ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1049 ค้นหาเรือทองคำอีกครั้ง

เด็กทั้งแปดคน ทุกคนเป็นคนผิวขาว เพราะพวกเขาอาศัยอยู่เมืองเดียวกันจึงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ฉินสือโอวไม่ค่อยคุ้นเคยกับพวกเขา เขาปฏิสัมพันธ์กับชาวเมืองค่อนข้างน้อย คนที่คุ้นเคยก็เป็นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของพวกเขาเท่านั้น
แต่เด็กพวกนี้กลับค่อนข้างรู้จักฉินสือโอว ไม่เพียงเพราะฟาร์มปลาขนาดใหญ่ของเขา ยังเพราะเขาเคยแสดงความกล้าหาญในการแข่งบาสในระดับรัฐนิวฟันด์แลนด์ ถ้าเขาสามารถพิชิตไปได้ตลอด เขาอาจจะนำเอ็มวีพีของการแข่งขันมือสมัครเล่นครั้งนี้มาได้
ฉินสือโอวให้มิเชลไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กของโรงเรียนและซื้อเครื่องดื่มชูกำลังเกเตอเรดกับขนมขบเคี้ยวมา เขาบอกให้พวกเด็กๆ นั่งลงและคุยเล่นกัน วันนี้จะไม่ซ้อม ทุกคนจะได้ทำความรู้จักกันสักหน่อย
ในกลุ่มเด็กทั้งแปดคน มีสามคนอยู่ในวง ส่วนอีกห้าคนอยู่นอกวง ไม่มีการแบ่งตำแหน่งอย่างเคร่งครัด เซนเตอร์หรือเพาเวอร์ฟอร์เวิร์ดจะมีความสูงมากกว่า 170 เซนติเมตร เด็กสามคนที่ชื่อว่าแซม วอล์กเกอร์และเกรย์ พวกเขาสูงเกือบจะเท่ากันคือประมาณ 170 เซนติเมตร
ในกลุ่มนี้ แซมเป็นเสาไม้ไผ่บางๆ แต่เกรย์เป็นเด็กอ้วนตัวสูงคนหนึ่ง ฉินสือโอวมองทั้งสองคนตรงๆ และรู้สึกกังวลนิดหน่อย เขาไม่ค่อยเชื่อว่าเด็กแบบนี้จะสามารถเล่นบาสได้ดี เว้นแต่แซมจะเป็นเควิน การ์เน็ตและเกรย์จะมีพรสวรรค์เหมือนทรอย แจ็กสันอะไรแบบนั้น
คนที่เหลืออยู่เป็นตำแหน่งกองหลังกับสมอลฟอร์เวิร์ด ลิสเตอร์ อ็อกเดน โจ ฮูเอล บัตลีย์ อ็อกเดน บูธ แมกซ์เวลกับมิเชล
เด็กพวกนี้ล้วนไม่เคยได้รับการฝึกซ้อมบาสเกตบอลอย่างเป็นทางการมาก่อน ก่อนหน้านี้เป็นอาจารย์พละคนหนึ่งของโรงเรียนแนะนำการซ้อมให้พวกเขา และอาจารย์คนนี้มาจากชั้นเรียนฮอกกี้น้ำแข็งจึงไม่เข้าใจพื้นฐานของบาสเกตบอล ถ้าเขาสามารถนำทีมได้ก็แปลกแล้ว
หลังจากทำความรู้จักกัน ฉินสือโอวให้พวกเด็กๆ ลุกขึ้นและวอร์มร่างกายช่วงล่าง เขาเห็นแค่นี้ก็อยากจะร้องไห้แล้วจริงๆ!
การเลี้ยงลูกของพวกกองหลังยังเคลื่อนไหวได้ไม่ดี การซ้อมด้วยตัวเองของพวกเขาก็เป็นแค่การเล่น กลยุทธ์การป้องกันขั้นพื้นฐานจะไม่ปิดแบบนี้ ดังนั้นพวกเด็กๆ จึงสามารถเลี้ยงบอลได้
สำหรับพวกผู้เล่นวงใน พวกเขาจะไม่รีบาวด์ และจะรับการรีบาวด์ ส่วนวิธีการทำคะแนนเช่นการหมุนตัวโยนลงห่วงและฮุก ชอร์ต สำหรับพวกเขาสิ่งนี้มีอยู่แค่ในตำนานของการแข่งขันระดับมืออาชีพ
ผู้เล่นที่ประสิทธิภาพดีที่สุดกลับเป็นมิเชล ไม่เพียงแค่ชู้ตลูกได้อย่างแม่นยำ เพราะเคยได้รับการฝึกสตรีทบาสจากฮิวจ์คนน้องมาก่อน การจ่ายบอลก็ดีเหมือนกัน เทคนิคการเลี้ยงลูกที่ยอดเยี่ยมและอิสระ ส่วนเด็กคนอื่นจะอยู่ระดับ 2 ทั้งหมด
ดังนั้นฉินสือโอวจึงแปลกใจมาก เขาเรียกพวกเด็กๆ และถามว่า “พวกนายคงเห็นแล้ว การเล่นของมิเชลเป็นการเล่นที่ดีที่สุดถูกไหม? แต่เพราะอะไรเขาถึงเป็นผู้เล่นตัวสำรอง? เขาควรจะเป็นผู้เล่นตัวจริงไม่ใช่เหรอ?”
ทำไมฉินสือโอวต้องมาสมัครเป็นโค้ชบาสเกตบอล? เพราะเชอร์ลี่ย์บอกว่ามิเชลเป็นตัวสำรอง ในความคิดของเขา ถ้าระดับนี้อย่างมิเชลยังเป็นแค่ตัวสำรอง ความแข็งแกร่งของพวกตัวจริงก็ควรจะดีกว่านี้สิถึงจะถูก
แต่ความจริงปรากฏว่า เขาคิดมากไป เขาถูกหลอกแล้ว!
แซมอธิบายว่า “ตัวจริงกับตัวสำรองของพวกเรา ไม่ได้อิงตามความสามารถ แต่เป็นชั้นปี นักเรียนเกรดสูงจะเป็นตัวหลัก นักเรียนเกรดต่ำจะเป็นตัวสำรอง”
ฉินสือโอว “…”
เหงื่อแตกพลั่ก!
ไม่แปลกที่มิเชลจะเป็นตัวสำรอง ฉินสือโอวจำได้ว่าตอนที่เขาเข้าเรียนเมื่อ 2 ปีก่อนเขาอยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และตอนนี้เขาก็อยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถูกไหม?
เขาถามอีกครั้ง มิเชลส่ายหัว “ไม่ใช่ครับ ฉิน พวกผมข้ามชั้นแล้ว ผมกับกอร์ดอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พาวลิสเข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และเชอร์ลี่ย์อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1”
ฉินสือโอวตกใจ ในภูเขาแบบนี้ไม่มีกาลเวลาบนโลกมานับพันปี เขาจำได้ว่าตอนที่เขามาส่งเด็กทั้ง 4 คนเข้าโรงเรียน มิเชลกับเชอร์ลี่ย์อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พาวลิสกับกอร์ดอนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แค่พริบตาเดียวทุกอย่างเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
มิเชลพูดว่า “ง่ายมากครับ พวกเราอายุมากกว่านิดหน่อย ดังนั้นขอเพียงแค่พวกเราตามหลักสูตรทันพวกเราก็จะข้ามชั้นได้ ปีที่แล้วเชอร์ลี่ย์ข้ามไป 3 ชั้น! พาวลิสก็เก่งเหมือนกัน เขาข้ามไป 2 ชั้นทุกปี!”
“กอร์ดอนล่ะ?”
“เอ่อ ปีที่แล้วเขาซ้ำชั้น…”
“บ้าเอ๊ย ไอ้เด็กบ้านี่ กลับไปฉันต้องฝึกเขาอย่างหนัก!”
ตอนนี้ฉินสือโอวกำลังจะเป็นบ้า ในเวลาเดียวกันก็ชื่นชมพาวลิสกับเชอร์ลี่ย์อย่างมาก เด็กพวกนี้เก่งมากจริงๆ แม้ว่าโรงเรียนประถมกับโรงเรียนมัธยมในแคนาดาจะเรียนง่าย แต่ความเป็นไปได้ที่ 1 ปีข้ามไป 3 ชั้นกับ 2 ปีข้ามไป 4 ชั้นก็อัศจรรย์พอแล้ว
ไม่แปลกที่เชอร์ลี่ย์จะสั่งให้กอร์ดอนเรียกเธอว่าพี่สาวอยู่ตลอด และกอร์ดอนก็ไม่กล้าขัดขืน ตอนแรกเรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
วิธีแบ่งตัวจริงกับตัวสำรองวิธีนี้สร้างปัญหาโดยสมบูรณ์ ฉินสือโอวจะแบ่งใหม่อีกครั้ง เขาพูดว่า “หลังจากนี้ รายชื่อผู้เล่นตัวจริงจะใช้ความแข็งแกร่งกับความสามารถของพวกนายมาตัดสิน และเซนเตอร์ของพวกเรา ก็คือมิเชล”
บนใบหน้าของเด็กหลายคนแสดงความไม่พอใจออกมาในทันที มิเชลมีความสุขมากจนหาที่เปรียบไม่ได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีใครปรบมือแสดงความยินดีให้กับเขา
หลังจากฉินสือโอวพูดประโยคนี้จบก็พบว่าไม่ค่อยถูก ตัวเขารีบร้อนเกินไปนิดหน่อย เด็กพวกนี้มองว่าตำแหน่งตัวจริงคือเกียรติยศ เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง เขาก็เลื่อนตำแหน่ง ‘คนของตัวเอง’ อย่างมิเชลซึ่งมันจะไปกระตุ้นความไม่พอใจของพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่ฉินสือโอวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเหมือนกัน เขาไม่อยากทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้ ถึงอย่างไรเป้าหมายแรกของเขาก็คือฝึกฝนมิเชล เด็กพวกนี้ไม่ได้มองกีฬาบาสเกตบอลเป็นงานอดิเรกด้วยซ้ำ บางทีภายในใจของพวกเขา ทุกวันหลังเลิกเรียนการออกไปซ้อมบาสกับเข้าร่วมการแข่งขันอาจเป็นความทรมานแบบหนึ่งก็ได้
หลังจากกำหนดผู้เล่นตัวจริงใหม่อีกครั้ง ฉินสือโอวก็สั่งให้แยกย้ายได้
เมื่อเขาพามิเชลกลับมาถึงวิลล่า มิเชลเดินไปหาเชอร์ลี่ย์และเข้าไปอวดว่า “ฉันได้เป็นกองหลังตัวจริงของทีมบาสของโรงเรียนแล้ว นอกจากนั้นยังได้เป็นเซนเตอร์อีกด้วย ฉันได้เป็นเซนเตอร์เลยนะรู้ไหม? เหมือนกับเซนเตอร์อย่างโคบี้ ดังแคน หรือว่าพอลแบบนั้นเลย!”
ฉินสือโอวมองมิเชลแนะนำตำแหน่งของตัวเองที่เปลี่ยนไปกับทุกคนอย่างมีความสุขและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ตอนนี้ความสนใจของมิเชลที่มีต่อบาสเกตบอลยังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วย ดังนั้นเป้าหมายที่เขามาเป็นโค้ชบาสเกตบอลก็ถือว่าสัมฤทธิผลแล้ว
หลังจากนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา ฉินสือโอวเห็นว่าเป็นเบลคที่โทรมาจึงรับสายและถามว่า “ทำไมไม่ติดต่อมานานขนาดนี้?”
เสียงของเบลคดูเหนื่อยล้านิดหน่อย “เพื่อน ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปฉันต้องรับผิดชอบงานประมูลฤดูใบไม้ผลิของบริษัทจัดประมูลริชชี่ด้วยตัวเอง ทุกเรื่องต้องส่งมาให้ฉัน มันบ้ามากจริงๆ ให้ตายเถอะ ฉันคิดว่าฉันคงต้องเหนื่อยตายแน่ๆ”
ฉินสือโอวรีบปลอบเขาว่า “ถ้าเหนื่อยเกินไป งั้นนายไม่มาพักผ่อนที่ฟาร์มปลาของฉันสักช่วงหนึ่งล่ะ นายหาเงินเพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
เบลคหัวเราะ “ใช่ ถ้างานประมูลจบลงฉันว่าจะไปหานายอยู่ ฉันโทรมาครั้งนี้ เพราะฉันอยากเชิญนายมาเข้าร่วมงานประมูลในโทรอนโตที่กำลังจะเริ่มเร็วๆ นี้ ตอนจบของปีนี้เป็นเครื่องเสาหัวเรือไม้จันทน์แดง เหรียญทองกับเหรียญเงินโบราณและเครื่องประดับไข่มุกสีดำซึ่งก็เป็นของของนายทั้งนั้น นายจะไม่มาดูหน่อยเหรอ?”
ถ้าไม่มีงานประมูลของกรมประมงที่อัมสเตอร์ดัมก่อนหน้านี้ ฉินสือโอวยังสนใจจะไปดูจริงๆ แต่เขาเพิ่งจะกลับมาจากอัมสเตอร์ดัม เขาไม่สนใจจะหนีไปโทรอนโตอีก นอกจากนั้น เขายังยุ่งอยู่ต้องฝึกซ้อมทีมบาสเกตบอลรุ่นเยาว์ ปล่อยให้งานประมูลตายไปซะเถอะ
เบลคเข้าใจอารมณ์กับนิสัยของฉินสือโอวเป็นอย่างดี หลังจากถูกเขาปฏิเสธก็บอกให้รอข่าวดีจากฉันและวางสายไป
ฉินสือโอวนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้ติดต่อกับบิลลี่นานมากแล้วจึงโทรหาเขาและถามว่าเขาอยู่ที่ไหน บิลลี่บ่นและร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลา “ฉันอยู่ที่ชายฝั่งแอฟริกา สภาพอากาศที่นี่แย่มากจริงๆ ฉันแทบจะถูกลมร้อนทรมานจนเป็นบ้าอยู่แล้ว!”
ไม่ต้องพูดถึง บิลลี่ไปน่านน้ำโซมาเลียเพื่อค้นหาเรือทองคำอีกครั้ง เขาเคยรับปากบิลลี่ว่าจะส่งทีมวาฬเบลูกาน้อยไปเก็บตัวอย่างเรือทองคำ แต่เขายังไม่ได้ทำเลย ในใจเขารู้สึกผิดนิดหน่อยจึงรีบพูดว่า “รอฉันก่อน เพื่อน ฉันส่งคนพาวาฬเบลูกากับปลาโลมาไปที่ทะเลโซมาเลียแล้วก่อนหน้านี้ คาดว่าใช้เวลาไม่นานก็คงจะเจอนาย”
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset