เมื่อเห็นหมูป่าโตเต็มวัยที่แข็งแกร่งพวกนั้น ฉินสือโอวก็แอบหงุดหงิด บ้าเอ๊ย ครั้งนี้ประมาทเกินไปจริงๆ
ทีแรกตอนเขาตัดสินใจจะขึ้นเขา นีลเซ็นกับแบล็คไนฟ์ก็อยากมาเป็นเพื่อนด้วย ตอนนั้นที่พวกเขากังวลคือฝูงหมาป่า ช่วงฤดูใบไม้ผลิหมาป่าจะขาดแคลนอาหาร ความดุร้ายจึงมากกว่าปกติ หากได้ประจันหน้ากันคงไม่ต่างจากสนามรบ
ฉินสือโอวคิดว่าไม่จำเป็น หมาป่าออกมาหาอาหารตอนกลางวันน้อยมาก และพวกเขายังเดินตามเส้นทางท่องเที่ยว ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเดินมากมาย ยังไม่เคยได้ยินว่าเจอหมาป่ากัน นอกจากนี้เขาก็พาพวกหู่เป้าฉงหลัวไปด้วย มีสัตว์นักล่าสภาพโตเต็มวัยอยู่ หมาป่าย่อมไม่กล้าโจมตีพวกเขาง่ายๆ
การออกไปเที่ยวภูเขาครั้งนี้ เขากับวินนี่ตั้งใจจะไปเที่ยวกันแบบครอบครัว ไม่มีชาวประมงหรือทหารไปด้วย ไม่คิดว่าพวกเขาจะคำนวณพลาด ไม่ได้เจอหมาป่าแต่เจอหมูป่าแทน
เจอหมูป่าก็ยังดีกว่าหมาป่า หมูป่าแคนาดาไม่เหมือนกับหมูป่าในป่าเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน หมูพวกนี้เป็นหมูบ้านที่หนีขึ้นเขาไปแล้วกลายเป็นหมูป่าทีหลัง นิสัยไม่ได้ดุร้ายนักเลยไม่เข้าจู่โจมทันทีที่เจอ
ก่อนขึ้นเขาฉินสือโอวไม่ได้นึกถึงกรณีของหมูป่า ส่วนใหญ่เพราะพวกมันไม่ได้ดุร้าย แถมพวกเขามีกันหลายคนพร้อมหู่เป้าฉงหลัว หมูป่าย่อมเลือกหนีก่อนเป็นอันดับแรกไม่จู่โจมอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้ค่อนข้างพิเศษ เจอพวกหู่เป้าฉงหลัวเข้าไปนอกจากไม่กลัวไม่หนีแล้ว ยังประจันหน้าพ่นลมหายใจฟืดฟาด กระทุ้งเขี้ยวกับพื้นรุนแรงจนดินกระจาย ดูน่าหวั่นเกรง
แต่หมูป่าเหล่านั้นไม่ได้เล็งมาทางพวกฉินสือโอที่อยู่ด้านหลัง กลับจ้องฉงต้าเขม็ง แววตาโกรธเคืองล้วนจับจ้องที่ตัวมัน
การที่สัตว์ป่าจู่โจม มีแค่ไม่กี่กรณี สู้เพื่ออาณาเขต สู้เพื่อจับคู่ หาอาหาร
แน่นอนว่าฝูงหมูป่าไม่ได้มาเพราะสองเหตุผลแรก แต่เพราะมาหาอาหาร งั้นพวกมันก็ควรจะจู่โจมพวกฉินสือโอวสิ ไม่ใช่ไปเล็งที่ฉงต้า อย่างที่รู้กันว่าหมีสีน้ำตาลเป็นเจ้าแห่งป่าเขา หมูป่ายิ่งไม่กล้าหาเรื่องกับมัน
เหตุการณ์ตอนนี้ฉินสือโอวคิดเชื่อมโยงไปถึงลูกหมูป่าที่ฉงต้าคาบกลับมา เลยเดาเหตุผลออกทันที หมูป่าพวกนี้มาเพื่อแก้แค้น ลูกหมูป่าที่ฉงต้าฆ่าไปต้องอยู่ในฝูงนี้แน่
สถานการณ์ค่อนข้างเสี่ยง ฉินสือโอวไม่มีเวลาให้คิดมาก เขาสะบัดมือกางคันธนูออก พร้อมลูกศรปลายแหลมสองลูกตรงสายธนู เกร็งแขนดึงธนูจนเป็นรูปพระจันทร์
เออร์บักยกปืนลูกซองเรมิงตันที่แบกมาตลอดทางขึ้นมา สภาพจิตใจของนายทนายเก่าย่อมดีกว่าฉินสือโอวมาก สีหน้าเยือกเย็น แววตาแหลมคม เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “ไม่เป็นไร นายจัดการตัวหนึ่งฉันจัดการตัวหนึ่ง อีกสามตัวที่เหลือก็ให้พวกเด็กๆ ไป!”
วินนี่กันพวกเด็กวัยรุ่นไว้ข้างหลัง พาวลิสหยิบท่อนไม้ติดไฟมาถือไว้บ้าง แล้วตะโกนว่า “พี่วินนี่ มาอยู่ด้านหลังผมไว้!”
ยิ่งการเผชิญหน้ากินเวลานาน ความตึงเครียดก็ยิ่งมากขึ้น หู่จือ เป้าจือคำรามไม่หยุด ฉงต้ากับหลัวปอคำรามตามเพื่อข่มขวัญหมูป่าห้าตัว
พวกหมูป่าตัวใหญ่ระดมพล ความกล้าหาญเพิ่มขึ้นไร้ความกลัว ยังคงยกเขี้ยวแหลมคมขึ้นเตรียมเข้าโจมตี
ตอนนั้นเองวอล์คกี้ทอล์คกี้ที่ฉินสือโอวห้อยไว้บนไหล่ก็ส่งเสียง “ปิ๊บๆ นี่มิลเลอร์นะ เราได้ยินเสียงหมากับสัตว์ป่า นั่นฉินใช่ไหม? พวกนายอยู่ไหนน่ะ? กำลังเจอปัญหาหรือเปล่า?”
เงินที่ฉินสือโอวจ่ายค่าติดตั้งสถานีสัญญาณวิทยุไปในที่สุดก็มีประโยชน์เสียที เขาตอบว่า “พวกเราอยู่บนไหล่เขาเขตสอง ใช่ เรากำลังเจอปัญหาอยู่ หมูป่าฝูงหนึ่งล้อมพวกเราอยู่”
สิ้นเสียงเขา ก็มีเสียงยิงปืนดังขึ้นไม่ไกล และเสียงคำรามของหมาล่าเนื้อที่ตรงเข้ามาทางพวกเขา
เสียงยิงปืนทำพวกหมูป่าตื่นตระหนก สัญชาตญาณของพวกมันต้องการเปิดการโจมตี แต่เสียงเห่าหอนของหมาล่าเนื้อที่ไล่หลังมาก็ทำพวกมันหวาดกลัว เออร์บักฉวยโอกาสยิงไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง เรมิงตันลั่นไกเสียงดังลั่น ทำชั้นเปลือกไม้ลอยกระเด็น!
ด้วยการโจมตีสองด้าน ในที่สุดหมูป่าก็หวาดกลัว พวกมันร้อง ‘อู๊ดๆๆ’ พลางมองฉงต้าอย่างโกรธแค้นทีหนึ่ง ก่อนจะหนีเข้าไปในป่าด้านหลัง พุ่งชนพุ่มไม้แห้งลับสายตาไป
เมื่อถึงตรงนี้ฉินสือโอวถึงถอนหายใจโล่งอก แต่พอมองไปยังทิศที่ฝูงหมูป่าหนีไปก็อดกลัวไม่ได้ พุ่มไม้ถูกบดขยี้ถูกชนล้ม ต้นไม้ต้นเล็กบางส่วนก็โดนโค่นหัก ถ้าเกิดฝูงหมูป่าพุ่งมาทางพวกเขาละก็…
ต้องขอบคุณที่เป็นหมูป่าแคนาดาไม่ใช่หมูป่าตามป่าเขาจีน ไม่งั้นวันนี้คงทำฉินสือโอวเสียใจแย่!
ไกลกว่าที่ตาเห็น หลังพวกหมูป่าจากไปได้สองนาทีกว่า หมาล่าเนื้อที่เห่าหอนก่อนหน้านี้จึงวิ่งมาถึงที่นี่ เช่นเดียวกับเจ้าของ เป็นเวลาสิบนาทีต่อมา ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นศึกตัดสินแพ้ชนะระหว่างฝูงหมูป่ากับพวกฉินสือโอว
มิลเลอร์เจ้าของร้านกาแฟในเมือง เป็นคนหนุ่มที่มีชีวิตชีวา เขากับเพื่อนอีกหลายคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ถามว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหมพวก?”
ฉินสือโอวส่ายหัวยิ้มขมตอบ “ขอบคุณพวกนายมากที่มาช่วยได้ทันเวลาเลย น่ากลัวแต่ก็ปลอดภัยดี ให้ตายเถอะ ขึ้นเขารอบหน้าต้องพาคนมาเยอะกว่านี้แล้ว”
พอโดนฝูงหมูป่าทำเสียขวัญขนาดนั้น พวกฉินสือโอวก็ไม่สนใจอยู่เที่ยวบนเขาต่อแล้ว ทว่าโชคดีที่พวกมิลเลอร์มาพอดี พวกเขาจึงเอานำเนื้อกวางกับเนื้อหมูป่ามาย่างกินด้วยกันได้
หลังแยกย้าย ฉินสือโอวลงเขามาพวกชาวประมงก็แปลกใจว่าทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ เขาเล่าเรื่องที่ฉงต้าก่อเรื่องให้ฟัง ชาร์คเองก็อดกังวลไม่ได้ “อย่าไปหาเรื่องหมูป่าเชียว โดยเฉพาะฝูงหมูป่า วันนี้พูดได้แค่ว่าพระเจ้าคุ้มครองแท้ๆ ปกติพวกมันไม่ค่อยขี้ตื่นกันนักหรอก”
มาคิดๆ ดูหมูป่าตัวใหญ่ก็รูปร่างเหมือนรถถังขนาดเล็กอยู่ น่ากลัวจริงๆ
สุดสัปดาห์ผ่านไป ปูดันเจเนสส์ที่ฉินสือโอวสั่งมาถึงแล้ว ล็อตหนึ่งเป็นแม่ปูและอีกล็อตเป็นลูกปู ขายตามน้ำหนัก แม่ปูได้ห้าสิบดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งกิโลกรัม ส่วนลูกปูสิบดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งกิโลกรัม
ปูดันเจเนสส์จะถูกบรรจุไว้ในกรงบนเรือสินค้า ในการเคลื่อนย้ายแต่ละกรงเพื่อไปชั่งน้ำหนัก แม่ปูตัวหนึ่งต้องหนักไม่น้อยกว่าหนึ่งกิโลกรัม และลูกปูไม่จำกัดขนาด แต่ในหนึ่งกิโลกรัมต้องมียี่สิบตัวขึ้นไปเพราะเป็นลูกปู
กรงที่ใช้ขนส่งกุ้งต้องไม่ใช่กรงขนาดเล็กแบบตอนจับปลา กรงหนึ่งต้องมีความยาวห้าหกเมตร กว้างสองเมตร สูงหนึ่งเมตร ขนาดที่ต้องใช้ผู้ชายแข็งแรงห้าหกคนถึงจะยกได้
แต่ละกรงจะถูกดันไปชั่งน้ำหนักบนตาชั่งอิเล็กทรอนิกส์ แล้วเปิดกรงปล่อยบนชายหาด ตอนนั้นเอง ปูที่อยู่ด้านในก็จะออกมาบนหาด ยกก้ามใหญ่ขึ้นอวดและวิ่งหนีไปทางทะเล
สุดท้ายที่เหลืออยู่ก็จะมีแค่ซากปูที่ไม่ขยับแล้ว แต่ก็ยังต้องเอาไปชั่ง พวกนี้ฉินสือโอวจ่ายแค่ครึ่งราคาก็พอ
กรงปูที่ได้มาทั้งหมดมีแม่ปูสี่ตันกับลูกปูสิบตัน แม่ปูราคาสองแสนดอลลาร์ ลูกปูหนึ่งแสนดอลลาร์ ธุรกิจนี้รวมทั้งหมดเป็นสามแสนดอลลาร์ โดยฉินสือโอวรับผิดชอบค่าขนส่งด้วย สุดท้ายจึงเป็นสามแสนสี่หมื่นดอลลาร์แคนาดา
……………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1080 ฝูงปูลงทะเล
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!