ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 950 เจ้าหญิงกับเต่า

ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นพวกคลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้ของจีน เขาไม่เพียงแต่เคยดูหนังของบรูซลีเท่านั้น ยังเคยฟังเพลงของอาจารย์ต้ามู่อีกด้วย
พ่อของเด็กหนุ่มขมวดคิ้ว พยายามดึงแขนเขาเพื่อลากออกไปจากที่นี่ เด็กหนุ่มต่อต้านสุดฤทธิ์ แต่ว่าเขาอายุเพียงแค่สิบกว่าขวบเท่านั้น แถมร่างกายยังผอมบางอีก ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความอ่อนแอจากโรค จึงเป็นธรรมดาที่จะต้านแรงของพ่อไม่ไหว จึงถูกลากออกไปในที่สุด
เมื่อรู้ว่าสู้แรงไม่ไหว เด็กหนุ่มจึงหันหน้ามาทางฉินสือโอวแล้วตะโกนว่า “อาจารย์! อาจารย์! ผมชื่อไวส์ บรูซ คำว่าบรูซมาจากบรูซลี! คุณต้องจำผมให้ได้นะ อู้ๆ อย่ามาปิดปากผม! อาจารย์ ผมจะกลับมาอีก I will be back! ให้ตายสิ พูดผิดแล้ว นี่เป็นคำพูดจาก ‘ฅนเหล็ก’!”
“ไวส์!!” ในตอนนี้ชายวัยกลางคนโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว
หลังถูกเด็กหนุ่มมาวุ่นวายแบบนี้แล้ว ไฟโกรธในใจของฉินสือโอวก็ค่อยๆ ดับลง เขามองไปที่อัลเบิร์ตทีหนึ่งอย่างไม่ไยดี แล้วพูดกับรปภ.ว่า “ผมแนะนำให้พวกคุณพาคุณผู้ชายคนนั้นไปตรวจที่โรงพยาบาลนะ ดูจากที่เขาเอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวดแบบนั้นแล้ว สงสัยจะกินอาหารทะเลมากไปจนท้องเสียหรือเปล่า?”
หัวหน้ารปภ.กลอกตาทีหนึ่งอย่างหมดทางเลือก เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านทางวิทยุสื่อสาร หัวหน้าของเขาตอบกลับเขามาว่าอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปรับผิดชอบเรื่องนี้เอง
พอเป็นแบบนี้ หัวหน้าชายผิวสีจึงโล่งใจขึ้นมา เขาโบกมือทำท่าให้พวกลูกน้องหามอัลเบิร์ตขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไป พาคุณผู้ชายคนนี้ไปเช็กอาการบริเวณท้องที่โรงพยาบาล”
“แต่ว่าหัวหน้าครับ แล้วเต่าจะทำอย่างไรครับ?” คนร่างใหญ่คนหนึ่งถามออกมาด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
หัวหน้าชาวผิวดำแอบด่าว่าเจ้าโง่นี่เอาแต่หาเรื่องให้เขา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “ระหว่างความปลอดภัยของเต่ากับแขก อันไหนสำคัญกว่ากัน?!”
พวกรปภ.เข้าใจความหมายทันที พวกเขาหามอัลเบิร์ตออกไป แล้วทิ้งเต่ามะเฟืองไว้ที่ชายหาดอย่างไม่ไยดี ส่วนเจ้าซื่อก็ยังคงเต้นรำต่ออยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
ฉินสือโอวดึงสวิงออก นั่งตุ้บลงบนกระดองของเจ้าซื่อแล้วพูดว่า “โอเค นายหยุดได้แล้วล่ะ ไม่มีคนมาทำอะไรนายได้แล้ว ไม่ต้องเต้นแล้ว”
เต่ามะเฟืองหันหัวมามองเขา พยายามจะหันมาแตะตัวฉินสือโอวให้ได้ แต่ฉินสือโอวนั่งอยู่บนหลังของมัน ทำให้ไม่ว่ามันจะพยายามอย่างไรก็แตะไม่โดน
ฉินสือโอวยิ้มแล้วลงมาจากกระดองเต่า เต่ามะเฟืองลุกขึ้นมาแหงนหน้าขึ้นมอง ถูไปมาที่ขากางเกงของเขาเบาๆ โดยใช้หัวของมันที่ตอนนี้ก็ยังคงยืดหดเข้าออกอยู่
 “ที่ไอ้คนเลวนั่นพูดอาจจะไม่ผิดก็ได้ คุณรู้จักกับมัน ใช่ไหมคะ?” เสียงสดใสเสียงหนึ่งดังขึ้นมา สำเนียงค่อนข้างแปลก แต่ว่าน้ำเสียงรื่นหูมาก ราวกับเสียงโมไบล์ที่ส่งเสียงยามโดนลมพัด
มีคนเดินมาข้างตัวฉินสือโอว เขามองเห็นรองเท้าหนังหัวทู่สีชมพูก่อน จากนั้นก็เห็นเรียวขาคู่เล็กที่อยู่ภายใต้ถุงน่องสีขาว ขาเรียวยาวสวยได้รูป ราวกับต้นหลิวสองต้น
สุดท้ายพอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของเจ้าหญิงโลลิต้า
การปรากฏตัวครั้งนี้ เจ้าหญิงโลลิต้ามาด้วยลุคแต่งหน้าเบาๆ ภายใต้การแต่งหน้านั้นยังคงมีเสน่ห์ของชนชั้นสูงที่สะอาดบริสุทธิ์อยู่ คิ้วถูกกันได้รูปแต่ลงสีไม่เข้ม ริมฝีปากก็ปราศจากลิปสติกสีเข้ม แล้วเลือกที่จะเผยสีธรรมชาติของริมฝีปากแทน ทำให้เปล่งประกายไปด้วยรัศมีของผู้ดี
ไม่แปลกใจเลยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหญิงที่เป็นที่รักมากที่สุดของดูไบ ฉินสือโอวรู้สึกว่าหากเขามีลูกสาวหรือน้องสาวที่สวยและน่ารักแบบนี้แล้ว เขาก็คงรักและทะนุถนอมเธอเหมือนกัน
นอกเหนือจากนี้แล้ว แม้ว่าจะอยู่ในรีสอร์ตก็ตาม แต่รอบตัวเจ้าหญิงซาลามาห์ก็ยังคงมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่ถึงสี่คนคอยตามอยู่ สมกับที่เป็นเจ้าหญิงน้อยที่เป็นที่รักเสียจริง บอดี้การ์ดพวกนี้จะต้องเห็นตอนที่ฉินสือโอวซัดอัลเบิร์ตอย่างแรงด้วยอย่างแน่นอน เพราะสายตาที่มองมาที่เขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
โดยเฉพาะคนหน้าเหลี่ยมคนหนึ่ง ที่สายตาจับจ้องไปที่แขนของเขา ราวกับว่ากำลังคิดว่าจะเตรียมรับการโจมตีของเขาอย่างไรอย่างนั้น
ฉินสือโอวยังคงนั่งอยู่ที่พื้นแล้วลูบไปที่หัวกลมมนนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองซาลามาห์ แล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ?”
เจ้าหญิงโลลิต้าขมวดคิ้วแน่น แล้วพูดว่า “คุณยังไม่ได้ตอบฉันมาเลย! คุณรู้จักกับมันมาก่อน ใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ครับ พวกเรารู้จักกันมาก่อน มันมีชื่อว่าเจ้าซื่อ คุณจะเรียกมันว่าท่านซื่อก็ได้ เพราะว่ามันอายุมากแล้ว มากกว่าคนทุกคนที่อยู่ที่นี่อีก พวกเราเองก็ควรจะเคารพผู้ใหญ่ ไม่ใช่เหรอครับ?”
เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว เจ้าหญิงโลลิต้าก็หัวเราะออกมา เธอเก็บชายกระโปรงขึ้นทำท่าจะนั่งลง บอดี้การ์ดคนหนึ่งเข้ามาห้ามเธอไว้แล้วพูดว่า “องค์หญิงครับ กรุณาอย่าเข้าใกล้มากเกินไป เพื่อความปลอดภัยครับ”
ดูท่าว่าเจ้าหญิงโลลิต้าจะมีนิสัยดีใช้ได้ เธอยิ้มนิดๆ อย่างเสียดาย จากนั้นก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นั่งลง แล้วเงยหน้ามองบอดี้การ์ดด้วยหน้าตาน่าสงสารแล้วพูดว่า “คุณลุงซาเช่ ระยะห่างเท่านี้ไกลพอหรือยังคะ?”
บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมมองที่เต่ามะเฟืองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วมองไปที่เจ้าหญิงโลลิต้า จากนั้นก็พยักหน้าแล้วนั่งลงเป็นเพื่อนเธอ
ใบหน้าของเจ้าหญิงโลลิต้าเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา แล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “พวกเราควรจะเคารพผู้สูงอายุ ท่านพ่อกับท่านพี่ของฉันก็พูดแบบนี้เป็นประจำ ดังนั้นต่อหน้าฉัน พวกเขาจึงไม่เคยลูบหัวของคนอายุมากกว่าเลย!”
ฉินสือโอวหยุดการลูบหัวของเต่ามะเฟืองไว้ เขาเหลือบตามองเจ้าหญิงโลลิต้าทีหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่ายัยคนนี้เริ่มไม่น่ารักแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหญิงโลลิต้าสนใจเต่ามะเฟืองเป็นอย่างมาก เธออาศัยอยู่ในทะเลทราย ดังนั้นจึงสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับมหาสมุทร เธอมองดูเต่ามะเฟือง แล้วยื่นมือออกไปข้างหน้าอย่างหยั่งเชิงแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่า มันจะไม่ทำร้ายคนก่อน ใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไร บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมก็รีบออกปากห้ามเจ้าหญิงโลลิต้า เจ้าหญิงไม่พอใจขึ้นมา จึงพูดออกมาอย่างเอาแต่ใจว่า “คุณลุงซาเช่ ฉันยังอยู่ห่างอีกตั้งไกล อีกอย่างคุณบอกว่าฉันเป็นคนที่ใจดีที่สุดไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ว่าใครก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอ? งั้นเต่าตัวใหญ่ตัวนี้ก็ต้องชอบฉันด้วย ใช่ไหมคะ? ถ้าไม่ใช่แล้วล่ะก็ ก็เท่ากับว่าคุณโกหกฉันมาตลอดเลย!”
ชายหน้าเหลี่ยมเม้มปากไปทีหนึ่ง ฉินสือโอวรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา น้องชายคนนี้คงไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วแน่
แต่ทว่าสำหรับบอดี้การ์ดแล้ว ถือว่าชายหน้าเหลี่ยมทำหน้าที่ได้ดีมาก เขาเข้าไปจับเต่ามะเฟืองก่อน
เต่ามะเฟืองนั้นมีความอดทนกับท่าทีที่ไม่เป็นภัยอย่างมาก จึงหดหัวเข้ามาให้เขาลูบเต็มที่ เพราะไม่แน่ว่าอาจจะมีของกินให้ด้วยก็ได้ ตอนที่อยู่เกาะแฟร์เวล เหล่านักท่องเที่ยวลูบมันแล้วก็จะให้ของกินกับมันด้วย
ชายหน้าเหลี่ยมลูบไปมาหลายจุด ถึงขั้นจิ้มไปที่ปากของเต่ามะเฟืองด้วย แต่ท่านซื่อก็แค่ผลักเขาออกไปอย่างรำคาญเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายเขาแต่อย่างใด
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ชายหน้าเหลี่ยมจึงถอยตัวออกมาแล้วพยักหน้าให้กับเจ้าหญิงโลลิต้า บอดี้การ์ดคนอื่นทำท่าว่าอยากจะพูดอะไร แต่พอชายหน้าเหลี่ยมจ้องตาเขม็งเท่านั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อแล้ว
เจ้าหญิงโลลิต้ายื่นมือไปลูบกระดองของเต่ามะเฟือง แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า “เย็นจัง เหมือนขวดที่เพิ่งออกมาจากช่องแช่แข็งเลย”
เจ้าซื่อเงยหน้ามองเจ้าหญิงโลลิต้าด้วยสายตาน่าสงสาร มีของให้กินหน่อยไหมนะ? พวกเธอพากันมาลูบฉัน อย่างน้อยก็น่าจะมีอะไรให้ฉันกินบ้างไม่ใช่เหรอ?
แต่เจ้าหญิงโลลิต้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านซื่อต้องการสื่อ เธอแค่รู้สึกเหมือนกับได้ของเล่นใหม่มา ลูบคลำเต่ามะเฟืองไปทั่ว แม้กระทั่งจุดซ่อนเร้นก็ไม่เว้น
ชายหน้าเหลี่ยมสังเกตเห็นถึงจุดนี้ เขาขยับมุมปากไปทีหนึ่ง ราวกับว่ากำลังลังเลที่จะเตือนเจ้าหญิงน้อยว่ากำลังทำอะไรอยู่ หลังจากคิดทบทวนเสร็จ ก็ตัดสินใจไม่พูดอะไร
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาคิดว่าท่านซื่อก็คงไม่สนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวหรอก
รอบๆ ยังคงมีเด็กๆ ยืนมองอยู่จากที่ไม่ไกลนัก พวกเขาเองก็สนใจเต่ามะเฟืองที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ด้วยเหมือนกัน เมื่อกี้แค่ตกใจไปหน่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้พอเห็นว่าเต่ามะเฟืองค่อนข้างเชื่องแล้ว จึงเริ่มพากันล้อมเข้ามาอีก
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset