ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 941 แร่ทองคำเต็มลำ

ทั้งสี่คนรวมตัวกัน นอกจากคุยโวไร้สาระแล้วก็มีหารือเรื่องธุรกิจกันบ้าง สิ่งที่พวกเขาสนใจกันตอนนี้ก็คืออาวุธสำหรับยุทธนาวีกับเหรียญทองพวกนั้น
เบลคบอกว่า “อาวุธนั้นต้องถูกปล่อยไปประมูลอย่างแน่นอน พวกเราเชิญเศรษฐีใหญ่กับสมาชิกของราชวงศ์ในตะวันออกกลางมาได้มากกว่ายี่สิบคนแล้ว ยังจำอาฟิฟได้ไหม? คนที่ซื้อภาพสีน้ำมัน ‘อาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์’ ของพวกเราไปนั่นแหละ เขาเองก็สนใจเหมือนกัน พวกเรารอรับเงินก้อนใหญ่ในงานประมูลฤดูใบไม้ผลิกันได้เลย”
“การจัดการเหรียญทองคำนั้นแบ่งเป็นสองช่องทาง ช่องทางแรกคือนำออกขายลับๆ ส่วนอีกทางก็คือนำออกไปประมูล เหรียญทองที่จะนำออกไปประมูลนั้นถ้าไม่ใช่เหรียญที่คุณภาพต่ำที่นำออกไปขายในราคาถูก ก็ต้องเป็นเหรียญคุณภาพสูงแล้วขายในราคาสูงแทน ส่วนเหรียญทองที่คุณภาพระดับกลางนั้น พวกเราจะนำออกไปขายเอง“
ฉินสือโอวพยักหน้า บอกว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาในตอนนี้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการประมูลมากนัก เพราะว่าฟาร์มปลาได้เริ่มทำเงินให้เขาได้แล้ว ทางบัตเลอร์มีรายได้ต่อเดือนมากกว่าสิบล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว ความนิยมอาหารทะเลที่ผ่านการดัดแปลงจากพลังโพไซดอนได้พุ่งกระฉูดไปแล้ว!
เมื่อพูดถึงธุรกิจ บิลลี่บอกว่าตอนนี้เขาคิดว่ามีโอกาสที่จะหาเรืออับปางเจออีกลำแล้ว จากการวิเคราะห์ข้อมูลของเรืออับปางที่ลูกน้องเขาได้รับมา พบว่ามีเรือลำเลียงลำหนึ่งจมลงไปแถวน่านน้ำโซมาเลีย เรือลำนี้เป็นเรือลำเลียงสมบัติตอนช่วงต้นของสเปน บนเรือนั้นได้เต็มไปด้วยแร่ทองคำดิบ หากว่าสามารถงมขึ้นมาได้ รับรองว่าจะสามารถทำให้พวกเขารวยได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนแน่นอน
“ตอนนี้พวกเราก็กำลังเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนแล้วนะ” แบรนดอนพูดพร้อมกับหัวเราะ
สิ่งที่ฉินสือโอวอยากรู้คือมีทองคำบนเรือลำนั้นมากเท่าไรมากกว่า จึงถามออกไป
บิลลี่กางมือออกมา ฉินสือโอวพูดด้วยเสียงตกใจว่า “ห้าตัน?!”
จากราคาทองคำในตอนนี้ ทองคำหนึ่งตันมีราคาประมาณสี่สิบล้านกว่าดอลลาร์สหรัฐ งั้นทองคำห้าตันก็เท่ากับเป็นเงินสองร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเลยสิ ถึงว่าบิลลี่ถึงบอกว่าพวกเขาจะกลายเป็นเศรษฐีข้ามคืน!
บิลลี่จ้องตาเขม็งไปทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ห้าตันอะไรกัน? หนึ่งพันตันต่างหาก!”
ทุกคนตื่นเต้นกันทันที เบลคดึงตัวเขามาจับไหล่ไว้เขย่าไปมาแล้วพูดว่า “ฟัค! หนึ่งพันตัน? มีหนึ่งพันตันแล้วทำไมนายถึงชูแค่ห้านิ้วล่ะ?! นายแน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจผิด? ทองคำหนึ่งพันตัน? สี่หมื่นกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐ?!”
ทองคำหนึ่งพันตันนี่น่าขนลุกจริงๆ เพราะในช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 มีปริมาณการผลิตทองคำที่ค่อนข้างต่ำ เพราะช่วงพันปีก่อนหน้าประวัติศาสตร์นั้น มนุษย์สามารถขุดทองคำได้ไม่ถึงหนึ่งหมื่นตันด้วยซ้ำ อย่างในช่วง 100 ปีของศตวรรษที่ 18 ก็สามารถขุดพบได้แค่ 200 ตันเท่านั้น
จนถึงศตวรรษที่ 19 ที่ได้มีการค้นพบแหล่งขุดแร่ทองคำ ทำให้ปริมาณทองคำในช่วงเวลานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 50 ปีหลังของศตวรรษที่ 19 ที่ปริมาณการค้นพบทองคำนั้นมากกว่าปริมาณทองคำทั้งหมดที่ค้นพบใน 5000 ปีก่อนหน้าอีก
ในปัจจุบัน ปริมาณการผลิตทองคำของโลกนั้นคือประมาณ 2600 ตันต่อปี
แต่ไม่ว่าอย่างไรทองคำหนึ่งพันตันก็ยังน่าขนลุกอยู่ดี!
แต่บิลลี่ก็ได้ทำลายความฝันของพวกเขาลง “ฉันเองก็ฟัคแล้ว เพื่อนฝูง พวกนายได้ตั้งใจฟังคำพูดฉันหรือเปล่า? ใช่ หนึ่งพันตัน แต่พวกนั้นไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์ แต่เป็นแร่ทองคำดิบ! เป็นแร่ดิบ!”
แบรนดอนที่ได้ยินคำพูดนี้ก็มีท่าทีผ่อนคลายลง พูดว่า “ฉันว่าแล้ว ทองคำหนึ่งพันตันนั้นน่าขนลุกเกินไป แต่แร่ทองคำดิบหนึ่งพันตันนี่ไม่จำเป็นต้องงมหรือเปล่า? การเจียระไนล่ะ? เจียระไนไปถึงไหนแล้ว?”
เขาทำงานธนาคาร ธนาคารต้องทำการเก็บสะสมทองคำ ทองคำที่เก็บสะสมในธนาคารทั่วแคนาดารวมกันแล้วยังไม่ถึงหนึ่งพันตันเลย
ความจริงแล้วแร่ทองคำดิบไม่ค่อยมีมูลค่าสักเท่าไร ทุกคนต่างก็รู้ดี แอฟริกาใต้นั้นเป็นประเทศที่ผลิตทองคำมาแต่โบราณ แต่แม้แต่ทองคำดิบหนึ่งพันตันในประเทศแอฟริกาใต้ก็สามารถเจียระไนได้แค่ทองคำ 4k ออกมาเท่านั้น แร่ทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูงหนึ่งตันสามารถเจียระไนทอง 10k ส่วนที่มีความบริสุทธิ์ต่ำหน่อยหนึ่งตันสามารถเจียระไนทอง 2k ทองคำที่เจียระไนได้ต่ำกว่า 2k ต่อตันนั้นล้วนไม่มีค่าแก่การเจียระไน
หากว่าแร่เหล่านี้เป็นแร่ดิบ แม้จะเป็นแร่ที่มีความบริสุทธิ์สูง แต่หนึ่งพันตันก็เท่ากับทองคำแค่สิบกิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยมากๆ
ฉินสือโอวมีความรู้ในด้านนี้ไม่มาก ที่แคนาดาก็ไม่มีเหมืองทองคำด้วย และสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงถามแบรนดอน ว่าแร่ทองคำดิบคืออย่างไรกันแน่
แบรนดอนอธิบายว่า “แร่ทองคำก็คือแร่หินที่มีแร่ทองผสมอยู่ พวกมันสามารถผ่านกระบวนการแต่งแร่เพื่อกลายเป็นแร่ทองคำแท้ได้ ส่วนแร่ทองคำแท้นั้นก็ต้องผ่านการหลอมสกัดแร่ออกมาก่อน จึงจะสามารถกลายเป็นทองคำบริสุทธิ์กับทองรูปพรรณได้”
“แล้วมีแร่ที่มีปริมาณแร่ทองคำค่อนข้างสูงไหม?” ฉินสือโอวถาม
แบรนดอนพยักหน้าแล้วพูดว่า “มี แบ่งออกเป็นสองแบบ แบบแรกคือแร่ทองคำเนื้อดี แร่พวกนี้จะมาจากดาวตก ในดาวตกบางประเภทจะมีปริมาณทองคำอยู่ด้วย ตอนที่ดาวตกผ่านชั้นบรรยากาศของโลกมานั้น ดาวตกกับชั้นบรรยากาศจะเกิดการเสียดสีและปฏิกิริยาการเผาไหม้กับอากาศ ทำให้เศษตะกอนอื่นๆ ถูกกำจัดออกไปในกระบวนการนี้”
“อย่างที่นายรู้ ทองคำนั้นแข็งแรงมาก แม้ในอุณหภูมิสูงก็ยากที่จะทำปฏิกิริยาเคมีกับสารอื่นๆ ได้ ดังนั้นในการพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งสูงกว่าจุดหลอมละลายของทองคำก็คือ 1063 องศาเซลเซียสทำให้ตอนที่พวกมันร่วงลงสู่พื้นแล้วยังอยู่ในสภาพของเหลว คลุมไปบนก้อนหินหรือเม็ดทรายจากนั้นก็แข็งตัวกลายเป็นแร่ทองคำเกรดดี”
บิลลี่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ความบริสุทธิ์ของแร่ทองคำแบบนี้คือแทบจะ 100% หาพบได้ยากมาก เมื่อถูกค้นพบแล้วจะกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของคนในพื้นที่ หรือไม่ก็กลายเป็นสมบัติของชาติไป แน่นอนว่าแร่ทองคำบนเรือนั้นไม่ใช่แร่แบบนั้นแน่นอน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่กังวลเรื่องสงครามอาวุธของโซมาเลีย แล้วไปงมตั้งนานแล้ว!”
ฉินสือโอวทำท่าบอกให้เขายังไม่ต้องพูดอะไร แล้วถามแบรนดอนต่อว่า “จากนั้นล่ะ? แร่ทองคำที่คุณภาพดีอีกอย่างเป็นแบบไหน?”
แบรนดอนพูดต่อว่า “อีกแบบก็คือแร่ทองคำตกผลึก เป็นแร่ที่มีขึ้นเมื่อประมาณสี่ร้อยล้านปีก่อนในยุคสตาทีเรียนของบรมยุคโพรเทอโรโซอิก”
“แร่ทองคำชนิดนี้ก็กำเนิดมาจากดาวตกเช่นกัน แต่ว่าทองคำที่ได้นั้นไม่ได้มาจากการสกัด แต่ได้มาจากตอนที่ดาวตกก้อนใหญ่ที่พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศมา แล้วเพราะอุณหภูมิที่สูงเกินไป ตัวดาวตกทนความร้อนไม่ได้ ทำให้ส่วนผสมต่างๆ ในดาวตกไม่เสถียร และเมื่อจุดหลอมและจุดระเหยไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดการระเบิดออกมา”
“หลังจากระเบิดแล้ว ชิ้นส่วนของดาวตกยังคงเผาไหม้ต่อ ทำให้เศษตะกอนถูกเผาได้ง่ายยิ่งขึ้น สุดท้ายจึงเหลือไว้เพียงแต่ก้อนที่เต็มไปด้วยแร่ทองคำ แร่ทองคำเหล่านี้ก็คือทองคำที่ผ่านการตกผลึกโดยธรรมชาติ กลายเป็นผลึกไอโซเมทริก Face Centered Cubic (FCC) หรือกลายเป็นแร่กึ่งของเหลว ซึ่งก็มีค่ามากเหมือนกัน แค่นำมาเจียระไนแบบง่ายๆ ก็จะได้ทองคำบริสุทธิ์มาแล้ว!”
ฉินสือโอวมองไปที่บิลลี่ บิลลี่ยักไหล่แล้วพูดว่า “มองฉันทำไม? แร่หินในเรืออับปางก็ไม่ใช่แร่หินเกรดดีแบบนั้นเหมือนกัน”
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็หมดแรงทันที เขาพูดว่า “งั้นนายรู้หรือเปล่าว่าแร่พวกนั้นเจียระไนไปแค่ไหนแล้ว?”
บิลลี่พูดอย่างน้อยใจว่า “เอกสารของสินค้าในตอนนั้นส่วนใหญ่ได้หายไปหมดแล้ว จะให้ฉันไปหาข้อมูลที่แน่ชัดจากไหนล่ะ? แต่ว่าแร่ทองคำหนึ่งพันตันนั้น อย่างน้อยก็สามารถเจียระไนออกมาเป็นทองคำได้หนึ่งถึงสองตันแน่นอน ไม่อย่างนั้นเรือลำเลียงสมบัติของสเปนก็คงไม่มีความจำเป็นต้องลำเลียงพวกมันมาตั้งแต่แรกแล้ว!”
ทองคำหนึ่งถึงสองพันตันก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ มูลค่าไม่ต่ำไปกว่ายุทธนาวี เป็นคนต้องอย่าโลภมาก และไม่ควรคาดหวังมากเกินไป
เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินสือโอวจึงตบบ่าบิลลี่แล้วพูดว่า “โอเค เพื่อน งั้นนายให้คนงานลงมือเถอะ ไปงมมันขึ้นมา”
บิลลี่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ ฉิน แต่เรื่องนี้ต้องให้นายออกหน้าด้วย”
…………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset