรรยาและเป็นแม่ที่ดี ดีไหมคะ?”
“ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้วครับ” ฉินสือโอวโอบกอดวินนี่พร้อมตอบเธอกลับไป
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีความสุขอย่างถึงที่สุดกันอยู่ตรงนี้ ฉงต้ากลับกำลังรู้สึกไม่ดี มันเดินเข้ามาพร้อมกับไขมันส่วนเกินที่ส่ายสะบัด แล้วเดินวนรอบๆ ทั้งสองคนหลายๆ รอบด้วยความกระสับกระส่าย หลังจากนั้นก็ทิ้งก้นนั่งลงไปข้างล่าง แล้วเปิดปากใหญ่ๆ ร้องฮือๆ ออกมา
วินนี่กำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เธอจึงย่อตัวลงมากอดมันไว้ พร้อมกับตบหลังมันเบาๆแล้วพูดปลอบมันว่า “เอาล่ะๆ ใครรังแกฉงต้าลูกรักของพวกเรากันนะ? มีอะไรที่ให้รู้สึกน้อยใจอีกแล้วเหรอ? มาเถอะ บอกให้คุณแม่ฟังดีไหม?”
ฉงต้าพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเธอ ยื่นอุ้งเท้าชี้ออกไปข้างนอก แล้วร้องฮือๆ ไม่หยุด ดูท่าทางรีบร้อนมาก
ฉินสือโอวรู้ว่ามีปัญหา จึงจับมือของมันเอาไว้แล้วเดินออกไปข้างนอก
ที่ใต้ต้นชูการ์เมเปิลด้านหน้าวิลล่า พวกเหล่าสัตว์เลี้ยงหู่จือเป้าจือหลัวปอซิมบ้ากำลังมุงกันอยู่ตรงนั้น พอเห็นว่าฉินสือโอวมาแล้ว พวกมันก็รีบเปิดทางให้ทันที แล้วหลังจากนั้นก็กลับมามุงดูอีกครั้ง
ในพงหญ้าผืนหนึ่งใต้ต้นไม้ ต้าป๋ายกำลังนอนคว่ำหน้าอย่างซึมเซาอยู่ตรงนั้น ตรงหน้ามีสิ่งปฏิกูลอยู่เป็นแอ่ง ส่วนใหญ่เป็นเบอร์รีกับผักที่ยังไม่ถูกย่อย ของพวกนี้มีเมือกสีขาวอยู่เป็นจำนวนมาก แค่มองดูก็รู้แล้วว่ามันอ้วกออกมา
“ต้าป๋ายไม่สบายเหรอ?” วินนี่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
ฉินสือโอวก็รู้สึกเป็นกังวลแล้วเช่นกัน สัตว์เลี้ยงในบ้านล้วนแต่ได้รับการปรับเปลี่ยนจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาแล้วทั้งนั้น เขานึกว่าร่างกายของพวกมันจะถึกทนเหมือนเพชรอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะป่วย ดังนั้นเมื่ออยู่ๆ ต้องพบกับปัญหาแบบนี้ เขาจึงทำตัวไม่ค่อยถูกนัก
หลังจากอยู่กับความวิตกกังวลเป็นเวลาสั้นๆ ฉินสือโอวก็เริ่มมีสติขึ้นมา เขาอุ้มต้าป๋ายขึ้นมาเพื่อที่จะพามันกลับเข้าไปในวิลล่า แต่ปรากฏว่าพออุ้มมันขึ้นมา ฉินสือโอวก็รู้สึกเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากร่างกายของต้าป๋ายอ่อนปวกเปียกเป็นอย่างมาก อ่อนแอขนาดที่ว่าไม่มีแรงเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว!
เขาใช้น้ำอุ่นที่จะนำมาล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนปากของมันเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อ หลังจากนั้นก็ถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนบางส่วนลงไป ในความทรงจำของเขา ไม่มีอะไรที่พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำไม่ได้ ในตอนนั้นที่หู่จือกับเป้าจือใกล้จะตาย หลังจากที่ได้รับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไป พวกมันก็แข็งแรงร่าเริงอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตขึ้นมาทันที
เหล่าสัตว์เลี้ยงก็พากันตามมาข้างหลังทั้งหมด พวกมันมุดตามเข้ามาในวิลล่า เมื่อมาถึงหลังห้องน้ำก็ไม่ได้ตามเข้าไป แต่นอนหมอบอยู่ที่หน้าประตูแล้วยืดคอมองเข้าไปดูแทน ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมา ราวกับกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อต้าป๋ายอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากต้าป๋ายซึมซับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไป มันก็มีกำลังวังชาขึ้นมาบ้างแล้ว ฉินสือโอวจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วพูดว่า “ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว ต้าป๋ายไม่เป็นอะไรแล้ว”
วินนี่ยังไม่หายห่วง หลังจากได้เห็นสิ่งที่มันอ้วกออกมาเธอก็ยืนกรานว่า “พวกเราพาต้าป๋ายไปให้หมอเถอะค่ะ คุณดูสิ่งที่มันอ้วกออกมาสิคะ ข้างในมีคราบเลือดอยู่ด้วย! นี่ไม่ใช่ปัญหาธรรมดาๆ แล้ว ฉิน ต้องไม่ใช่อาการเจ็บป่วยธรรมดาแน่ๆ!”
คำขอแบบนี้เขาไม่มีทางปฏิเสธได้อยู่แล้ว เพราะการเจ็บป่วยกับการไปหาหมอเป็นสัจธรรมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ แล้วพาต้าป๋ายไปโรงพยาบาลสัตว์ที่นครเซนต์จอห์น
…………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset