ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 816 ประสบความสำเร็จบนความโชคดี

ฉินสือโอวไม่ได้ไปหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ในซากเรืออับปางตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะเขาไม่ขาดเงิน แต่ซากเรืออับปางที่อยู่ก้นทะเลมีเยอะมาก แต่การค้นหาซากเรืออับปางที่มีสมบัติซ่อนอยู่ ยังยากเกินไป
ทุกครั้งที่เข้าไปในฟาร์มปลาเพื่อสำรวจก้นทะเล ฉินสือโอวจะให้ความสนใจกับซากเรืออับปาง แอตแลนติกเหนือเป็นเหมือนสุสานซากเรือ เพราะติดอยู่กับขั้วโลกเหนือโดยตรงและมีซากเรืออับปางมากที่สุดในโลก
นอกจากนั้น เดิมทียุโรปก็ปล้นสมบัติของอเมริกากับแอฟริกา โดยใช้เส้นทางเดินเรือของมหาสมุทรแอตแลนติก และกลายเป็นเรืออับปางในยุคนั้นที่มีมูลค่ามหาศาล
เรื่องที่น่าเสียดายคือ ซากเรือพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่เคยผ่านแอตแลนติกเหนือได้ เส้นทางการเดินเรือของพวกมันคือน่านน้ำของมหาสมุทรแอตแลนติกอันเงียบสงบ
ฉินสือโอวต้องใช้พลังอย่างมากเพื่อไปที่มหาสมุทรแอตแลนติกใต้ อาณาเขตของเขาอยู่ที่แอตแลนติกเหนือ ผลจากการตระเวนไปรอบๆ เป็นเวลาหลายวัน เขาก็พบซากเรืออับปางหลายร้อยลำ แต่ด้านในนั้นไม่มีของมีค่าเลย
มหาสมุทรถือเป็นผู้ทำลายที่ทรงพลังอย่างมาก ทรัพย์สมบัติและอัญมณีที่อยู่ภายในซากเรืออับปางจมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเวลานาน หรืออาจจะถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนสลายไป หรืออาจจะถูกสารคัดหลั่งของแพลงก์ตอน ปลาและกุ้งทำลายไป
ฉินสือโอวค้นหาที่ก้นทะเลอย่างต่อเนื่องมาครึ่งวันก็ยังไม่พบของมีค่า อาหารกลางวันที่แม่ของเขาตั้งใจเตรียมไว้ให้ก็ยังไม่ได้กินสักคำ ตอนบ่ายเขาก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบอีก
พ่อของฉินพูดอย่างไม่พอใจว่า “เด็กคนนี้ยุ่งอยู่กับอะไรนักหนา ข้าวก็ไม่กินจริงจัง?”
คนเป็นแม่ก็ปกป้องลูกอย่างถึงที่สุด แม่ของฉินจ้องไปที่ชายคนเดียวในบ้านและพูดว่า “เสี่ยวโอวยุ่งอยู่กับงาน งั้นคุณล่ะเรียกว่าอะไร? เขาก็ต้องยุ่งมากขึ้นอยู่แล้วฟาร์มปลาใหญ่ขนาดนั้น!”
พ่อของฉินหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบและพึมพำกับตัวเองว่าเป็นคำแก้ตัวที่ไม่มีเหตุผล และออกไปสูบบุหรี่ด้วยกันกับพ่อของเหมาสองคน
แม่ของฉินกับแม่ของเหมาสั่งไม่ให้ทั้งสองคนสูบบุหรี่ ดังนั้นพวกเขาจึงคอยช่วยเหลือกันและกันเพื่อที่จะสามารถสูบบุหรี่ได้
การเหวี่ยงแหเป็นไม่มีประโยชน์ ฉินสือโอวไม่สามารถหาทางออกได้ หรือเขาควรไปหาแถวเรือไททานิก
เขาไม่คิดว่าของที่อยู่บนเรือไททานิกจะขายออกได้รวดเร็วขนาดนั้น เพราะซากเรืออับปางลำนี้มีชื่อเสียงมาก ของมีค่าที่อยู่ด้านในล้วนถูกสมาชิกในครอบครัวจดทะเบียนแล้ว อย่าว่าแต่งานประมูลเลย แค่นำออกมาก็จะถูกคนรู้ในทันที
สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยังต้องตำหนิความโลภที่อยู่ภายในใจของผู้คนด้วย
เรือไททานิกถูกค้นพบเมื่อปี 1985 ตั้งแต่ต้นปี 1986 บริษัทกอบกู้และนักประดาน้ำของแต่ละประเทศต่างก็รีบมาที่แอตแลนติกเหนือ และกู้ของที่อยู่ในซากเรืออับปางอย่างบ้าคลั่ง
การกู้ครั้งแรกของสถาบันวิจัยและพัฒนาทางทะเลของประเทศฝรั่งเศส และบริษัทประกันของเรือไททานิกได้กู้วัตถุทางประวัติศาสตร์ขึ้นมา 1800 กว่าชิ้น การกู้เป็นไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 1993 และ 1994 ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันอยู่หลายครั้งเพื่อกู้สมบัติที่อยู่ในซากเรืออับปางได้นับหมื่นชิ้นออกมา
หลังจากนั้น 14 ปี บริษัทของเรือไททานิกใช้เงิน 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกู้ชิ้นส่วนที่เหลือ 6 พันกว่าชิ้นจากภายในซากเรืออีกครั้ง การกระทำแบบนี้นำไปสู่ความขุ่นเคืองใจให้แก่ครอบครัวของผู้ตาย พวกเขาใช้วิธีการประท้วงและการเจรจาเพื่อบังคับรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาผ่าน ‘การระลึกถึงอุบัติเหตุทางทะเลของเรือไททานิก’ และก่อกวนเรื่องนี้ผ่านทางรัฐบาล
รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาได้ทำการสอบถามผ่านครอบครัวของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และข้อมูลของบริษัทประกันภัยรายใหญ่ในทันที และลงทะเบียนทรัพย์สินที่อยู่บนเรือเพื่อห้ามผู้คนเร่ขายสิ่งของที่อยู่ภายในเรืออย่างเคร่งครัด
แน่นอนว่าข้อมูลนี้ไม่เพียงพอที่จะห้ามได้อย่างเด็ดขาด ตัวอย่างเช่น ภาพวาดที่มีชื่อเสียงอย่าง ‘อาทิตย์อัสดงที่มงมาจูร์’ ที่ฉินสือโอวพบก็ไม่มีข้อมูลทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้
เพียงแต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกายังจัดการค่อนข้างจริงจัง ทรัพย์สินส่วนใหญ่ล้วนมีข้อมูลออกมาแล้ว ไวโอลิน ‘เสียงแห่งสวรรค์’ ที่ฉินสือโอวพบก่อนหน้านี้ก็ถูกบันทึกไว้ในคลังข้อมูล เขาจึงไม่สามารถนำไปขายเชิงพาณิชย์ได้
ฉินสือโอวไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาไปแตะต้องเรือไททานิก เขาอาจจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อก่อนพูดได้ว่าเขาโชคดี เพราะ ‘เสียงแห่งสวรรค์’ แต่ตอนนี้ผู้คนต่างก็เฝ้ามองมาที่เขา ถ้าเขานำเงินกับของมีค่าที่เกี่ยวข้องกับเรือไททานิกออกมาอีก คนโง่ก็ยังรู้ว่าตอนนี้ซากเรืออับปางลำนี้ถูกเขาแตะต้อง
ถึงตอนนั้นถ้ากองทัพเรือของแคนาดาและสหรัฐอเมริกาไปสอดส่องตำแหน่งของเรือไททานิกที่จมอีกครั้ง นั้นก็จะน่าสนใจ ตอนนี้เรือลำนี้ใกล้จะถูกทำลายแล้ว…
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาถึงตำแหน่งของซากเรือไททานิก กล่องเล็กกล่องใหญ่จำนวนมากกองรวมกันอยู่บนแนวปะการังที่ก้นมหาสมุทร พวกปลาหมึกที่ถือค้อนขนาดใหญ่กำลังทุบเรือ เรือลำนี้จะถูกส่งเข้าไปอยู่ในประวัติศาสตร์อย่างสมบูรณ์
ขอบคุณกฎหมาย ‘อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ’ ที่ไม่อนุญาตให้เผยแพร่ภาพถ่ายของซากเรืออับปางเพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปสู่ความโลภของคน ดังนั้นเรือไททานิกก็จะไม่มีกล้องวงจรปิด และอื่นๆ ซึ่งมั่นใจได้ว่าความลับของฉินสือโอวจะไม่ถูกค้นเจอ
ตอนนี้ปลาหมึกทำงานอย่างหนักเพื่อขุดกล่องออกมา โดยทั่วไปจะพบในห้องผู้โดยสารชั้น 3 หรือห้องเก็บสัมภาระ ตำแหน่งพวกนั้นอันตรายมาก นักประดาน้ำจะไม่กล้าเข้าไป แต่ง่ายมากสำหรับฉินสือโอว
ฉินสือโอวลังเลนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่แตะต้องของพวกนี้ ก่อนจะกลับไปที่น่านน้ำของฟาร์มปลาและมองหาซากเรือที่จมต่ออย่างเหม่อลอย
ผลคือเทียวไปเทียวมา เขาก็ไปถึงแนวปะการังและเห็นหอยนมสาวทะเลยักษ์ไล่ล่าเหยื่ออย่างมีความสุขอยู่ที่นั่น ตอนนี้เจ้าตัวนี้กินดีอยู่ดีเพราะมีพลังโพไซดอนคอยเสริมทำให้ดูอวบอ้วนและแข็งแรง
ฉินสือโอวมองหอยนมสาวด้วยความลังเล ความจริงไม่อย่างนั้นก็เอาเจ้าตัวนี้ไปขาย?
หลังจากเติบโตมาหนึ่งปีครึ่งภายใต้การวิวัฒนาการจากพลังโพไซดอน รูปร่างของหอยนมสาวขยายขึ้นไม่น้อย เส้นผ่านศูนย์กลางจาก 24 ถึง 25 เซนติเมตรขยายมากถึง 30 กว่าเซนติเมตรแล้ว
สำหรับหอยนมสาว ขนาดนี้ถือว่าน่ากลัวมาก รวมถึงการใช้ชีวิตของมันอีก ฉินสือโอวคิดว่าคงประมูลได้สัก 2 ถึง 3 ล้านดอลลาร์ไม่มีปัญหา
ขณะที่กำลังลังเล ข้างๆ ก็มีหอยนางรมลอยตัวหนึ่งอ้าปากอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็คายไข่มุกสีดำที่กลมเหมือนลูกบอลเม็ดหนึ่งออกมา…
ฉินสือโอวตกตะลึงในทันที เขาคิดไม่ถึงว่าจะลืมเรื่องนี้ไป ค่อนข้างนานที่เขาไม่ได้มาตรวจสอบสถานการณ์ของพวกหอยนางรมลอย
เพราะกังวลว่าจะถูกกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีทุบกิน เมื่อไม่นานมานี้ ฉินสือโอวจึงปกป้องเจ้าพวกนี้เป็นพิเศษ พวกมันจะเข้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ใจกลางของแนวปะการัง
พวกหอยนางรมลอยถือเป็นหอยที่เชี่ยวชาญในการซ่อนตัว พวกมันรู้ว่าตัวเองมีรสชาติที่ดีกับพลังป้องกันที่ไม่ดีและเป็นอาหารอันโอชะสำหรับผู้ล่าในท้องทะเลจำนวนมาก ดังนั้นหลังจากเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่แปลกไป พวกมันจะหาสถานที่ที่เป็นรอยแตกเล็กๆ ของปะการังและอื่นๆ เพื่อซ่อนตัว
พวกมันทำแบบนี้มาเรื่อยๆ หลังจากฉินสือโอวเข้าไปที่ฟาร์มปลาก็ไม่เห็นพวกมันมาเป็นเวลานานและค่อยๆ ลืมการมีอยู่ของหอยนางรมลอยไป
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การผัดหน้าบ่อยๆ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างไร
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เขาค้นหาหอยนางรมลอยที่ปกคลุมอยู่บริเวณรอบๆ น่านน้ำและมองหาไข่มุกสีดำ
หลังจากค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฉินสือโอวก็ดีใจกับสิ่งที่เจออย่างมากทันที ระยะเวลาหนึ่งปีครั้ง พวกหอยนางรมลอยเพิ่มจำนวนขึ้นมาไม่น้อยและก่อตัวขึ้นเป็นชุมชนขนาดเล็กหลายร้อยตัว
แม้ว่าชุมชนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหอยตัวเล็ก แต่ก็มีหอยตัวใหญ่หลายร้อยตัวที่อาจจะผลิตไข่มุกสีดำออกมา
พลังโพไซดอนส่งเสริมการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพวกมัน แต่การเจริญเติบโตของหอยต้องกินอาหารจำนวนมาก ดังนั้นพวกมันจะกินสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้าไปภายในกระบวนการล่าเหยื่อ
สิ่งแปลกปลอมในร่างกายจะไปกระตุ้นเยื่อหุ้มเซลล์ของหอยทำให้หอยรู้สึกไม่สบายและจะแยกไข่มุกออกมาก่อนจะนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปห่อหุ้มไว้เป็นชั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนให้เป็นลูกกลมๆ ที่ทำให้รู้สึกดีและสบายกว่าเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากนั้นก็ระบายออกมา
เมื่อหอยนางรมลอยตัวนั้นคายไข่มุกออกมา ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
รอบกายของหอยนางรมลอยส่วนใหญ่ล้วนมีไข่มุกสีดำมันวาวหลายลูกกระจายอยู่…
เมื่อก่อนฉินสือโอวคงปล่อยพลังโพไซดอนให้พวกมันมากเกินไปหน่อยจริงๆ
ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึงฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ไข่มุกสีดำคุณภาพสูงระดับนี้ ถ้าขายออกไปต้องได้เงินจำนวนหนึ่งแน่นอน!
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset