ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 942 โดนหลอกกันหมด

ฉินสือโอวมองบิลลี่อย่างสงสัย แล้วพูดว่า “ทำไมต้องให้ฉันออกหน้า?”
บิลลี่ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด แล้วพูดแจกแจงให้ฟังว่า “พวกนายคงรู้เกี่ยวกับสถานการณ์งี่เง่าของโซมาเลียแล้ว ตอนนี้พวกเรารู้ถึงตำแหน่งที่แน่นอนของเรือทองคำแล้ว แต่ว่าไม่สามารถส่งเรือไปงมได้ในทันที ไม่อย่างนั้นคงต้องถูกโจรสลัดของโซมาเลียบุกปล้นอย่างแน่นอน”
“ดังนั้น พวกเราต้องคำนวณมูลค่าของเรือทองคำก่อน ถ้าหากว่ามูลค่าไม่มาก งั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปงม แต่หากว่าแร่มีส่วนผสมของแร่ทองคำสูง พวกเราจะได้จ้างพลเรือติดอาวุธเพื่อตามไปอารักขา ถึงจะสามารถไปงมได้”
“ฉิน นายจะต้องให้วาฬเบลูกาของนายไปหาเรืออับปางตรงจุดที่มันจมลงไป แล้วเอาหินออกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นพวกเราค่อยมาวิเคราะห์ปริมาณทองคำกัน…”
ยิ่งพูด เสียงของบิลลี่ก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆ เพราะเขาเห็นสีหน้าของฉินสือโอวไม่ค่อยดี
สีหน้าของฉินสือโอวต้องไม่ดีแน่นอน เขาตบไปที่บ่าของบิลลี่แล้วพูดว่า “เพื่อนรัก นี่คือสิ่งที่นายบอกว่าพวกนายกำลังจะงมเรือขึ้นมาได้แล้วอย่างนั้นเหรอ? ทำไมฉันรู้สึกว่า พวกนายนอกจากค้นพบเรือลำหนึ่งแล้ว ไม่ได้มีความคืบหน้าอื่นๆ เลย?”
บิลลี่ยิ้มขืนๆ แล้วพูดว่า “ดังนั้นจึงต้องขอพึ่งบารมีนายไง ลูกพี่ฉิน ไม่อย่างนั้นพวกเราจะยินดีให้นายรับผลประโยชน์เกินครึ่งเหรอ”
ฉินสือโอวคิดสักพัก ก็หมดคำจะพูด เพราะที่บิลลี่พูดมานั้นไม่ผิดเลย
เขาปัดมือออก แล้วพูดว่า “ได้ งั้นเรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง โซมาเลียอยู่ในเขตมหาสมุทรอินเดีย พวกเราอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก แค่นำทางให้วาฬเบลูกาว่ายไปที่นั่น ก็ต้องใช้แรงไม่น้อยเลย”
เบลคพูดด้วยเสียงห่อเหี่ยวใจว่า “ใช่ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย ฉินจะมีเวลาพาวาฬเบลูกาไปถึงมหาสมุทรอินเดียได้อย่างไร?”
บิลลี่ลูบจมูกเบาๆ ไม่พูดอะไรต่อ ก็นี่น่ะเป็นหัวข้อสนทนาห่วยแตกที่เขายกขึ้นมาเอง
ฉินสือโอวพูดว่า “ก็ไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องไปด้วยหรอก ขอแค่เป็นเรือของฉัน วาฬเบลูกาก็ตามไปแล้ว ขอแค่วางอาหารล่อไว้ตลอดทาง มันก็จะว่ายไปถึงมหาสมุทรอินเดียได้ แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจัดการให้เสร็จได้ในเวลาอันสั้นอยู่ดี ดังนั้นค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน”
ใกล้ถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว ในรีสอร์ตมีห้องโถงขนาดใหญ่ที่กว้างขวางอยู่ห้องหนึ่ง อาหารค่ำจึงจัดขึ้นที่นั่น
ฉินสือโอวนึกว่าอาหารค่ำมื้อนี้จะเป็นที่ที่ให้ทุกคนได้กินดื่ม ร้องรำทำเพลง จีบสาว และหารือธุรกิจกัน แต่หลังจากเข้าไปข้างในแล้วกลับพบว่าไม่ใช่ ในห้องโถงได้จัดโต๊ะเก้าอี้ไว้แล้ว บริษัทเอ็กซ์เพรสจะทำการประกาศผลประกอบการประจำปี จึงเชิญให้พวกเขามาฟังเท่านั้น
เรื่องนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกเบื่อเป็นอย่างมาก ดีที่บริษัทเอ็กซ์เพรสหลอกคนทั้งหมดได้สำเร็จ มีบางคนที่ถึงขั้นใส่สูทผูกไทมาร่วมงานด้วย อย่างที่รู้ว่าอุณหภูมิของข้างนอกนั้นสูงกว่าสามสิบองศาเซลเซียสเลย หากไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศในห้องโถงเพียงพอแล้วล่ะก็ คาดว่าชื่อของบริษัทเอ็กซ์เพรสคงถูกคนพวกนี้เล่นงานเอาแน่ๆ
เมื่อมองเห็นแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวรู้สึกดีใจขึ้นมานิดหนึ่ง คำโบราณว่าไว้ ไม่ห่วงว่าไม่ได้ส่วนแบ่ง แต่ห่วงว่าจะถูกแบ่งให้ไม่เท่ากัน ทุกคนที่นี่ต่างถูกหลอกกันหมด มีบางคนที่ถูกหลอกได้อย่างน่าสงสารด้วย โดยเฉพาะชาวเยอรมันทั้งหลาย ที่ตอนนี้หน้าดำกันหมดแล้ว เมื่อเห็นแบบนี้แล้วเขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างมาก
ในบัตรเชิญของทุกคนจะมีเลขที่นั่งอยู่ด้วย หลังจากเข้าไปในห้องโถงแล้วก็มีพนักงานสาวสวยเดินเข้ามาถามว่า “คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าคุณราศีอะไรคะ?”
ฉินสือโอวอึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงอึกอักว่า “รู้สึกว่าจะราศีสิงห์หรือว่าอะไรนี่แหละ? ผมเกิดวันที่หนึ่งกันยายน คุณคิดให้ผมแล้วกัน?”
เขาพูดจบ พนักงานก็อึ้งทันที ฉินสือโอวจึงได้แต่ยิ้มขืนๆ แล้วอธิบายว่า “พวกเราคนจีนไม่ค่อยสนใจเรื่องราศี แต่จะใช้เป็นปีนักษัตรแทน ผมเกิดปีหนู ว่าแต่คุณถามเรื่องนี้ทำไมครับ?”
ทุกคนที่อยู่ข้างหลังพากันหัวเราะร่าออกมา มีคนเข้ามาจับไหล่ฉินสือโอวไว้แล้วหัวเราะพร้อมพูดว่า “ฉิน คุณนี่เป็นคนที่มีอารมณ์ขันจริงๆ เขาไม่ได้ถามราศีของคุณ แต่ถามระดับที่นั่งกับเลขที่นั่งต่างหาก! (คำว่าเลขที่นั่งกับราศีของภาษาจีนใช้คำเดียวกัน)”
ฉินสือโอวหันหลังกลับไปมอง เห็นชายที่อยู่ในชุดมิชลาฮ์สีขาวทั้งตัวคนหนึ่งกำลังหัวเราะร่าเขาอยู่ ใบหน้านี้ช่างคุ้นตาจริงๆ ที่แท้ก็อาฟิฟนี่เอง เจ้าหมอนี่ก็มาด้วย!
ข้างๆ อาฟิฟมีโลลิต้าตาสีน้ำตาลคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย ครั้งที่แล้วที่ฉินสือโอวไปเข้าร่วมงานแถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์เรือล่มที่จัดขึ้นในสวนของพระราชวังก็เคยเจอกับเธอมาก่อน เธอคือเจ้าหญิงที่สวยที่สุดของตะวันออกกลาง เจ้าหญิงซาลามาห์
ครั้งนี้เจ้าหญิงโลลิต้าคนนี้มาในชุดเดรสเจ้าหญิงสีชมพู ติดมงกุฎสีเงินเล็กๆ ที่ประดับเพชรไว้บนผม สิ่งที่ดึงดูดผู้คนที่สุดยังคงเป็นตาคู่นั้นของเธอ ทั้งตาและขนตาของเจ้าหญิงนั้นไม่ได้มีการแต่งเติมอะไรมากมาย มีเพียงแค่เส้นขอบตาบนล่างบางๆ เท่านั้นแต่แค่นี้ก็สามารถเผยให้เห็นถึงดวงตาที่สวยงามได้รูปน่าค้นหาคู่นั้นได้แล้ว
ฉินสือโอวกอดกับอาฟิฟ อาฟิฟพูดออกมาอย่างดีใจว่า “ได้มาเจอกับคุณที่นี่ดีจริงๆ เพื่อนฉิน เดี๋ยวผมจะแนะนำหนุ่มคนหนึ่งให้รู้จักนะครับ เชื่อว่าพวกคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แน่”
หลังจากพูดทักทายกันเสร็จ ฉินสือโอวก็ยื่นบัตรเชิญให้กับพนักงาน พนักงานรับมาดูสักพักก็พาเขาไปยังที่นั่งแถวด้านหน้า หลังจากเขานั่งลงแล้วเพิ่งรู้ว่า ข้างๆ เขาก็คือคนที่เพิ่งจะรู้จักกันเมื่อตอนเย็น ราชารถไฟ โมล ฟริตซ์นั่นเอง
“เขาหลอกพวกเราสำเร็จแล้ว ใช่ไหมครับ?” โมลพูดกับฉินสือโอวพร้อมหัวเราะเหอๆ
ฉินสือโอวมองไปที่ชุดสูทที่ตัวเองใส่อยู่ แล้วพูดว่า “แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่พวกเราโดนหลอกแล้วจริงๆ”
โมลยิ้มพร้อมปัดมือแล้วพูดว่า “ไม่มีใครสามารถหลอกตระกูลฟริตซ์ได้หรอก ดูสิ นี่คืออะไร?”
เขายื่นมือเข้าไปในกระเป๋ากำมือแล้วแบออกมา ในนั้นมีช็อกโกแลตแท่งหนึ่งอยู่
ฉินสือโอวกลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้วชูนิ้วโป้งขึ้นมา ราชารถไฟคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ถึงขนาดพกช็อกโกแลตแท่งมาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วย?
โมลก็หัวเราะขึ้นมาด้วย เขาอธิบายว่า “ความจริงแล้วผมไม่ได้ใส่ไว้เองหรอกครับ เสื้อตัวนี้ลูกสาวผมเตรียมไว้ให้ เธอเป็นคนละเอียดอ่อนมาก เลยใส่ของทานเล่นไว้ในกระเป๋าให้เผื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้”
“น่าอิจฉาคุณจริงๆ ครับ ลูกสาวของคุณช่างใส่ใจจริงๆ” ฉินสือโอวพูดชมจากใจจริง
โมลหัวเราะออกมา จากนั้นก็ลากฉินสือโอวไปแนะนำให้ลูกสาวตัวเองรู้จัด ราวกับเด็กที่กำลังอวดรถของเล่นอยู่
ฉินสือโอวฟังไปพลางหัวเราะไปพลาง มีพูดแทรกตามโอกาสบ้าง ขอแค่ทำให้โมลมีความสุขได้ก็พอ
เขารู้สึกว่าคนในสังคมสูงพวกนี้ไม่ได้เป็นคนน่ารังเกียจเหมือนอัลเบิร์ตไปเสียทั้งหมด คนส่วนมากความจริงก็คือคนธรรมดา ออกจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกว่าด้วย แถมยังมีวิธีการสานสัมพันธ์ที่ดี การได้พูดคุยกับพวกเขาแล้ว รู้สึกดีกว่าคุยกับคนธรรมดาเยอะเลย
แน่นอนว่า คนพวกนี้จะนับถือคุณจริงหรือเปล่านั้น ไม่สามารถมองออกได้ ก็พวกเขาล้วนเป็นนักแสดงฝีมือดีกันทั้งนั้น
งานเลี้ยงกำลังจะเปิดม่านอย่างเป็นทางการแล้ว ทุกคนที่อยู่ในงานล้วนเป็นลูกค้าระดับสูงของบริษัทเอ็กซ์เพรสทั้งนั้น ดังนั้นคนที่เป็นพิธีกรของงานจึงเป็นประธานคนปัจจุบันของบริษัทเอ็กซ์เพรส คุณเคนเนดี ชิโน
หลังจากเคนเนดีออกโรงก็สามารถสยบเสียงบ่นของพวกรุ่นใหญ่จนหมด เขาเป็นบุคคลในตำนานของวงการธุรกิจในอเมริกา เขาคือ ‘บิดาของบัตรเครดิต’ เขาที่แหละที่เป็นผู้สร้างวงการธุรกิจบัตรเครดิตที่แพร่หลายไปทั่วโลกในปัจจุบัน
น่าเสียดายที่เมื่อก่อนฉินสือโอวไม่รู้จักเขา ไม่อย่างนั้นเขาต้องขว้างไข่เน่าใส่เขาอย่างแน่นอน ให้ตายสิ มีคนหนุ่มชาวจีนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้กี่คนแล้วที่ถูกบัตรเครดิตทำลายชีวิตลง คนในรุ่นของเขาส่วนมากก็เป็นทาสบัตรเครดิตกันทั้งนั้น
ในบรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานนั้น คนที่ใหญ่ที่สุดถ้าไม่ใช่เพื่อนของเคนเนดีก็เป็นพนักงานของเขาเอง ส่วนคนตัวเล็กๆ ที่เหลือนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่หากอิงจากทฤษฎีหกช่วงคนที่ฉินสือโอวเพิ่งนึกได้แล้ว ผู้ใหญ่ของคนเหล่านี้คงเกี่ยวข้องกับเคนเนดีอยู่บ้างไม่มากก็น้อย สรุปก็คือ ไม่มีใครที่กล้าไม่เคารพเขา
…………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset