ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 934 ได้รางวัลเหมือนกัน

“ดูสิ องค์กรที่นายกเทศมนตรีต้องจัดการมีมากขนาดนี้ แต่บางองค์กรก็มีไว้เพื่อให้คำปรึกษาเท่านั้นซึ่งง่ายต่อการดูแล เพราะว่าทุกคนช่วยกันบริการ”
“ส่วนอื่นๆ ล่ะ? พวกเขามีอำนาจในการสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาได้ นายต้องระวัง พวกนี้อาจจะทุจริต พวกเขาอาจจะแลกเปลี่ยนอำนาจและเงินกับคนบางคน อาจจะแค่เป็นหุ่นนั่งกินเงินเดือนไปวันๆ แต่พอพวกนี้มีเรื่องขึ้นมา ปัญหาจะมาตกอยู่ที่นาย!” เออร์บักพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจ
ฉินสือโอวยื่นมือออกมาแล้วอุทานว่า “เกี่ยวอะไรกับผม?!”
“แน่นอนว่าเกี่ยวกับนาย! จะบอกอะไรให้นะ พอเกิดเรื่องประชาชนที่เลือกนายเขาไม่ไปตำหนิคนพวกนั้นหรอก แต่พวกเขาจะตำหนินาย ฉิน พวกเขาจะตำหนิว่านายจัดการไม่ดี ไร้ความสามารถในการนำทีม! อย่าเถียงกับฉันเลย ใครให้นายเป็นนายกเทศมนตรีกัน?” เออร์บักพูดอย่างเคร่งขรึม
“แต่ว่าฝ่ายพวกนี้ก็มีข้อดีอยู่ พนักงานก็มาจากประชาชนเป็นคนเลือก ดังนั้นความรับผิดชอบจึงไม่ได้ตกที่ตัวนายคนเดียว ถัดมาก็ยังมีบางฝ่าย นายต้องชัดเจนก่อนเพราะผู้รับผิดชอบของฝ่ายพวกนี้นายเป็นคนกำหนดเอง นายบอกว่าเป็นใครก็เป็นคนนั้น พอเกิดเรื่องนายต้องรับผิดชอบทั้งหมด! รับผิดชอบเรื่องครั้งนี้ทั้งหมด!”
“มีฝ่ายไหนบ้างนะเหรอ? สภาประเมินทรัพย์สิน คณะกรรมการอนุรักษ์ธรรมชาติ คณะกรรมการมรดกทางประวัติศาสตร์ สภาวางแผนงาน คณะกรรมการคมนาคม สภาการแพทย์และอนามัย สภากำจัดขยะมูลฝอย สภาผู้สูงวัย คณะกรรมการคนพิการ…”
เออร์บักเริ่มยกมือขึ้นมานับ ไล่ไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ทุกครั้งที่เขาพูดขึ้นมาหนึ่งชื่อ สีหน้าฉินสือโอวก็จะดูซึมไปทีละน้อย พูดจนฉินสือโอวสุดท้ายต้องยั้งเขาไว้ พูดอย่างสิ้นหวังว่า “ก็แค่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ทำไมถึงได้มีหลายฝ่ายขนาดนี้?”
ทนายชรายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “นี่คือแนวคิดการจัดการทางการเมืองของประเทศแคนาดา อำนาจต้องกระจายบ้าง ผู้คนคิดว่าการกระจุกตัวของอำนาจที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดการทุจริตและระบบราชการ ทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง”
“ดังนั้นแล้ว ส่วนที่อาจจะก่อให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจ พวกเขาต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นโดยการออกแบบระบบ ต่อให้การออกแบบระบบแบบนี้จะนำมาซึ่งความไม่สะดวกในหลายด้านแต่ก็ต้องทำ”
ฉืนสือโอวนวดขมับ ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ “แผนกต่างๆ ที่เมื่อกี้คุณพูดมารวมๆ แล้วก็ 50 ได้ใช่ไหม? แต่ที่ผมจำได้แน่ๆ พนักงานข้าราชการของเมืองเล็กนี้มีไม่ถึง 50 คนนะ”
เออร์บักตอบ “ผิดแล้ว ทั้งหมด 28 คน นี่ยังไม่รวมสถานีตำรวจ แต่มีบางคนก็ทำงานไม่ประจำด้วย ถ้านายเจาะจงไปที่ภาครัฐก็คงไม่ได้เจอพวกเขาหรอก”
“ไม่ทำประจำก็ได้เหรอ?” ฉินสือโอวอยากจะตะโกนลั่นออกมา เป็นรัฐบาลที่แปลกอะไรอย่างนี้
“ยังจำตอนที่นายเพิ่งมาได้ไหมว่ากรมสรรพากรมีระบบในการทำงานยังไง? เข้างานแค่จันทร์ พุธ ศุกร์ ดังนั้นแล้วไม่ได้ทำงานประจำจะไปแปลกอะไร” เออร์บักพูดอย่างมีเหตุมีผล
ฉินสือโอว “รัฐบาลเทศบาลโคตรแบบเชี่ย!”
“ไม่ใช่แค่ตำแหน่งพวกนี้ อย่างหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคล การพาณิชย์ภาครัฐ การอนุมัติวางแผนที่ดินและด้านทรัพย์สิน ก็ไม่ต้องทำงานประจำก็ได้…” เออร์บักพูดอย่างช้าๆ
รอบนี้ฉินสือโอวทนไม่ไหวตะโกนลั่นขึ้นมา “เชี่ย นี่ก็ไม่ต้องทำประจำได้เหรอ?!”
“ใช่สิ นายกเทศมนตรีพาร์ทไทม์ไง เมื่อกี้ฉันก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ? นายลืมแล้วหรือว่าไม่ตั้งใจฟังกัน?” เออร์บักแสร้งทำเป็นไม่พอใจ แสดงสีหน้าจริงจังออกไป แต่ในความเป็นจริงแล้วแววตาของเขากำลังยิ้มออกมาอยู่
แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้ฉินสือโอวโดนหลอกแล้ว เขาลูบหน้าตัวเอง คุ้นๆ ว่าเออร์บักได้พูดเรื่องนี้กับเขาไปแล้วจริงๆ แต่เขากลับงงไปเอง
ที่แท้งานของนายกเทศมนตรีก็น่ากลัวแบบนี้นี่เอง!
ฉินสือโอวก่นด่า “แม่ง ผมโดนแฮมเล็ตหลอกแล้ว เขาบอกว่าเป็นนายกเทศมนตรีง่ายนิดเดียว ผมต้องไปคิดบัญชีกับเขา!”
เออร์บักยักไหล่ “จริงๆ แล้วถ้านายทำงานจนคุ้นเคยแล้ว มันก็ไม่ได้ยากจริงๆ นั่นแหละ แต่จุดสำคัญคือนายต้องอดทนทำงานงานนี้ และสัมผัสคลุกคลีในทุกๆ ด้านของเมืองเล็ก”
เหมาเหว่ยหลงนั่งฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ มาตลอด พอเห็นว่าทนายชราพูดมาพอสมควรแล้ว เขาจึงเสริมเพิ่มเติมหน่อย “ฉินโซ่ว งานนายกเทศมนตรีไม่ได้ง่ายจริงนะ ฉันไม่รู้สถานการณ์ฝั่งนี้ของนาย แต่ฝั่งฉันพวกประชาชนพอมีเรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็ชอบไปหานายกเทศมนตรี บ้านใครหมาหาย ไก่วิ่งหนีไป ลูกใครถูกคนข่วน ก็ไม่ไปหาตำรวจ แต่ไปหานายกเทศมนตรี!”
ฉินสือโอวนอนแผ่ลงอย่างทรมาน พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เมื่อก่อนก่อนที่จะออกนอกประเทศ  มีคนบอกว่าข้าราชการของประเทศแคนาดาเป็นขี้ข้าของประชาชนอย่างแท้จริง ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก แต่นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย”
บรรยากาศอึมครึมขึ้นมา ฉินสือโอวคิดดูแล้วก็รู้สึกแปลก “ถ้าเป็นแบบนี้ แล้วใครจะยินยอมเป็นนายกเทศมนตรีล่ะ?
เออร์บักพูดเสียงเรียบว่า “ก่อนอื่นเลย ยังไงก็มีคนยินดีที่จะรับใช้ประชาชนในเมืองนี้อยู่แล้ว อย่างที่สอง รายได้ของนายกเทศมนตรีดีมากทีเดียว สุดท้าย สวัสดิการหลังเกษียณของนายกเทศมนตรีก็ดีมากเช่นกัน รายได้ก็เหมือนกับเวลาทำงาน นอกจากนี้แล้วรัฐบาลยังพาไปเที่ยวต่างประเทศทุกปีอีกด้วย”
ฉินสือโอวไตร่ตรองสวัสดิการต่างๆ ที่เออร์บักพูดมา ท้ายสุดก็ส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นใครอยากเป็นก็ไปเป็นเลย ผมไม่ได้ขาดเงิน แล้วผมก็ไม่ได้อยากไปท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย”
วินนี่เดินเข้ามาพร้อมท้องโตแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ พอถึงเวลาฉันไปเข้าร่วมลงเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีดีไหม?”
ฉินสือโอวนึกว่าเธอล้อเล่น จึงลูบไปมาที่ท้องโตของเธอ หัวเราะแล้วพูดขึ้น “ถึงเมื่อไรกัน ถึงตอนนั้นท้องของคุณก็ยังโตแบบนี้อยู่”
เหมาเหว่ยหลงร้องโห่ขึ้นมา บอกให้พวกเขาไปแสดงความรักต่อกันไกลๆ ส่วนเขาจะโชว์ความรักต่อลูกน้อย
เรื่องที่เกี่ยวกับนายกเทศมนตรีจึงจบลงชั่วคราวเพียงเท่านี้ แล้วฉินสือโอวก็พักเพื่อฟื้นฟูเส้นเอ็นของเขาอย่างสงบ
โอโดมส่งยาพ่นมาให้สองขวด บอกเขาให้ใช้ขวดแดงพ่นก่อน อีกครึ่งชั่วโมงให้หลังค่อยตามด้วยขวดเขียว ใช้สลับกันสองขวด พ่นสี่ครั้งต่อวัน อย่างมากภายในหนึ่งสัปดาห์เขาก็สามารถกลับมาเดินเป็นปกติได้แล้ว
“จำไว้ว่าพ่นได้แต่ขาหนีบนะ ห้ามพ่นตรงจุดอื่น!” โอโดมกำชับเรียบร้อยก่อนจากไป
วินนี่ช่วยนวดให้ฉินสือโอว หลังจากนั้นก็กะจะพ่นขวดยาสีแดงต่อ ปรากฏว่าพวกแมวป่าน้อยปีนขึ้นมาบนโซฟาอีก อ้าขาสั้นๆ ทั้งสองข้างออกให้วินนี่นวดพวกมันเช่นเคย
ฉินสือโอวทนดูไม่ได้ แกล้งขู่พวกมันโดยการง้างมือตบไปทีหนึ่ง แต่พวกมันไม่กลัว มุดหนีเข้าไปอ้อมอกวินนี่ รู้ว่าวินนี่ปกป้องพวกมันแล้วจะปลอดภัย
มีแค่เขาและวินนี่ในห้องรับแขก ฉินสือโอวจึงถอดกางเกงออกโดยไม่สนใจใครแล้วฉีดพ่นยาตรงขาหนีบ ส่วนผสมในขวดแดงคือน้ำมัน ซึ่งซึมซับเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นสักพักตรงบริเวณขาหนีบเขาก็มีความรู้สึกร้อนวูบๆ
ซิมบ้ายื่นหัวเล็กๆ ของมันมามองทุกการกระทำ รอจนฉินสือโอววางขวด มันจึงอ้าขาแล้วร้องเรียกใหญ่
ฉินสือโอวจ้องมันแล้วยกขวดแดงขึ้นพร้อมถามว่า “ร้องทำไม? อยากจะพ่นด้วยเหรอ?”
ดวงตาเล็กดำสนิทของซิมบ้าก็จ้องไปที่เขาเช่นกัน แล้วร้องออกมาไม่หยุด ไม่นานหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอก็ออกันขึ้นมา แหกขาและส่งเสียงร้องเช่นกัน
ก่อนหน้านั้นพวกมันอ้าสองขาทำตามฉินสือโอวแล้วได้รับการนวดจากวินนี่เป็นรางวัล จึงนึกว่าอยากได้อะไรก็ให้ทำตามเขา ไม่ผิดพลาดแน่ๆ อย่างไรก็ตามอะไรที่เขาได้ พวกมันก็ต้องได้เช่นกัน
ฉินสือโอวเขกไปที่หัวของมันด้วยความขมขื่น แสดงออกถึงความไม่พอใจ แล้วก็พ่นยาไปที่เป้าของซิมบ้า
ทันใดนั้น หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอก็ออกันขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น อ้าขาสองขาอย่างว่านอนสอนง่ายให้เขาพ่นยาให้
หลังจากนั้นผ่านไปครึ่งนาที ท่าทางของพวกมันก็ผิดปกติ โดยเริ่มจากแมวป่าน้อย เพราะมันเป็นแมว จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองไวที่สุด มันรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งไปมาอย่างกระวนกระวาย หลังจากนั้นก็กระโดดขึ้นพร้อมเสียงร้องโหยหวน!
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset