ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1105 การฟ้องร้องครั้งแรกของฟาร์มปลา

เรือกำปั่นทะเลค่อยๆ จอดเทียบท่าเรือเซนต์จอห์น เรื่องที่เกิดข้างบนเรือ คนที่อยู่ท้ายเรือยอชต์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาแค่เห็นว่ามีเฮลิคอปเตอร์ของซีซีจีบินเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดตลอดทาง จึงคิดว่าเรือกำปั่นทะเลถูกจับกุมแล้ว
หลังจากเรือเทียบท่า ลินตันและพวกหนุ่มสาวก็เดินออกมาด้วยความมีชีวิตชีวา พวกเขาโอบกอดสาวสวยไว้ในอ้อมแขน พร้อมใบหน้าที่ดูภูมิใจ ราวกับไก่น้อยตัวผู้ที่ตีชนะในการแข่งขัน และด้วยความหยิ่งผยองนั้นทำให้นีลเซ็นคันหมัดจนอยากจะซัดเข้าไปที่หน้าเขา
นีลเซ็นยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ลินตันที่หน้าตาฟกซ้ำดำเขียวก็เดินผ่านไป แล้วชี้ไปที่หน้าของนีลเซ็นพร้อมพูดเยาะเย้ย “ไอ้โง่ แกตายแน่! แกมันเป็นคนสารเลว ฉันจะหาทนายมาฟ้องครอบครัวของแก แกรอเข้าคุกแล้วโดน…ได้เลย ไอ้เลวเอ๊ย!”
นีลเซ็นจึงยื่นมือออกไปบีบจุดสำคัญ สีหน้าของลินตันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ดวงตาก็ปูดจนเหมือนจะถลนออกมาเพราะเจ็บจนไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้
หน่วยยามฝั่งที่รอเรือเทียบท่า มีบางคนเห็นนีลเซ็นลงมือก็จะเข้าไปจับกุมเขา ฉินสือโอวจึงโยนบัตรประจำตัวหน่วยจู่โจมกองทัพบกให้พวกหน่วยยามฝั่ง ส่วนนีลเซ็นใช้มือข้างหนึ่งหยิบกล้องบันทึกวิดีโอจิ๋วที่ติดไว้กับเนกไทออกมาแล้วพูดว่า “คนพวกนี้คุกคามหน่วยจู่โจมกองทัพบก พวกคุณอยากดูหลักฐานไหมล่ะ?”
แต่ผู้นำหน่วยยามฝั่งในครั้งนี้กลับเป็นคนคุ้นเคยกัน พอฉินสือโอวได้เจอหน้าเขาก็ยิ้มและเดินเข้าไปจับมือทักทาย
เพราะว่าปีที่แล้วฉินสือโอวได้ไปรายงานต่อทางการว่าแก๊งม้ามังกรปลูกกัญชาบนเกาะแฟร์เวล เลยโดนฝั่งนั้นแก้แค้น โดยการส่งคนมาลอบทำร้ายเขาในกลางดึก ตอนนั้นหลังจากที่แจ้งตำรวจ ยามชายฝั่งตอนนั้นก็คือตำรวจพันตรีคนนี้ที่พาคนมาช่วย ฉินสือโอวไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเต็มของเขา รู้เพียงแค่ว่าพวกลูกน้องต่างก็เรียกเขาว่าพันตรีเดวิส
“ฉิน เจอกันอีกแล้วนะ บังเอิญจริงๆ เลย” พันตรีเดวิสพูดพร้อมยิ้มเจื่อนๆ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับฉินสือโอวมักจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเสมอ และครั้งนี้ก็เป็นยามชายฝั่งแห่งเซนต์จอห์นที่ต้องมาเผชิญ
ฉินสือโอวหัวเราะและตอบกลับ “ไม่ ไม่ใช่บังเอิญหรอก พอดีว่ามีคนทำผิดกฎหมาย แล้วพวกเราไปเจอพอดี เลยมาปฏิบัติตามกฎหมายด้วยกัน”
มีนายทหารผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างพันตรีเดวิส ถ้าดูจากยศแล้วมียศเดียวกันกับพันตรีแต่เขาดูสูงวัยกว่าเล็กน้อย เขาได้ยินที่ฉินสือโอวพูด จึงหันมาสบตานิ่งแล้วพูดเสียงเรียบว่า “ไม่ว่าพวกมันจะเป็นอาชญากรหรือไม่ ผมอยากรู้ว่าพวกคุณมีคุณสมบัติพอที่จะจัดการตามกฎหมายเหรอ? อย่าบอกผมนะว่าพวกคุณเป็นทหารกองหนุน”
ฉินสือโอวหรี่ตาและพูดตามปกติว่า “ก็พวกผมเป็นทหารกองหนุน ทำไมเราถึงจะไม่มีคุณสมบัตินั้นกันล่ะครับ?”
แล้วพันตำรวจตรีก็พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดขึ้นมาว่า “กฎหมายข้อไหนบัญญัติไว้ว่าให้พวกนายมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมายกับพลเมืองได้น่ะ? และตามที่ผมรู้มานะ พวกคุณยังทำเกินกฎหมายอีกต่างหาก! กองหนุนอะไรกัน ใครๆ ก็รู้ว่าทหารกองหนุนของแคนาดาก็เป็นแค่พลเรือนทั่วๆ ไปนั่นแหละ!”
พวกหนุ่มสาวเมื่อได้เห็นก็ทำให้เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า ตำรวจพันตรีคนนี้อยู่ข้างพวกเขาอย่างชัดเจน พวกหนุ่มสาวจึงพร้อมใจกันมองไปที่เขาอย่างคาดหวัง
ฉินสือโอวยกมือขวาพร้อมชูนิ้วชี้ขึ้นและกล่าวว่า “อันดับแรก พวกเขาฝ่าฝืนกฎหมายในเขตฟาร์มปลาของผม ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของ ผมก็ต้องปกป้องสมบัติของผม สมบัติส่วนตัวของผมนั้นศักดิ์สิทธิ์ห้ามรุกราน เข้าใจไหม?”
เขาชูนิ้วกลางเพิ่มและกล่าวต่อ “ข้อสอง…”
“ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างไร?” แล้วพันตรีก็พูดแทรกขึ้น “จากรายงานที่เราได้รับ เด็กพวกนี้เพียงแค่ไปนั่งเรืออาบแดดกันก็เท่านั้น นี่คนจีน คุณจะพูดอะไรก็ให้มันมีหลักฐานด้วยหน่อยนะ!”
พวกหนุ่มสาวทำหน้าทำตาลอยชายพลางมองไปยังฉินสือโอวอย่างเยาะเย้ย เพราะหลังจากพวกเขาโทรไปหาพ่อแม่ พวกท่านก็บอกให้พวกเขาโยนอาวุธต่างๆ และของที่จะเป็นปัญหาทิ้งลงสู่ทะเล พวกเขาก็ทำตามและคิดว่าฉินสือโอวไม่มีทางหาหลักฐานมามัดตัวพวกเขาได้แน่
ฉินสือโอวยิ้มแล้วหันไปผิวปากใส่ชาร์ค เขาเรียนรู้การผิวปากมาจากวินนี่ทั้งท่าทางที่ดูหล่อและเสียงที่ดังกังวาน
แต่ชาร์คกลับหัวเสียและไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ และมองอย่างเซ่อๆ อยู่บนเรือ
ฉินสือโอวได้แต่ด่าเขาอยู่ในใจ ทำไมชาร์คถึงฉลาดไม่ได้เท่าพวกหู่จือเป้าจือเลยนะ ฉันผิวปากออกจะชัดเจนขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะต้องกลับไปให้บทเรียนกับคนพวกนี้สักหน่อยแล้ว
พอเป็นอย่างนั้นเขาเลยทำได้แค่บอกกับนีลเซ็นเสียงเบา แล้วพยักพเยิดหน้าไปทางเรือ ตอนนี้เองฉินสือโอวก็พูดขึ้น “พวกคุณอยากได้หลักฐานไม่ใช่เหรอ? ได้เลย หลักฐานกำลังมา”
นีลเซ็นและชาร์คแบกกล่องที่ฉินสือโอวซ่อนไว้ในเรือยอชต์ออกมา หลังจากที่ยกออกมา เขาก็เปิดมันออก ด้านในมีปืนไรเฟิลและปืนสั้นสองกระบอก แถมด้านในยังมีคันธนูหกคันและลูกธนูหลากหลายแบบจำนวนมาก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลูกธนูพวกนี้ก็ใหญ่มาก แค่มองก็รู้แล้วว่ามีปัญหา
“นี่คือหลักฐานที่แสดงว่าพวกนายฝ่าฝืนกฎหมาย ถูกไหม?” ฉินสือโอวพูดกับลินตัน
ลินตันตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ในกล่อง เขาหันไปทางชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แล้วตะคอกใส่ “อัลแมน ไหนนายบอกว่าเอาของพวกนี้ทิ้งไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันยังอยู่นี้อีก?!”
พอสิ้นคำพูดนั้น พันตรีก็หน้ามืดมึนตึบขึ้นมาทันใด พลางคิดในใจแม่งเอ๊ย ไอ้พวกโง่!
คงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบลายนิ้วมือแล้ว จากคำพูดของลินตันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าของเหล่านี้เป็นของพวกเขาจริงๆ
พันตรีคนนั้นไม่มีทางเลือก ในเวลานี้จึงได้แต่ปากแข็งแล้วพูดออกมาว่า “เอาเถอะ ถึงพวกเขาจะทำผิดกฎหมายฐานมีอาวุธไว้ในครอบครอง แล้วอย่างไรล่ะ? นี่เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องจัดการ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับทหารอย่างพวกคุณกัน?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่ซากวาฬที่อยู่หางเรือแล้วพูดกับพันตรีคนนั้นว่า “นี่คุณโง่หรือเปล่า? ลองไปตรวจสอบสาเหตุการตายของวาฬตัวนั้นดูสิ ลองไปตรวจสอบดินระเบิดที่เหลืออยู่ในซากของมันดู แล้วลองมาเปรียบเทียบกับธนูของพวกมัน ส่วนเรื่องที่เหลือยังต้องให้ผมบอกอีกไหม?”
“ยังมีอีกเรื่อง คุณตำรวจพันตรี ต้องให้ผมพูดย้ำเรื่องก่อนหน้านี้อีกกี่ครั้ง ว่าพวกมันมาก่ออาชญากรรมในพื้นที่คุ้มครองปลาของผม! ตรงนั้นคืออาณาบริเวณของผม สมบัติของผม!” ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงยั๊วะสุดขีดพร้อมใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของตำรวจพันตรี
พันตรีเดวิสมองดูการทะเลาะวิวาทของทั้งสองฝ่ายจึงรีบเข้าไปไกล่เกลี่ย ฉินสือโอวดันเขาออกก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฟังนะ ทนายของผมได้ร่างหนังสือฟ้องร้องส่งให้ศาลเรียบร้อยแล้ว รู้มั้ยว่าพวกมันใช้ธนูฆ่าอะไร? ไม่ใช่แค่วาฬ ฉลามเท่านั้นนะ แต่มันฆ่าเต่ามะเฟืองด้วย!”
“ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้ฆ่าเต่ามะเฟือง!” ลินตันรีบพูดแทรก “แค่วาฬตัวเดียว พวกเราฆ่าไปแค่วาฬตัวเดียว!”
สีหน้าของพันตรีซีดเผือดเข้าไปใหญ่จนแทบอยากจะมุดลงน้ำ ในใจของเขาสาปแช่งลินตันไปแล้วแปดชั่วโคตร อยากจะเอาปืนมาอุดปากมันจริงๆ ทำไมในโลกถึงมีคนที่โง่ได้ขนาดนี้กันนะ? ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาทุกอย่างก็ได้!
ฉินสือโอวหัวเราะเยาะและพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามขึ้น “ถึงขนาดนี้แล้ว พวกนายยังจะไม่ยอมรับบาปที่ทำไว้อีกเหรอ?”
พันตรียังคงอดทนและพูดขึ้น “โอเค คุณฉิน ผมเข้าใจพวกคุณผิดไป งั้นคดีนี้ส่งต่อให้พวกเราซีซีจีทำต่อแล้วกัน พวกเราจะทำงานนี้ต่อให้ดีที่สุด”
“ส่งต่อให้พวกคุณ? พวกคุณมีคุณสมบัติที่จะจัดการเรื่องนี้เหรอ?” ฉินสือโอวมองพันตรีด้วยความดูถูก และพูดด้วยท่าทางทะนงตัว “ซีซีจีทุกท่าน ต้องขอบอกพวกคุณว่า พวกคุณคงรับต่อคดีนี้ไม่ได้ นี่คือความรับผิดชอบของหน่วยเรา คงไม่ต้องให้บอกซ้ำนะว่าหน้าที่ของทหารแห่งเกาะแฟร์เวลอย่างพวกเราคืออะไร?”
เขาดีดนิ้ว รอบนี้นีลเซ็นรู้งานและไม่ทำพลาดเหมือนรอบที่แล้ว และพูดต่อด้วยความปราดเปรื่อง “ปกป้องเต่ามะเฟืองเพื่อให้พวกมันแพร่พันธุ์สู่ธรรมชาติ! และต่อต้านอาชญากรรมต่างๆ ที่มาทำร้ายเต่ามะเฟือง!”
จากนั้นก็มีพวกคนที่อยู่ไม่ไกลทยอยพากันเดินเข้ามามุง พอเข้ามาใกล้ก็มีบางคนยกกล้องขึ้นมาบันทึกวิดีโอไว้ ที่ฉินสือโอให้เออร์บักติดต่อสื่อมวลชนมา ในที่สุดก็มาถึงซะที
…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset