ภาพถ่ายที่ชาวประมงบนเรือดีพซีแซฟไฟร์ถ่ายไว้กลายเป็นพาดหัวข่าวอย่างรวดเร็ว ข่าวเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของเรือผีลำใหม่ในน่านน้ำนิวฟันด์แลนด์ สร้างความตื่นตะลึงให้กับบรรดาชาวประมงในเมืองตามแนวชายฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
อารยธรรมใดๆ ล้วนแต่มีตำนานที่เล่าต่อกันมาทั้งนั้น และที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เรื่องเล่าที่เป็นตำนานที่สุดก็คือตำนานเรือผี
ครั้งที่แล้วตำนานเรือผีปรากฏขึ้นมา คือเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ในตอนนั้นมันเป็นเพียงเรื่องที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ไม่เพียงแต่มีคนสองกลุ่มที่มองเห็นเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ แต่ยังมีคนถ่ายรูปเรือลำนี้เอาไว้อีกด้วย!
เมื่อดูจากภาพถ่ายเลือนราง ก็เหมือนว่าเรือลำนี้เพิ่งจะลอยขึ้นมาจากก้นทะเลจริงๆ ส่วนนี่จะใช่เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์จริงๆ หรือไม่ ใครจะไปสนใจกันล่ะ?
เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์อับปางลงสู่ก้นทะเลลึก นี่เป็นเรื่องราวกว่าร้อยปีมาแล้ว ในตอนนั้นมันเป็นเพียงเรือโดยสารธรรมดาๆ ลำหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เรือไททานิค ไม่มีใครถ่ายรูปเอาไว้ ดังนั้นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเรือลำนี้ จึงเป็นเศษส่วนที่ตกหล่นออกมา
นี่เป็นสาเหตุที่พวกชาวประมงเลือกเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์มาเป็นตัวหลอก หากอ้างเรืออับปางจากยุค 80 แบบนั้นก็เท่ากับเรื่องตลกแล้ว เพราะเรือในยุคปัจจุบัน พอลงทะเลก็จะถูกถ่ายรูปเก็บไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแปลนเรือที่ถูกเก็บเอาไว้ในระเบียนเลย
เดิมทีข่าวที่มีความเกี่ยวข้องปรากฏขึ้นครั้งแรกในเว็บบอร์ดเกี่ยวกับมหาสมุทรบางเว็บไซต์ ต่อจากนั้น ข่าวนี้ก็เริ่มแพร่กระจายออกไปบนทวิตเตอร์อย่างบ้าคลั่ง จนสุดท้ายช่องทีวีบางแห่งก็เริ่มนำเสนอข่าวนี้เช่นกัน
คนธรรมดาทั่วไปต้องพากันดูแคลนข่าวนี้อยู่แล้ว พวกเขามั่นใจว่านี่ต้องเป็นวิดีโอที่ถูกทำขึ้นมาแกล้งหลอกคนเล่นแน่ๆ ส่วนเรื่องภาพถ่าย? ก็คงจะใช้โฟโตชอป และถึงแม้จะไม่ใช่โฟโตชอป ภาพมันเบลอขนาดนั้น ใครที่ไหนจะมองเห็นได้ชัดกัน?
คนที่อาศัยท้องทะเลในการเลี้ยงชีพกลับไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขาไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ สำหรับคนทั่วไปแล้วนี่เป็นเพียงแค่เรื่องขำขัน แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ความหวาดกลัวที่มีอาจจะมากพอที่จะทำลายครอบครัวและอาชีพการงานของพวกเขาเลยก็ได้
เรือไก่ฟ้ามิกาโดกับเรือดีพซีแซฟไฟร์ เพราะเรือสองลำนี้พบกับเรือผี ปีนี้ทั้งปีจึงจะไม่สามารถออกทะเลได้อีกแล้ว เนื่องจากตามตำนานที่เล่าต่อกันมา วิญญาณจะติดตามอยู่ที่ก้นเรือ รอคอยพวกเขาอยู่ตลอด
คนที่ชอบลองดีก็จะขับเรือไปที่น่านน้ำระหว่างนครเซนต์จอห์นกับหมู่เกาะแซงปิแยร์ ลอยลำอยู่บนน้ำเพื่อที่จะพบกับเรือผีในตำนาน แน่นอนว่า พวกเขาย่อมไม่สามารถพบเห็นมันได้อยู่แล้ว
ฉินสือโอวบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว นับตั้งแต่ข่าวลือเรื่องเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ถูกเผยแพร่ออกไป เรือที่เข้ามารุกล้ำฟาร์มปลาของเขาก็หายเข้ากลีบเมฆไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากกลัวว่าจะพบกับเรือผี เรือขโมยปลายังกลัวที่จะถูกเรือทั่วไปที่ลอยไปลอยมาพวกนั้นพบเข้าอีกด้วย เพราะถึงยังไงพวกเขาก็มาขโมยปลา ถ้าถูกคนพบเข้า แล้วเอาไปแจ้งตำรวจหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่ง แบบนั้นก็คงจะกินไม่หมด แอบห่อกลับ[1]จริงๆ แล้ว
ตำนานเรื่องเล่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดือนพฤศจิกายนมาถึงแล้ว และที่นิวฟันด์แลนด์ในเดือนพฤศจิกายน ก็เป็นช่วงเวลาของฤดูหนาวแล้ว
หิมะแรกของปีนี้มาถึงเร็วเป็นพิเศษ เช้าวันแรกของต้นเดือน ฉินสือโอวลุกจากเตียงมาเตรียมตัวออกกำลังกายยามเช้าข้างนอก ก็เห็นว่าด้านนอกของวิลล่ามีหิมะสีขาวตกลงมาแล้วหนึ่งชั้น…
เกล็ดหิมะร่วงลงมาจากทั่วท้องฟ้าอย่างยิ่งใหญ่สง่างาม ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนที่ต้นชูการ์เมเปิลในสวนไม่มีใบเหลืออยู่แล้ว เกล็ดหิมะตกลงมาบนกิ่งก้าน ประดับตกแต่งจนเต็มไปด้วยสีขาวเงิน
หู่เป้าฉงหลัวเหล่าสัตว์เลี้ยงพวกนี้ชอบเล่นกันท่ามกลางหิมะเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวตั้งใจจะให้พวกมันลองลงไปดูระดับความหนาของพื้นหิมะ ดังนั้นเขาจึงโยนพวกมันทั้งสี่ตัวออกไป
ฉงต้าเข้าไปในพื้นหิมะแล้วโบกอุ้งเท้าโปรยหิมะ ปรากฏว่าโปรยได้ไม่เท่าไร ทันใดนั้นมันก็คลำโดนของหนักๆ อย่างหนึ่ง จึงเผลอยกมันขึ้นมา หลังจากนั้นก็เผยให้เห็นใบหน้าด้านๆ ที่ดูโหดเหี้ยมดุร้ายของมาสเตอร์
ไอ้แม่สิ้น หมีงี่เง่าแบบแกคิดจะเป็นศัตรูกับข้าอย่างนั้นเหรอ? มาสเตอร์ที่กำลังจะจำศีลในพื้นหิมะกับดวงตาทั้งสองข้างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยากจะอ้าปากกัดฉงต้าจนแทบแย่
แต่มันก็ทำไม่ได้ เนื่องจากตอนนี้ร่างกายของมันรู้สึกมึนชาไปครึ่งตัวแล้ว ขยับไม่ได้เลย
เต่าเป็นสัตว์เลือดเย็น ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอุณหภูมิร่างกายไม่คงที่ ในฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเย็นและขาดแคลนอาหาร ทำให้พวกมันต้องเข้าสู่การจำศีล
อาหารในฟาร์มปลาย่อมมีอยู่อย่างเต็มอิ่มเป็นธรรมดา อีกทั้งหิมะที่ตกลงมาในปีนี้ก็รีบเร่งจนเกินไป ฤดูใบไม้ร่วงยังไม่ทันจะสิ้นสุด หิมะตกหนักก็มาถึงแล้ว มาสเตอร์ยังไม่ทันได้เตรียมตัวดี เมื่อหิมะตกลงมาในช่วงก่อนฟ้าสางจึงทำให้มันต้องเข้าสู่สภาวะจำศีล
ขณะจำศีลอุณหภูมิร่างกายของสัตว์จำพวกเต่าจะลดลง เช่นนี้จะสามารถรักษาพลังงานและพลังชีวิตของพวกมันไว้ในขีดจำกัดที่มากที่สุด นี่ไม่ใช่สิ่งที่มาสเตอร์จะเลือกเองได้ มันเป็นการปกป้องจากร่างกายของมัน หลังจากสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิต่ำก็จะบังคับให้เข้าสู่สภาวะกึ่งจำศีลโดยอัตโนมัติ
หมีสีน้ำตาลก็ต้องจำศีลเช่นกัน แต่พวกมันสามารถเลือกได้เอง ขอแค่มีอาหารพวกมันก็จะไม่จำศีล เมื่อพิจารณาจากจุดนี้ หมีจึงเป็นสัตว์ชั้นสูงกว่าเต่าอย่างแท้จริง
เดิมทีเมื่อฉงต้าเห็นว่าตัวเองยกมาสเตอร์ขึ้นมามันก็ตกใจจนตัวโยน ตั้งแต่ที่ลงไปในทะเลครั้งที่แล้วก็เหมือนว่ามันไม่เคยตีกับมาสเตอร์มาก่อน เวลาเผชิญหน้ากับเต่าอัลลิเกเตอร์มันก็ทำตัวดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ
พลิกตัวมาสเตอร์ไว้ครึ่งหนึ่ง ฉงต้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้วจิตใต้สำนึกของมันจึงสั่งให้หนีไป หู่เป้าหลัวทั้งสามตัวก็อยากจะวิ่งหนีเช่นกัน เวลาโมโหมาสเตอร์ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น จับใครได้ก็ทำร้ายคนนั้น ไม่มีข้อโต้แย้ง!
แต่หลังจากฉงต้าวิ่งออกมาได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นมันก็พบว่าสถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างออกไป ราวกับว่ามาสเตอร์ถูกแช่แข็งเอาไว้ ตัวข้างหนึ่งของมันล้มอยู่ในพื้นหิมะ คาดไม่ถึงว่าขาทั้งสี่ข้างจะทำได้เพียงสะบัดไปมาอย่างเชื่องช้า ไม่เหมือนกับในช่วงฤดูร้อน ที่สามารถปีนขึ้นมาได้อย่างปราดเปรียว
การค้นพบครั้งนี้ทำให้ฉงต้ารู้สึกทะนงตัวขึ้นมา มันลองวิ่งกลับไปใช้อุ้งเท้าแหย่หัวมาสเตอร์ดูก่อน
เต่าอัลลิเกเตอร์ไม่สามารถหดหัวกับขาทั้งสี่ข้างกลับเข้าไปในกระดองได้ทั้งหมด ทำได้แค่ยอมให้ฉงต้าทรมานมันเล่นอยู่อย่างนี้
ฉงต้ายื่นอุ้งเท้าที่มีขนปุกปุยออกไปขยับหัวมาสเตอร์ เขี่ยไปได้สักพัก ก็ตบลงไปบนกระดองของมาสเตอร์จนมันพลิกล้มลงอีกครั้ง ส่วนมาสเตอร์ก็ทำได้เพียงจ้องมองมันด้วยสายตาราวกับกำลังจะพ่นไฟ ไร้ทางตอบโต้
ทันใดนั้น ฉงต้าก็เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ มันร้องคำรามขึ้นมาอย่างมีความสุข
หู่เป้าหลัวแก้วตาดวงใจทั้งสาม ก็พากันวิ่งเข้ามามุงดู พวกมันเห็นฉงต้าแกล้งมาสเตอร์อย่างมีความสุข จึงฟาดเท้าอ้าปากงับ เริ่มแกล้งมาสเตอร์ให้ตกอยู่ในความยากลำบาก
ตอนนี้ส่วนหัวของปอหลัวโตจนเลยกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่แล้ว เพราะนอนอยู่ในพื้นหิมะมาครึ่งคืน หัวของมันจึงเป็นสีขาวโพลนทั่วทั้งหัว
มันเป่าลมออกทางจมูกพร้อมกับสะบัดหัวแล้วเดินออกมา พอเห็นมาสเตอร์ถูกพลิกไปมาจนมีสภาพแบบนี้ มันก็ชะงักงันไปชั่วครู่ ต่อจากนั้นมันก็วิ่งสะบัดก้นข้ามไปทันที มันก้มหัวลงต่ำ จนเหมือนรถดันดินดันมาสเตอร์ให้ไถลไปกับพื้นหิมะ
หลัวปอเห็นว่าน่าสนใจ จึงกระโดดขึ้นไปบนหลังมาสเตอร์ ปอหลัวใช้หัวดันมาสเตอร์วิ่งไปวิ่งมา เท้าหลัวปอเหยียบอยู่บนแผ่นกระดูกหลังของมาสเตอร์ มันทำท่าทางโอหังอย่างดูถูกเหยียดหยาม ทั้งยังแหงนหน้าหอนบรู๊วๆ ออกมา
ฉินสือโอวไปวิ่งออกกำลังกายก่อนแล้ว เขาวิ่งฝ่าหิมะมาหนึ่งรอบ หลังจากกลับมาแล้วสิ่งที่เขาเห็นก็คือมาสเตอร์ที่กำลังถูกทรมานจนจะกลายเป็นเต่าง่อยไปแล้ว
ขยี้ๆ ตา ฉินสือโอวถึงได้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาลาย มาสเตอร์ที่น่าสงสาร ถูกแกล้งจนกลายเป็นเหยื่ออย่างน่าเวทนาแล้ว!
พอเห็นว่ามาสเตอร์ขยับตัวไม่ได้ เขาก็ตกใจจนตัวโยน รีบโบกมือไล่เหล่าสัตว์เลี้ยงออกไป ลากมาสเตอร์เข้ามาในห้องรับแขก ต่อจากนั้นก็ลองค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ถึงได้เพิ่งรู้จักสภาวะกึ่งจำศีลของเต่าอัลลิเกเตอร์
ในวิลล่ามีเตาผิง ฉินสือโอวเลยลากมาสเตอร์ข้ามไป หลังจากจุดไฟด้วยไม้สน เปลวไฟที่เกิดจากการเผาไหม้ก็ลุกโชนขึ้นมา อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ในที่สุดสภาวะจำศีลของมาสเตอร์ก็ค่อยๆ หายไป
สภาวะกึ่งจำศีลของเต่าอัลลิเกเตอร์ ไม่ได้แตกต่างกับการติดสตันในเกมเท่าไรนัก อยากขยับก็ขยับไม่ได้ ทรมานมากๆ
ฉินสือโอวเห็นว่าอาการของมันดีขึ้นแล้ว จึงเข้าไปในห้องครัวเพื่อที่จะหาอะไรมาให้มาสเตอร์กิน ปรากฏว่าเขาเพิ่งจะเดินออกไป หู่เป้าฉงหลัวกับปอหลัวที่แอบมองอยู่ตรงประตูก็พากันวิ่งเข้ามาอย่างสนุกสนาน
รังแกมาสเตอร์ต่อ!
อาศัยช่วงที่แกป่วยเอาชีวิตแก!
ปกติปล่อยให้แกทำอวดดีมามากพอแล้ว!
……………………………………………………
[1] กินไม่หมด แอบห่อกลับ หมายถึงแอบทำเรื่องไม่ดี จึงต้องรับผลร้ายที่ตามมา
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 850 หิมะแรก
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!