สนามบินนานาชาติโมกาดิชูเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโซมาเลีย ทันทีที่ตัดสินใจมาที่นี่ฉินสือโอวถึงได้รู้ว่า สงครามกลางเมืองในโซมาเลียกับการรุกรานของเอธิโอเปียนั้นนำไปสู่การทำลายสนามบินแห่งนี้หลายครั้ง ต่อมาแม้จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ตัวสนามบินก็ยังคงดูเรียบๆ หยาบๆ
ทว่าเขาไม่นึกว่ามันจะเรียบง่ายหยาบๆ ถึงขั้นนี้เสียหน่อย!
ภายในฟาร์มปลามีสนามบินเล็กๆ อยู่ ฉินสือโอวจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบิน พอมาที่โมกาดิชูครั้งนี้เขาจ้างเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กมาส่งเพราะจำนวนคนของพวกเขาค่อนข้างเยอะ มีพวกแบล็คไนฟ์สี่คน นีลเซ็นก็มาด้วย
เครื่องบินโดยสารขนาดเล็กบินอยู่เหนือสนามบิน ฉินสือโอวเจอหอบังคับการบิน ปกติมันถือเป็นสิ่งปลูกสร้างเชิงสัญลักษณ์ของสนามบิน แต่หอบังคับการบินของสนามบินโมกาดิชูเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนไปแล้ว หลังคาเหล็กชุบสังกะสีทาสีแดงสด เด่นสะดุดตาแต่เฉิ่มไปหน่อย
เครื่องบินบินวนบนอากาศ ฉินสือโอวพยายามกล้ำกลืนอาการพะอืดพะอม พอมองจากหน้าต่างลงไปข้างล่างเห็นสนามบินหลังหยาบๆ ก็ถอนใจอย่างอดไม่ไหว “นี่ใช่สนามบินเมืองหลวงของโซมาเลียจริงเหรอเนี่ย? ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
แบล็คไนฟ์กล่าวอย่างเหนื่อยอ่อน “บอส นี่ไม่เท่าไรหรอกครับ รอคุณไปถึงถนนเมื่อไร เดี๋ยวก็รู้เองว่าอะไรคือน่าเหลือเชื่อ มีอะไรให้คุณไม่อยากเชื่ออีกหลายอย่างเลย!”
ขณะเครื่องบินโดยสารเตรียมลงจอด จู่ๆ นักบินก็คำรามเสียงดังออกมาจากห้องบังคับการ “อ๊าก บ้าเอ๊ย! อ๊าก ฟัคยู! แม่ง ฉันเกลียดโมกาดิชู ไปลงนรกซะไอ้เฮงซวย! ทำไมพระเจ้าไม่ทำลายที่นี่ไปเสียที? ฟัคยู ฟัคยู!”
ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เดินไปดูพลางเอ่ยว่า “เฮ้ พวก ใจเย็น ถ้าโมกาดิชูไปลงนรก เดี๋ยวก็ไม่มีคนจ้างคุณให้บินมาที่นี่หรอก แล้วคุณจะทำเงินได้อย่างไร? เอาล่ะ บอกผมหน่อยว่ามีอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”
เครื่องบินลำนี้ฉินสือโอวเป็นคนเช่ามาจากบริษัทขนส่ง ซึ่งตัวนักบินก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นพอเห็นฉินสือโอวจึงได้แต่ข่มความโกรธทั้งที่ยังไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นแล้วตอบว่า “คุณเชื่อหรือเปล่า? คุณครับ พวกเราสูญเสียสัญญาณวิทยุนำร่องจากสนามบินไป! ตอนนี้พวกเราลงจอดไม่ได้แล้ว ต้องรอสัญญาณจากไอ้พวกเวรนั่นขึ้นมาใหม่ก่อน!”
ฉินสือโอวประหลาดใจมาก “เกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมจู่ๆ ถึงไม่มีสัญญาณ?”
แบล็คไนฟ์หัวเราะเย้ยหยันอยู่ด้านหลัง “แม่งก็ต้องเพราะไอ้สนามบินบ้านั่นอยู่แล้วไง!”
นักบินพยักหน้าสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก “ให้ตายเถอะ นอกจากสาเหตุนี้แล้ว ไอ้สนามบินเวรนี่ยังจะเกิดอะไรขึ้นได้อีกเหรอ?”
ฉินสือโอวพูดไม่ออก แม่งเอ๊ยจังหวะมันดีอะไรอย่างนี้ ถึงเขาจะเคยเจอมาเยอะแล้วก็เถอะ
มิน่านักบินถึงไม่พอใจ เครื่องบินลำเล็กนี้เป็นของเขาที่ฉินสือโอวเช่าเหมาลำมา ส่วนน้ำมันเบนซินที่เสียไประหว่างเดินทางนักบินต้องรับผิดชอบเอง เมื่อไม่สามารถลงจอดได้ทันที เขาก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันทั้งหมดที่สิ้นเปลืองไประหว่างนั้น แถมดูจะวิกฤตเข้าไปทุกที
ทางด้านสนามบินไม่ปล่อยให้พวกเขารอนาน ประมาณไม่กี่นาทีต่อมา ชายผิวดำตัวใหญ่หลายคนปีนขึ้นมาตรงกลางหลังคาสีแดงของหอบังคับการบิน ชายคนหนึ่งหยิบแตรขึ้นมาเป่า ส่วนคนอื่นๆ พากันทำมือส่งสัญญาณและโบกธง
“บ้าเอ๊ย!” นักบินสบถอย่างทนไม่ไหว “ทำไมพวกแกไม่ไปตายเสียเลยล่ะ?”
ฉินสือโอวสูดลมหายใจ เขาอดสบถออกมาไม่ได้ “แม่งเอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
สีหน้าแบล็คไนฟ์เคร่งขรึม เขาลากฉินสือโอวกลับไปนั่งที่ นายกระสอบทรายคาดเข็มขัดให้เขา แล้วเอ่ยว่า “โอเค บอส คุณโชคดีจะได้เห็นวิธีบินลงจอดของเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนแล้วนะ การควบคุมลงจอดด้วยกำลังคนล้วนๆ…”
นักบินสบถด่าไปตลอดทาง สุดท้ายก็ลงจอดบนรันเวย์สนามบินได้โดยปลอดภัย แม้รันเวย์จะขรุขระไปบ้าง ฉินสือโอวเหมือนจะตีลังกากลางอากาศทั้งที่ยังรัดเข็มขัดอยู่ ยังดีที่ครั้งนี้เขาไม่ได้อ้วกออกมา
หลังเครื่องบินลงจอด แบล็คไนฟ์ช่วยฉินสือโอวปลดเข็มขัดพลางเอ่ยว่า “คราวนี้คุณเข้าใจหรือยังว่าทำไมหลังคาหอบังคับการบินถึงต้องเป็นสีแดง? เพราะสีแดงเป็นสีที่สดที่สุด คราวหน้าถ้าเกิดพวกเราโชคดีได้มาสนามบินนี้ตอนกลางคืน แล้วคุณจะเห็นว่าขนาดหลังคายังเรืองแสงได้!”
ฉินสือโอว “…”
พอพวกเขาเดินเข้าไป ชายผิวดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา นักบินกลอกตามองค้อนล้วงเงินในกระเป๋าโยนให้ชายผิวดำพลางสบถ ‘ไอ้เวรเอ๊ย’
ฉินสือโอวงงอีกรอบ แบล็คไนฟ์หัวเราะต่อ “หมอนั่นคือคนที่เป่าแตรเมื่อก่อนหน้านี้น่ะครับ เขามาขอทิป”
ตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจความรู้สึกของนักบินอย่างลึกซึ้งแล้ว ถ้าเขาอยู่สถานะเดียวกับอีกฝ่าย ก็สมควรที่เขาจะสบถด่า ไม่แน่เขาอาจจะหยิบประแจมาฟาดหัวชายผิวดำนั่นด้วยซ้ำ
หลังได้เงิน ชายผิวดำยังไม่จากไป แต่โฆษณาธุรกิจตัวเองต่อแทน “ต้องการพวกคนคุ้มกันไหม? หนุ่มล่ำแข็งแรงทั้งนั้น! แค่ 200 ดอลลาร์อเมริกาเท่านั้น สี่คนหนึ่งคัน รับประกันคุณจะได้เดินในโมกาดิชูโดยไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องเลย!”
นีลเซ็นชี้ไปที่กลุ่มของพวกเขาพร้อมกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย “นายแน่ใจเหรอว่าตอนที่เราเจอเรื่อง คนคุ้มกันของนายจะปกป้องเราได้จริงๆ? หวังว่าคงไม่ใช่พวกเราเป็นคนปกป้องคนของนายเสียเองนะ”
ชายผิวดำมองพวกของแบล็คไนฟ์ที่มีแววตาดุดัน อกผายไหล่ผึ่ง แล้วจึงเปลี่ยนธุรกิจใหม่ “งั้นพวกนายต้องมีพวกนี้นะ! AK-47 M16 หรือไม่ก็ AK74 เดดเสิร์ทอีเกิล ฉันหามาให้ได้หมดเลยนะ เป็นอย่างไร?”
ทั้งกลุ่มไม่สนใจเขา หยิบสัมภาระของตัวเองจากเครื่องบินเตรียมตัวเดินทาง ชายผิวดำเดินตามอย่างไม่ยอมแพ้ แต่แบล็คไนฟ์กับนีลเซ็นขวางเขาเอาไว้และเอ่ยคำพูดโหดเหี้ยมสองสามคำถึงได้สลัดส่วนเกินหลุด
ตอนออกจากสนามบิน นักบินก็ทนไม่ไหวสบถออกมาอีกครั้ง
ฉินสือโอวถามว่าเกิดอะไรขึ้นอีก นักบินชี้ไปยังหลอดไฟส่องสว่างในห้องข้างๆ ด้วยความโกรธแล้วด่าออกมาว่า “ไอ้บ้าพวกนั้น! ดูสิ ไฟไม่ได้ดับด้วยซ้ำ แต่ไอ้นิโกรบ้านั่นคิดจะเอาเงินผมแต่แรกแล้ว!”
เป็นความจริง ทางด้านหลังมีโบอิ้ง 747 อีกลำหนึ่งลงจอดอย่างราบรื่น ไม่ได้มีคนขึ้นหลังคาหอบังคับการบินไปเป่าแตรแต่อย่างใด ชัดเจนว่ามีวิทยุคอยสั่งการลงจอด
ฉินสือโอวเข้าใจความรู้สึกของนักบิน ทว่าไม่ใช่กับแบล็คไนฟ์ เขาขมวดคิ้ว “พวก โทษทีนะ แต่ครั้งหน้าถ้านายยังพูดจาพล่อยๆ ฉันจะทำให้นายขับเครื่องบินไม่ได้อีกเลย!”
แบล็คไนฟ์ก็เป็นคนผิวดำและนักบินได้หลุดพูดคำว่า ‘นิโกร’ ออกมา ซึ่งคำนี้ไม่สุภาพมากๆ
นักบินพยักหน้าโกรธๆ แล้วออกจากสนามบินไปก่อน
ฉินสือโอวมีรถส่วนตัว เขาให้เบิร์ดมารอรับที่สนามบิน เขาเช่ารถฮัมเมอร์ออฟโรดที่ทนทานมาคันหนึ่ง รถดูเก่าเล็กน้อย ถึงดีไซน์จะหยาบๆ แต่ท่าทางเป็นของคุณภาพดี ยางที่ใหญ่และแผ่นเหล็กบนตัวรถที่หนาชวนให้คนรู้สึกปลอดภัย
ฉินสือโอวเตรียมจะขึ้นรถ จู่ๆ ชายผิวดำที่เพิ่งขอทิปจากนักบินก็โผล่มา เขาเข้ามาใกล้พลางเอ่ยอย่างมีพิรุธ “คุณเศรษฐี ในเมื่อคุณไม่ต้องการพวกคนคุ้มกัน งั้นน่าจะอยากได้ผ้านวมเนื้อไหม? สาวบริสุทธิ์อายุสิบสี่ แค่หนึ่งพันดอลลาร์เอง! เป็นอย่างไรอยากลองไหม?”
แบล็คไนฟ์ทำตามหน้าที่ผู้คุ้มกัน ผลักเขาออกไป ชายผิวดำพอถูกผลักมาสองครั้งก็เริ่มโมโห แต่เมื่อมองพวกทหารที่อยู่รอบๆ แล้วก็ได้แต่ปิดปากต่อไป
เหล่ากระสอบทรายถอดเสื้อนอกออกหลังลงจากเครื่องบิน ช่วงบนสวมแค่ชุดทหารลายพรางที่ดึงซิปลง เผยให้เห็นกล้ามอก รอยสักหลากสีและขนหน้าอกหนาขึ้นปกคลุม แสดงกลิ่นอายสังหารอย่างเต็มที่
………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1083 เปิดโลกทัศน์
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!