ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 901 ปูหิมะเดินทัพ

ไม่รู้ว่าทำไมปูราชินีพวกนี้ซึ่งก็คือปูหิมะถึงมารวมตัวกัน อาจจะเพราะฤดูหนาวมาเยือน พวกมันจึงอพยพกลุ่มไปที่บริเวณแถวๆ แนวปะการังในน่านน้ำนอกชายฝั่ง เพราะตรงนี้มีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน อาหารก็อุดมสมบูรณ์แถมอุณหภูมิน้ำยังเหมาะกับการอยู่อาศัยและขยายพันธุ์
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่กระจายออกไป จึงพบว่าในเขตสิบกว่าตารางกิโลเมตรเต็มไปด้วยปูหิมะ!
ฉินสือโอวมองดูฝูงปูยั้วเยี้ย ในใจก็แอบอุทานขึ้นมาว่า มหาสมุทรช่างกว้างใหญ่จริงๆ จึงยากที่จะเก็บสถิติจำนวนของสิ่งมีชีวิต เขารู้มาตลอดว่าฟาร์มปลามีฝูงปู แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีมากขนาดนี้!
แล้วเขาก็แน่ใจว่าฝูงปูนี้เป็นหนึ่งในฝูงปูที่มีอยู่มากมาย ซึ่งในแถบทะเลอื่นก็มีฝูงปูอาศัยอยู่
เพียงแต่ฝูงปูพวกนี้ฤดูหนาวไม่อยู่กับที่ พวกมันจะเดินไปไหนกันแน่?
ฉินสือโอวสงสัย หลังจากที่ฝูงปูเลือกแถบทะเลที่จะอยู่ตอนฤดูหนาวไปแล้วก็มักจะไม่ค่อยย้ายถิ่นฐาน ฝูงปูที่เขาสังเกตได้ในตอนนี้ก่อนหน้าก็อยู่นิ่งๆ ที่ก้นทะเล ดูจากการเคลื่อนไหวของพวกปูครึ่งฝูงหลังก็รู้ได้ว่า ปูหิมะส่วนมากที่นั่นยังไม่ได้ตามขึ้นมา
แต่ดูจากการเคลื่อนไหวของปูที่อยู่นำหน้า ฝูงปูก็ดูเหมือนกองทัพหนึ่ง ค่อยๆ ตามปูที่นำหน้าเข้าไปใกล้แนวปะการัง
อย่างกับเป็นการประกาศต่อๆ กัน หรืออาจจะเพราะพวกปูหิมะเลียนแบบตามๆ กัน ปูข้างหลังเดินตามปูข้างหน้าที่ลุกเดิน แบบนี้ต่อกันจากหน้าไปหลัง เหมือนเป็นการเคลื่อนพลของปูทั้งกลุ่ม
แม้ว่าปูหิมะตัวเดียวไม่ถือว่าใหญ่มาก แต่มองดูการเดินกองพลของปูที่อาจจะมีมากถึงหลายแสนตัว ความน่าอัศจรรย์ใจนั้นก็ทำให้ฉินสือโอวชื่นชม
ฉินสือโอวสังเกตดูภาพที่ปูหิมะเดินโยธวาทิตอย่างชื่นชม ช่างดูน่าเกรงขามจริงๆ ปูหิมะหลายแสนตัวรวมกันเป็นทัพกระดองเดินหน้า ระหว่างทางเจอหอยก็ใช้ก้ามหนีบเอามากิน เจอหอยงวงช้างก็งัดออกมากิน หรือหากเจอสาหร่ายพวกมันก็ฉีกกินซะ…
ยิ่งดูฉินสือโอวก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่สู้ดี เขาพลิกตัวลุกขึ้นมาจากเรือ หู่เป้าฉงที่กำลังเล่นอยู่ก็ตกใจ พวกมันก้มหน้าแล้วมองลงในน้ำตามเขา
ปรากฏว่าเบียดกันไปเบียดกันมา แค่ฉงต้าเบ่งพุงก็เบียดเป้าจือตกจากเรือร่วงลงทะเลไปดังตูม
จริงอยู่ที่หู่จือกับเป้าจือเป็นนักว่ายน้ำตัวยง แต่นี่ก็ไม่หมายความว่าพวกมันยินดีที่จะว่ายน้ำในทะเลตอนฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเสียหน่อย แบบนี้ฉงต้าก็หาเรื่องเข้าแล้ว หู่จือออกหน้าแทนเพื่อน พุ่งไปข้างหน้าฉงต้าแล้วแยกเขี้ยวยิงฟันใส่
ตอนหลังเป้าจือก็ปีนขึ้นมาแล้วโจมตีฉงต้าจากข้างหลังอย่างหัวเสีย
เรือโยกขึ้นมาทันใด ฉงต้าตอนนี้ไม่ใช่ลูกหมีอีกแล้ว มันโตมากแล้ว
ฉินสือโอวหันมาตะโกนว่า ‘หยุด’ หู่จือเป้าจือออกห่างจากข้างตัวฉงต้าแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ก็ยังคงจ้องมองมันด้วยสายตาหงุดหงิด ฉงต้าไม่สนใจ มันเดินส่ายก้นไปข้างๆ ตัวฉินสือโอว แล้วเบิกตามองดูด้านล่างราวกับสามารถมองเห็นก้นทะเลได้
ที่ก้นทะเล ในตอนที่กองทัพปูหิมะเคลื่อนผ่านนั้นดูราวกับเป็นฝูงตั๊กแตนปาทังกาผ่านมาก็ไม่ปาน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าที่ที่พวกมันผ่านไม่มีหญ้างอกสักต้น อย่างน้อยปลากุ้งหอยตัวเล็กก็ถูกพวกมันฉีกกินจนหมด โดยเฉพาะหอย ซึ่งเป็นของชอบของพวกปูหิมะ
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล ปูหิมะไม่มีทางเข้ามาที่แนวปะการังโดยไม่มีสาเหตุ จุดประสงค์ที่พวกมันทำแบบนี้คืออะไร?
ไม่ว่าจุดประสงค์จะคืออะไร ฉินสือโอวก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกมันบรรลุเป้าหมายได้ เพราะแนวปะการังเป็นหัวใจของฟาร์มปลา เป็นที่ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สุด แม้จะบอกว่าหลังจากที่ปูหิมะย่างกรายเข้าไปในแนวปะการังจะจัดการพวกหอยอย่างเช่น หอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่หิน หอยเสียบเป็นอันดับแรก แต่ก็ยังเป็นภัยอันใหญ่หลวงต่อแนวปะการังอยู่ดี
พวกหอยอย่างหอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่หิน หอยเสียบเป็นภัยต่อแนวปะการังก็จริง คราวที่แล้วตอนที่น้ำลดฉินสือโอวก็พาคนไปเก็บหอยพวกนี้ ปกติเขาจะส่งทัพกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไปเก็บกวาดพวกมัน จำนวนก็เลยไม่ถือว่าเยอะมาก ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของปะการังสักเท่าไร
แต่ปูหิมะพวกนี้ ตามหลักการแล้วพวกมันไม่กินโพลิป แต่จำนวนมีมากเกินไป ก็เหมือนกับตั๊กแตนปาทังกา พวกมันเคลื่อนพลผ่านทรายยังกินเข้าไปได้เม็ดสองเม็ด นับประสาอะไรกับโพลิป? หากพวกมันเจออะไรก็กินหมดจริงๆ !
ปูหิมะถือเป็นปูดุร้ายชนิดหนึ่ง พวกมันสามารถเอียงข้างเดินตามก้นทะเลได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ปูนำทางจำนวนหนึ่งไต่ขึ้นมาที่แนวปะการังก็มุ่งตรงไปที่อยู่อาศัยของหอยนางรมลอยในทันที ส่วนหอยนางรมลอยก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตราย ยื่นเท้าออกมาเตรียมจะหนี
แต่ว่าความเร็วของทั้งสองฝ่ายนั้นต่างกันมาก หอยที่ปูหิมะเล็งไว้ก็เป็นเหมือนแกะที่ต้องจะเข้าปากเสือ โอกาสหนีรอดต่ำมาก
ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น โธ่เอ๊ย เขามันรนหาที่เอง เมื่อกี้เขาปล่อยพลังโพไซดอนไปแบบส่งๆ พวกปูหิมะต้องสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าดึงดูดสูงนี้จึงเดินทางมาเพื่อรับพลังโดยเฉพาะ
แต่พลังโพไซดอนถูกสาหร่าย ปะการัง และหอยนางรมลอยดูดไปหมดแล้ว จากนั้นปูหิมะเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หอยนางรมลอยแทน
หลังจากที่เข้าใจถึงจุดนี้ ฉินสือโอวก็ร้อนใจโดยพลัน รีบควบคุมให้ปูนำทางหันกลับไปทางเดิม
แต่เขาดูถูกความดึงดูดของพลังโพไซดอนที่มีต่อปูหิมะ ปูไม่ค่อยฉลาดเท่าไร สมองน้อยเกิน ฉินสือโอวไม่มีทางออกคำสั่งให้พวกมันไปจากแถบทะเลแนวปะการัง ภายใต้สัญชาตญาณเอาตัวรอดและวิวัฒนาการของพวกมัน ทัพปูหิมะเดินหน้าไปทางแนวปะการังอย่างแน่วแน่แถมยังทุกตัวด้วย!
มองดูทัพปูหิมะที่ทะลักมา ฉินสือโอวก็เกิดเหงื่อตกทั้งที่อยู่ในช่วงฤดูหนาว ถ้าปูพวกนี้โจมตีแนวปะการังงั้นระบบนิเวศของที่นี่ก็เป็นอันถึงคราวอวสาน!
พูดถึงก็ตลกดี แม้แต่ฝูงฉลามขาว หรือวาฬก็ไม่เคยทำลายห่วงโซ่ระบบนิเวศของแนวปะการัง แต่ตอนนี้ความอยู่รอดกลับไม่ปลอดภัยเพราะปูหิมะที่ดูตัวเล็กและอ่อนแอ
ฉินสือโอวรีบเรียกทหารมาต่อกร เขาเรียกไอซ์สเกต บอลหิมะ และบีนมาก่อน เจ้าพวกนี้เป็นผู้ติดตามเขาเชียวนะ
ได้รับคำสั่งจากพ่อ ฉลามเสือทรายที่เพิ่งงอกโหนกที่หัว วาฬเบลูกากับโลมาก็ว่ายมาพร้อมกับรังสีอำมหิต พวกมันกำลังเตรียมจะแสดงอานุภาพในการต่อสู้ แต่พอเห็นฝูงปูหิมะที่มีจำนวนมากมายก่ายกอง ตาก็จ้องเขม็งในทันที…
พ่อ หาผิดคนแล้ว เราเก่งแบบตัวต่อตัว ต่อให้เป็นวาฬเพชฌฆาตเราก็ยังกล้าเข้าไปประมือด้วยสักหลายร้อยกระบวนท่า แต่ว่า แต่ว่า แต่ปูตัวเล็กพวกนี้ เราก็จนปัญญานี่นา!
เพียงแต่วินัยของทั้งสามก็ยังคงยอดเยี่ยม ในเมื่อพ่อให้พวกมันขวางเจ้าพวกนี้ไว้ งั้นก็ไม่ต้องพูดมาก ลงมือเลย
ทั้งสามอ้าปากกินอย่างบ้าคลั่ง ปูก็เป็นอาหารอย่างหนึ่งของพวกมันเหมือนกัน เนื้อปูหิมะก็เด้งอร่อย แต่ว่านี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกมันจะกินปูได้สักกี่ตัว? กินยังไวไม่เท่ากับที่พวกมันขยายพันธุ์เลย!
ปูหิมะเป็นปูที่ขยายพันธุ์เก่งที่สุด แม่ปูตัวหนึ่งผลิตทายาทที่มีชีวิตรอดได้ครั้งละหมื่นตัว นี่ก็คือสาเหตุที่พวกมันกลายเป็นทรัพยากรปูทะเลอันดับหนึ่งของโลก แค่ที่อเมริกาปีปีหนึ่งก็จะสามารถงมจากแถบทะเลอะแลสกาขึ้นมาได้แสนตันหรือแปดหมื่นตัน!
ฉินสือโอวแค่หวังว่าทั้งสามจะทำให้ปูหิมะตกใจ แต่วิธีของเขาก็ไม่ได้ผล ปูหิมะแค่ตัวเดียวหากมาสู้กันก็ถือว่าอ่อนแอมาก แต่หลังจากที่พวกมันกลายเป็นกองทัพขนาดใหญ่ กำลังรบก็แข็งแกร่งไร้เทียมทาน!
ทั้งสามกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ปรากฏว่าจู่ๆ ปูหิมะก็เพิ่งความเร็ว จากนั้นก็ล้อมเข้ามาจากทุกทิศทาง เหล่าปูมากมายพุ่งเข้ามา ตัวบนก็เหยียบตัวล่าง พริบตาเดียวก็ล้อมเจ้าสามตัวไว้ได้
ทีนี้เหล่าปูก็เข้าถึงตัวทั้งสามได้แล้ว ก้ามปูขยับยุบยับ เปิดศึกนองเลือด!
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset