ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1053 แมทช์ฝึกซ้อม

ฉินสือโอวเป่านกหวีด หู่จือกับเป้าจือที่กำลังกลิ้งตัวกับหลัวปออยู่บนสนามหญ้าก็กระดิกหูอันใหญ่โตและรีบวิ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาในทันที พวกมันนั่งลงบนโซฟาทั้งสองด้านของเขาอย่างชาญฉลาดและวางหัวไว้บนเข่าของเขา
โฮบอทกับหลุยส์เห็นความฉลาดของเจ้าแลบราดอร์ทั้งสองตัว ตาทั้งสอบข้างก็เป็นประกายขึ้นมาในทันทีและกล่าวชมครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้าตัวน้อยสวยมากจริงๆ ดูขนของพวกมันสิ เหมือนชุบด้วยทองเลย!”
“หวังว่าในอนาคตจะได้เห็นพวกมันในศาล ผมเชื่อว่าสุนัขสองตัวนี้จะปลอบเด็กๆ ได้”
ฉินสือโอวลูบหัวของหู่จือกับเป้าจือและยื่นมือชี้นิ้วไปที่ทั้งสองคน แลบราดอร์เอียงหัวมองไปที่สองคนนั้นและก้าวก้าวเล็กๆ เดินเข้าไปหา หลังจากนั่งลงมันยื่นอุ้งเท้าขวาด้านหน้าไปวางไว้ที่ด้านหน้าของทั้งสองคนนั้น
ฉากนี้ทำให้โฮบอทกับหลุยส์ถึงจุดไคลแมกซ์ทันที ทั้งสองคนจับมือกับพวกสุนัขตัวน้อยเป็นการหยั่งเชิง พวกเขายกนิ้วให้และตะโกนว่า “ฉลาดมาก พวกมันเป็นเด็ก พวกมันไม่ใช่สุนัขแล้ว!”
ฉินสือโอวยังค่อนข้างระวัง สุดท้ายแลบราดอร์ก็ไม่ใช่มนุษย์ บางคำสั่งยังรับไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ในการเติบโตของพวกมันค่อนข้างปิดและเจอคนแปลกหน้าน้อยมาก พวกมันอาจจะไม่เต็มใจรับคนแปลกหน้า
หลังจากที่หู่จือกับเป้าจือเข้ามาเล่นได้สักพัก โฮบอทกับหลุยส์ก็จากไปอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะออกไปพวกเขาหยิบบิสกิตเสริมแคลเซียมรสนมชิ้นหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าแล้วแบ่งให้แลบราดอร์ทั้งสองตัว พวกแลบราดอร์เงยหน้ามองฉินสือโอว เมื่อเขาพยักหน้า พวกมันจึงอ้าปากรับบิสกิตที่แบ่งแล้วไปกิน
โฮบอทกับหลุยส์ยกนิ้วโป้งให้อีกครั้ง ในสายตาของพวกเขา หู่จือกับเป้าจือเป็นเหมือนกับเทพเจ้าสุนัข
ช่วงต่อไปที่จะพบกันที่ทั้งสองฝ่ายนัดหมายไว้คือหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ถึงตอนนั้นหู่จือกับเป้าจือจะไปทำความรู้จักกับเด็กพวกนั้นก่อนสักหน่อย หลังจากนั้นก็จะไปปรากฏตัวในศาลเป็นเพื่อนเด็กๆ
หลังจากไปส่งโฮบอทกับหลุยส์ ฉินสือโอวก็กลับไปทำความเข้าใจสถานะของสุนัขบำบัดประจำศาลอีกสักหน่อย
เขาพบว่า ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้สุนัขบำบัดประจำศาลมากที่สุด ความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบนี้ก็มีทั้งชมเชยและตำหนิ แตกต่างกันไป สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องก็มีข้อพิพาทอย่างไม่รู้จบมาโดยตลอด
พนักงานอัยการบางคนคิดว่า การปรากฏตัวของสุนัขบำบัดประจำศาลเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญสำหรับอาชญาวิทยาการข่มเหงเด็กและจะกลายเป็นแนวโน้มในการพิจารณาคดีของศาลในภายหลัง มีหลายรัฐอนุญาตให้สุนัขบำบัดจิตที่ผ่านการฝึกซ้อมอยู่ในศาลช่วงที่มีการพิจารณาคดีเพื่อคลายความกดดันของคู่กรณีได้ โดยเฉพาะเด็กกับพยานที่เปราะบางจากการถูกทำร้าย
ตัวอย่างเช่น ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ศาลในรัฐแอริโซนา รัฐฮาวาย รัฐไอดาโฮ รัฐอินดีแอนากับรัฐอื่นบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้สุนัขที่เคยได้รับการฝึกพวกนี้เข้าร่วมการพิจารณาคดีของศาลได้และมอบการปลอบโยนในรูปแบบของการคลอเคลียให้แก่เด็กและพยานคนอื่นที่สภาพจิตใจอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของสุนัขบำบัดนำไปสู่การโต้เถียงเรื่องกฎหมายจำนวนหนึ่ง ทนายของจำเลยคิดว่าการปรากฏตัวของสุนัขในการพิจารณาคดีของศาลจะส่งผลต่อการพิจารณาคดีของคณะลูกขุน
ทนายความที่มีชื่อเสียงบางคนของหน่วยงานพิทักษ์สาธารณะคิดว่าสุนัขบำบัดมีไว้เพื่อพยานที่รู้สึกกดดันจริงๆ แต่แรงกดดันนี้ก็อาจจะเป็นแรงกดดันที่ต้องเผชิญกับการพิจารณาว่ามีความผิด ก็อาจจะเป็นแรงกดดันที่พูดโกหกได้เหมือนกัน และคณะลูกขุนก็จะคิดว่าพยานจะพูดความจริงออกมาภายใต้การชี้นำของสุนัข
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผล สุนัขบำบัดถูกมองว่าเป็นตัวช่วยให้เหยื่อผ่อนคลายและทำให้พวกเขาพูดความจริงออกมา แต่ความจริงที่พูดออกมา แต่นี่เป็นความจริงจริงๆ เหรอ? ถ้าเรื่องที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องโกหก แต่เพราะสุนัขบำบัดอยู่ข้างๆ เรื่องโกหกก็ยังจะถูกคนคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง
สำหรับจำเลย นี่ไม่ยุติธรรมเลย
เป็นเพราะการโต้แย้งนี้ แคนาดาจึงไม่เคยผ่านมติที่จะให้สุนัขบำบัดเข้าไปอยู่ในศาลมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ นครเซนต์จอห์นตัดสินใจจะฝ่าฝืนจรรยาบรรณ
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่โฮบอทกับหลุยส์ได้รับคำมั่นสัญญาของฉินสือโอวจึงกลับไปปล่อยแบบสำรวจความคิดเห็นลงบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศาลนครเซนต์จอห์นซึ่งก็เป็นการขอความคิดเห็นจากประชาชนผ่านทางอินเทอร์เน็ตกับสื่อที่เป็นกระดาษว่า ควรอนุญาตให้สุนัขบำบัดช่วยโจทก์กับพยานคลายความกดดันใช่หรือไม่
โฮบอทเป็นตัวแทนศาลนครเซนต์จอห์น เขาเป็นผู้พิพากษาคนหนึ่ง ระหว่างการสอบสวนเขาให้คำมั่นสัญญาว่า ถ้าในการอุทธรณ์คดีมีสุนัขมาปรากฏตัวในศาล พวกเขาจะรับฟังคดีนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น เพราะสุนัขของศาลอาจจะส่งผลต่อการพิจารณาคดีของคณะลูกขุนจริง
สำหรับเรื่องนี้ ศาลยอมรับว่าไม่สามารถแยกแยะความจริงจากคำให้การของโจทก์กับพยานได้ แต่เรื่องนี้ไม่ควรจะเกี่ยวข้องกับสุนัขบำบัด พวกมันเพียงแค่ทำหน้าที่ของให้ตัวเองให้ดีที่สุดคือ ช่วยให้พยานคลายแรงกดดันลง
หลังจากโฮบอทยอมให้สัมภาษณ์ เขาพูดว่า “ทุกครั้งที่ศาลเริ่มพิจารณาคดีจะต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงทุกครั้ง พวกเราคิดว่าสุนัขของศาลที่น่ารักจะเป็นการปลอบประโลมที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กที่เข้ามาอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีของศาลที่ยาวนานและทุกข์ทรมาน พวกมันสามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้ได้”
ฉินสือโอวไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่า หู่จือกับเป้าจือจะกลายเป็นตัวเอกในเหตุการณ์ที่ปั่นป่วนอย่างนี้ ไม่กี่วันหลังจากนั้น การโต้เถียงที่เกี่ยวกับสุนัขบำบัดประจำศาลเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ภาพถ่ายสวยๆ ของหู่จือกับเป้าจือจึงไปปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ตกับสื่อท้องถิ่น
ในกลุ่มพวกเขา วิธีพูดของนายกแฮมเล็ตนครเซนต์จอห์นค่อนข้างคลาสสิก “ผมรู้จักกับเจ้าของสุนัขบำบัดสองตัวนี้ พูดตามตรงพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นผมคิดว่าผมรู้จักพวกมันดีกว่าทุกคน หู่จือกับเป้าจือเป็นเด็กดี พวกมันช่วยเหลือผู้คนมากมายในเมืองแฟร์เวล ตอนนี้เป็นตอนที่พวกมันต้องการจะช่วยเหลือผู้คนมากยิ่งขึ้น”
ฝ่ายตรงข้ามพูดอย่างเป็นกังวล “หลังจากที่สุนัขบำบัดได้รับความเชื่อใจจากผู้พิพากษา ถ้ารักทุกอย่างที่เป็นมันขนาดนั้น โจทก์ที่อยู่ข้างเดียวกับสุนัขบำบัดก็จะได้รับความเชื่อใจจากผู้พิพากษาที่เอนเอียงด้วยเหมือนกัน คราวนี้คำพูดของโจทก์เป็นความจริงหรือโกหกจะตัดสินได้อย่างไร?”
การอภิปรายด้านนอกเป็นไปอย่างดุเดือด ฉินสือโอวไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะเข้าร่วม เขายังต้องฝึกซ้อมทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนประถมแกรนท์อีก
มิเชลเป็นเอซเพียงคนเดียว เดิมทีเขามีพรสวรรค์ด้านบาสเกตบอลที่โดดเด่นอยู่แล้ว ตอนนี้หลังจากที่เพิ่มการฝึก เขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
สมาชิกในทีมของเขาอ่อนเกินไป และยังตามจังหวะของเขาไม่ทันเลยโดยสมบูรณ์ ในแมทช์ฝึกซ้อมมิเชลสามารถบุกทะลวงและชูตลูกต่อหน้าพวกเขาได้ตามที่ต้องการ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้เล่นเอซทีมฝ่ายตรงข้ามก็สามารถทำลายล้างเด็กที่น่าสงสารพวกนี้ได้ตามที่ต้องการ
ความห้าวหาญของมิเชลและความสนใจของฉินสือโอวที่มีต่อเขานำไปสู่ความไม่พอใจของพวกเด็กๆ เมื่อก่อนพวกเขาเป็นหัวหน้าของทีมนี้ และไม่ใช่รุ่นน้องคนนี้อย่างมิเชล
ถึงแม้ว่าทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนประถมแกรนท์จะไม่มีชื่อเสียง แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย พวกสมาชิกในทีมบาสเกตบอลยังสามารถพึ่งพาจุดนี้เพื่อจะได้รับความสนใจจากพวกสาวๆ ในชั้นเรียน ตอนนี้การปรากฏตัวของมิเชลทำให้พวกเขากลายเป็นใบไม้สีเขียวที่อยู่ด้านหนึ่งของดอกคำฝอย ดังนั้นจิตใจของพวกเขาจะทนได้อย่างไรกัน?
แต่ฉินสือโอวได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากในเมืองแฟร์เวล และทักษะด้านบาสเกตบอลก็แข็งแกร่งสุดยอด พวกเขาก็นับถือฉินสือโอวเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ทนอยู่อย่างไม่มีความสุข เรื่องนี้ส่งผลต่อท่าทีในการซ้อมของพวกเขา พลังในการต่อสู้ของพวกเด็กๆ ที่เดิมทีไร้ความสามารถอยู่แล้วก็ยิ่งแย่ขึ้นไปอีก
ฉินสือโอวรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ดีแน่จึงเริ่มคิดหาวิธี เขาหาสิ่งแปลกปลอมมากระตุ้นและจัดแมทช์ฝึกซ้อมสาธารณะขึ้นมา เหมือนกับเอ็นบีเอแบบนั้น
แมทช์ฝึกซ้อมสาธารณะของเอ็นบีเอเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของพวกสมาชิกในทีมและช่วยทีมขายตั๋ว แมทช์ฝึกซ้อมที่ฉินสือโอวจัดจึงเป็นการทำให้พวกสมาชิกในทีมเห็นภาพของการเป็นนักบาสเกตบอลมืออาชีพ และเพิ่มความสนใจที่มีต่อบาสเกตบอลและแรงจูงใจในการซ้อมของพวกเขา
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset